"แม็กซ์เท็กซ์ เอ็นจิเนียริ่ง" ร้อง คสช.เร่งสอบ "บูห์เล่อร์" ฉีกสัญญาเอเยนซี่เครื่องคัดแยกคุณภาพข้าว หลังฟ้อง กก.แข่งขันทางการค้า 8 เดือนไม่คืบ ถูกบริษัทคู่กรณีทุบซ้ำ หวั่นยอดขายทรุด

นายไตรภพ บุญเหมือน ประธานบริษัท แม็กซ์เท็กซ์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า บริษัทเตรียมยื่นคำร้องต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อขอความเป็นธรรม และให้เร่งรัดการดำเนินงานส่งฟ้องต่อกรณีที่บริษัทได้เคยยื่นคำร้องต่อสำนัก งานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์มาเป็นเวลาประมาณ 8 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 22 ต.ค. 2556 เพื่อพิจารณากรณีที่บริษัท บูห์เล่อร์ เอจี สวิตเซอร์แลนด์ และบริษัท บูห์เล่อร์(ไทยแลนด์) จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องคัดแยกสิ่งปลอมปน เพื่อปรับปรุงคุณภาพข้าว Buhler Sortex ในฐานะคู่สัญญา บอกเลิกสัญญาการเป็นตัวแทนจำหน่ายของบริษัทอย่างไม่เป็นธรรม ทั้งยังมีพฤติกรรมจำกัดการแข่งขันเสรี ตามมาตรา 29 ภายใต้ พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2542

"หลังจากยื่นฟ้องทางกรมได้ให้ ทั้งสองฝ่ายไปให้ข้อมูล และเตรียมจะประชุมคณะกรรมการแข่งขันทางการค้าชุดใหญ่ในเดือนมิถุนายน แต่มีเหตุการณ์ที่ คสช.เข้าควบคุมอำนาจก่อน เรื่องนี้จึงค้างอยู่ ทางบริษัทเพียงต้องการขอให้เร่งดำเนินการไต่สวนต่อ และขอให้พนักงานของแม็กซ์เท็กซ์ที่ย้ายไปทำงานให้กับบูห์เล่อร์หยุดปฏิบัติ งาน และให้บริษัทดังกล่าวจ่ายค่าชดเชยความเสียหายจำนวน 26 ล้านบาท"

ล่าสุดบริษัทบูห์เล่อร์ยังได้มีพฤติกรรมจำกัดการแข่งขันเสรี โดยการกลั่นแกล้งทางบริษัทแม็กเท็กซ์ เช่น ส่งอีเมล์เอกสารชื่อ "Sterling-India" ไปยังบริษัทผู้ผลิตหินที่อินเดีย ให้หยุดขายหินให้กับบริษัทแม็กซ์เท็กซ์ หรือบางครั้งไปบอกกับลูกค้าที่จะซื้อเครื่องคัดแยกสิ่งปลอมปนว่า บริษัทแม็กซ์เท็กซ์ตั้งราคาสูงกว่าความเป็นจริง 2-3 เท่าเพื่อบวกกำไรเพิ่ม ทำให้ลูกค้ายกเลิกการสั่งซื้อ ซึ่งถือเป็นการกีดกันขัดขวางการทำธุรกิจอย่างไม่เหมาะสม และมีการตั้งราคาขายเครื่องจักรต่ำกว่าเพื่อตัดราคา เช่น แม็กซ์เท็กซ์ขายเครื่องจักร 4 ล้านบาท บริษัทคู่กรณีจะขาย 3 ล้านบาท แต่ไปบวกเพิ่มค่าใช้จ่ายอะไหล่ในภายหลัง เพื่อบีบให้แข่งขันไม่ได้ เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม บริษัทแม็กซ์เท็กซ์ยังได้ยื่นฟ้องพนักงานเก่าของบริษัทที่ย้ายไปทำงานกับ บริษัทบูห์เล่อร์ 9 รายต่อศาลแรงงาน เพราะผิดสัญญาจ้าง โดยได้ไต่สวนพยานที่ศาลแรงงานกลางไปแล้ว 2 ครั้ง เมื่อ

วันที่ 7 ก.พ. 57 และวันที่ 17 มี.ค. 57 โดยพนักงานรายดังกล่าวได้นำข้อมูลของทางบริษัทไปเปิดเผย และฟ้องดำเนินคดีทางแพ่งเรียกร้องค่าชดเชย 958.7 ล้านบาท ซึ่งมีกำหนดจะนัดสืบพยานฝ่ายโจทก์ในวันที่ 14-15 ต.ค. 57

สำหรับกรณีดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังจากบริษัทได้ทำสัญญาเป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่อง ซอร์เตอร์ให้กับบริษัทบูห์เล่อร์เป็นเวลา 17 ปี แต่หลังจากที่เปิดตลาด และทำยอดขายได้สูงสุดถึง 1,500 ล้านบาท

ในปี 2552-2553 ทางบริษัท บูห์เล่อร์ เอจี สวิตเซอร์แลนด์ ได้มาเปิดสาขาในประเทศไทยขึ้นมาทับซ้อนและหลอกซื้อกิจการ เมื่อได้ข้อมูลภายในแล้วก็ยกเลิกไม่ซื้อ พร้อมทั้งดึงตัวพนักงานของบริษัทแม็กซ์เท็กซ์ไปทำงาน

เมื่อแม็กซ์ เท็กซ์ยื่นฟ้องพนักงาน ทางบริษัทก็ใช้เรื่องนี้เป็นเหตุในการเลิกสัญญาตัวแทน ซึ่งเป็นสัญญาฉบับใหม่ ทางบริษัทได้ปรับหลักเกณฑ์การยกเลิก และบีบให้ทางบริษัทเซ็นยินยอมไปก่อนหน้า เป็นการลวงให้ปรับสัญญาเพื่อนำไปสู่การยกเลิกฝ่ายเดียว เป็นนิติกรรมอำพราง จากนั้นจึงดึงฐานลูกค้าเดิม 300 ราย และดึงลูกค้าที่ได้ทำสัญญาซื้อสินค้าจากบริษัทไว้ก่อนแล้วขอคืนเงินมัดจำ ทำให้สูญเสียรายได้ที่พึงจะได้รับ

นายไตรภพกล่าวต่อไปว่า ขณะนี้ทางบริษัทได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวจนทำให้ยอดขายลดลงจำนวน มากในช่วงต้นปี จึงเตรียมปรับแผนการประกอบธุรกิจโดยรุกธุรกิจโรงสีชุมชนขนาดเล็ก (MAXMILL) โดยนำร่องในพื้นที่ จ.ลพบุรี ในรูปแบบลพบุรีโมเดล ซึ่งทางบริษัทจะเข้าไปจัดตั้งเครื่องคัดแยกสิ่งปลอมปนให้กับโรงสีชุมชนขนาด เล็กทั้งระบบ มูลค่า 10 ล้านบาท โดยสามารถใช้สีและบรรจุข้าวถุงได้ ซึ่งเบื้องต้นประเมินว่า

โรงสีนี้จะใช้ระยะเวลา 1 ปีในการคืนทุน และเตรียมประสานกับกรมส่งเสริมสหกรณ์ และหน่วยงานองค์กรท้องถิ่น เช่น องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) หรือธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านเงินทุนโรงสีขนาดเล็กด้วย โดยตั้งเป้าหมายจะติดตั้งเครื่องให้ได้ 10-20 โรงสี ภายในปี 2558 ส่วนเป้าหมายยอดขายในปีนี้ตั้งเป้าไว้ให้เท่ากับปีที่ผ่านมา หรือ 0% คิดเป็นมูลค่า 150 ล้านบาท