ยอดค้าชายแดนพุ่ง นักธุรกิจรับลูก ธปท.ขยายวงเงินนำออกข้ามแดนเพิ่ม 2 ล้านบาท โดยเฉพาะฝั่งไทย-พม่า เปิดมูลค่าค้าชายแดนทั้งฝั่ง "แม่สอด-แม่สาย" เพิ่ม แบงก์ชาติติดป้ายโปรโมตตามด่านศุลกากร-สนามบินเพิ่ม

นายสมศักดิ์ วงศ์ปัญญาถาวร ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักงานภาคเหนือ ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. เปิดเผยว่า ภายหลังจากปีที่แล้ว ธปท.ได้ผ่อนคลายเกณฑ์การนำเงินออกนอกประเทศตามแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน ต่าง ๆ ของบุคคลและนิติบุคคลไทยเพิ่มขึ้นเป็น 2 ล้านบาท จาก 5 แสนบาท ตามประกาศกระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 6 พ.ย. 56 พบว่าช่วยสนับสนุนการค้ากับประเทศเพื่อนบ้านให้คล่องตัวมากขึ้น

ทั้งนี้ การสำรวจโดยลงพื้นที่ของ ธปท.ที่ผ่านมา พบว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงเกณฑ์การขยายวงเงินนำเงินบาทออกนอกประเทศไปยังประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดกับไทย รวมไปถึงมณฑลยูนนานประเทศจีน ซึ่งส่งผลให้ปริมาณการค้าบริเวณชายแดนต่าง ๆ เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง

จากข้อมูลทางการค้าระหว่างชายแดนที่ติดกับไทย โดยอ้างอิงจากข้อมูลของกรมศุลกากร พบว่า มูลค่าการค้าชายแดนระหว่างไทย-เมียนมาร์ในช่วงมกราคม-เมษายน 2557 ทั้งที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก และอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก โดยมูลค่าการค้าแม่สอดเพิ่มขึ้น 34% เทียบกับช่วงเดียวปีก่อน หรือคิดเป็นมูลค่าการค้า 4 เดือนอยู่ที่ 19,456 ล้านบาท ขณะที่มูลค่าการค้าอำเภอแม่สายเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกันถึง 17% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน หรือคิดเป็นมูลค่าการค้า 4,821 ล้านบาท

สำหรับมูลค่าการค้าชายแดนในช่วงปี"56 ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยมูลค่าการค้าของด่านแม่สายอยู่ที่ 11,363 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.5% จากปี"55 อยู่ที่ 9,673 ล้านบาท ส่วนด่านแม่สอด มูลค่าการค้า 46,388 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.4% จากปี"55 อยู่ที่ 39,527 ล้านบาท โดยเหตุผลที่ทำให้มูลค่าการค้าชายแดนไทย-เมียนมาร์สูงขึ้นต่อเนื่อง เนื่องจากเมียนมาร์มีความต้องการสินค้าจากไทย โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภคมากขึ้น ซึ่งเป็นตามการเปิดประเทศและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน

"ธปท.ยังได้ดำเนินการประชาสัมพันธ์เพิ่มเติมการผ่อนคลายดังกล่าว ให้แก่ผู้ประกอบการและผู้ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม โดยการนำป้ายประกาศการผ่อนคลายการนำเงินออกนอกประเทศไปติดตามด่านศุลกากรและสนามบิน เช่น ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง ด่านศุลกากรแม่สาย เชียงแสน เชียงของ และแม่สอด เป็นต้น" นายสมศักดิ์กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การออกประกาศกระทรวงการคลัง เรื่องการควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน ฉบับที่ 5 ซึ่งระบุว่า ขยายวงเงินบาทที่จะส่งหรือนำออกไปยังสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และสาธารณรัฐประชาชนจีน เฉพาะมณฑลยูนนานและประเทศที่มีพรมแดนติดต่อกับไทย เป็น 2 ล้านบาท จากเดิม 5 แสนบาท และรวมไปถึงเจ้าพนักงานควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน กรณีนำเงินตราที่เป็นธนบัตรหรือเหรียญกษาปณ์อันมีมูลค่ารวมกันเกิน 450,000 บาท ไปยังประเทศข้างต้น ต้องสำแดงต่อเจ้าหน้าที่กรมศุลกากร

นอกจากนี้ ยังประกาศเพิ่มเติมสำหรับเจ้าพนักงานควบคุมแลกเปลี่ยนเงิน เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจบุคคลรับอนุญาตให้มีความ สะดวกและเอื้อต่อการแลกเปลี่ยนเงินเพื่อธุรกรรมการค้าชายแดน โดยได้ขยายคุณสมบัติของผู้ประกอบการธุรกิจบุคคลรับอนุญาตให้รวมถึงกิจการ เจ้าของคนเดียวกันห้างหุ้นส่วนของคนไทยที่ตั้งอยู่บริเวณชายแดนหรือตั้งอยู่ ในพื้นที่ที่กำหนด พร้อมกันนี้ได้ยกเลิกข้อกำหนดที่ให้บุคคลรับอนุญาตต้องขายธนบัตรต่างประเทศ ที่รับซื้อไว้แก่ตัวแทนรับอนุญาตไม่น้อยกว่า 80% ของยอดส่วนต่างระหว่างธนบัตรต่างประเทศที่รับซื้อไว้กับธนบัตรต่างประเทศที่ ขายไปทุกสกุลเงินในแต่ละเดือน

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า ปัจจุบันบทบาททางเศรษฐกิจของไทยต่อกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมาร์ หรือพม่า และเวียดนาม) ยังคงรักษาอันดับ 2 รองจากจีนไว้ได้ ทั้งนี้ การออกไปลงทุนในกลุ่มประเทศ CLMV ถือเป็นอีกปัจจัยทางอ้อมที่ส่งเสริมให้มูลค่าการส่งออกของไทยไปยังประเทศ เหล่านั้น โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าทุนและวัตถุดิบเพิ่มสูงขึ้น