"อรนุช อภิศักดิ์ศิริกุล" เป้าหมายสินเชื่อเช่าซื้อปีนี้ ทิสโก้ "ขอแค่เสมอตัว"
 


"อรนุช อภิศักดิ์ศิริกุล" เป้าหมายสินเชื่อเช่าซื้อปีนี้ ทิสโก้ "ขอแค่เสมอตัว"



สัมภาษณ์


ภาพรวมเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังมีแนวโน้มฟื้นไข้ หลังจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยึดอำนาจ และเดินหน้าปฏิรูปแก้ปัญหาต่างๆ โดยเฉพาะปัญหาเฉพาะหน้า อาทิ จ่ายเงินจำนำข้าวให้ชาวนา ส่วนทางด้านภาคธุรกิจเอง ก็กลับมามีความหวังอีกครั้งที่จะได้เดินหน้าทำธุรกิจกันต่อไป


อรนุช อภิศักดิ์ศิริกุล

ท่ามกลางความเชื่อมั่นที่กลับมาดีขึ้นทั้งในส่วนของภาคธุรกิจและผู้บริโภค ถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญของผู้บริหารที่จะเป็นโอกาสสร้างผลงาน ลองมาฟังคำตอบจากผู้บริหารหญิงเก่ง "อรนุช อภิศักดิ์ศิริกุล" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ที่ได้ให้สัมภาษณ์ "ประชาชาติธุรกิจ" ถึงทางเลือกและทางรอดที่จะต้องดำเนินธุรกิจนับจากนี้ไป


- ทิศทางเศรษฐกิจครึ่งหลังปี 2557 เป็นอย่างไร

เราคาดว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะเติบโตที่ระดับแค่ 1-1.5% หรือไม่เกิน 2% คือไม่ได้สูงมากนัก แต่ก็ไม่ได้แปลว่าหลังจากนี้จะไม่ดี แต่เนื่องจากเศรษฐกิจก่อนหน้านี้ถูกผูกปมไว้มากเกินไป จึงต้องใช้เวลาในการคลาย อย่างภาคการลงทุน แม้ คสช.จะปล่อยออกมาหลายโครงการ แต่กว่าจะมีการทำสัญญากำหนดผู้ว่าจ้าง ทำทีโออาร์ กว่าจะอนุมัติ และเบิกจ่ายจริง ก็น่าจะเป็นช่วงปลายปีหรือต้นปีหน้า

ด้านการบริโภคภาคเอกชน ต้องอาศัยเวลาเพื่อสร้างความมั่นใจก่อน แม้ชาวนาจะได้รับเงินคืนจากโครงการจำนำข้าวแล้ว และหลายคนคิดว่าการใช้จ่ายจะกลับมาหมุน 2-3 รอบ ในระยะ 1-2 เดือนจากนี้

แต่ส่วนตัวแล้วคิดว่าไม่น่าจะเร็วขนาดนั้น เพราะชาวนาไม่มีเงินใช้จ่าย ตกค้างมา 8-9 เดือน และระหว่างนี้ก็มีการก่อหนี้ขึ้นมาด้วย ดังนั้น เงินที่ได้รับจึงนำไปชำระหนี้ก่อน และกว่าจะมีเงินมาใช้จ่ายได้จริง ก็น่าจะเป็นหลังฤดูการเพาะปลูกรอบถัดไป ดังนั้น ตัวเลขเศรษฐกิจน่าจะมาจากการลงทุนและส่งออก เพราะที่ผ่านมา

การใช้จ่ายภาคเอกชนไม่ได้สูงนัก ยิ่งถ้าตัดมาตรการกระตุ้นจับจ่ายจากภาครัฐด้วยแล้ว โดยธรรมชาติการบริโภคของคนไทยไม่สูง เพราะรายได้ต่อหัวประชากรยังอยู่ในระดับต่ำ

"ตอนนี้เป็นช่วงของการปรับ ซึ่งทิศทางจะดีขึ้นแน่นอน แต่อาจจะไม่ได้เร็วนัก เพราะทุกอย่างไม่ได้มาจากการเสก ไม่ได้มาจากเวทมนตร์ จึงต้องมีขั้นตอน"


- ช่วงที่เหลือของปี สินเชื่อจะเติบโตอย่างไร และทิสโก้ต้องปรับอะไรบ้าง

สินเชื่อน่าจะดีขึ้น เพราะสถานการณ์ผ่อนคลายมากขึ้น ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยให้คนมองหาลู่ทางทำธุรกิจมากขึ้น อย่างสินเชื่อรายใหญ่น่าจะเป็นตัวหลักขับเคลื่อนก่อน ตามมาด้วยสินเชื่อเอสเอ็มอี และสินเชื่อรายย่อย ที่น่าจะเห็นการฟื้นตัวในช่วงปลายปีนี้

แต่เนื่องจากพอร์ตสินเชื่อของทิสโก้ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจรายย่อย โดยเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อ ซึ่งเราก็ยอมรับว่าเป้าหมายการเติบโตปีนี้ ขอแค่เสมอตัว หรือติดลบน้อยที่สุดเท่านั้น เพราะกำลังซื้อที่ถูกดึงไป ทำให้ตลาดผิดเพี้ยน รวมถึงสินเชื่อต่อจีดีพีที่ทรงตัวในระดับสูง ทำให้เราต้องปรับตัว กระจายธุรกิจไปตามพื้นที่ต่างๆ มากขึ้น เข้าไปเน้นลูกค้ารากหญ้ามากขึ้น รวมถึงเน้นการเติบโตจากรายได้ค่าธรรมเนียมเป็นหลัก อย่างการกระจายพอร์ตสินเชื่อ เราจะหันมาทำตลาดออโต้แคช (จำนำทะเบียนรถ) ในตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น แล้วก็จะขยับขยายไปหาพันธมิตรใหม่ๆ ที่เดิมยังไม่ได้เข้าไปร่วมมือกันเลย

"เดิมเราโฟกัสแค่พันธมิตรที่เป็นแคปทีฟของเราเท่านั้น แต่ตอนนี้รู้สึกว่าตลาดเล็กเกินไปแล้ว ซึ่งขณะนี้เจรจากันอยู่หลายราย"


- ตอนนี้เห็นสัญญาณการซื้อรถเริ่มกลับมาหรือยัง

ทุกอย่างกำลังกลับสู่ภาวะปกติ ที่ยอดขายระดับ 8-9 แสนคัน เพราะกำลังซื้อถูกกระชากไป จากโครงการรถคันแรกที่ทำให้ยอดขายขึ้นไปถึง 1.4 ล้านคัน หากเทียบปีต่อปีอาจมองว่าตกลงมาค่อนข้างแรง แต่หากดูเฉลี่ย 3 ปี ยอดขาย 8-9 แสนคัน ก็ถือว่าอยู่ในระดับปกติ ไม่ได้ต่ำมาก

แต่ความกังวลของเรา คือเรื่องราคารถยนต์ที่ตกต่ำมากกว่า จากสาเหตุ 2 ด้าน คือภาวะล้นตลาด และราคารถยนต์ที่ถูกยึดก็ปรับลดลง จึงเกิดการขาดทุนเพิ่มขึ้น ตลาดที่ถูกกระทบโดยตรง จึงเป็นตลาดรถยนต์มือสอง เพราะถึงแม้ว่าปริมาณรถยนต์ที่ถูกยึดจะมีเท่าเดิม แต่การขาดทุนจากราคาขายปรับตัวเพิ่มขึ้นหลายเท่า ทั้งนี้ มองว่าอีกประมาณ 12 เดือน ทุกอย่างน่าจะกลับสู่ภาวะปกติ โดยขณะนี้เริ่มเห็นสต๊อกสินค้าที่เคยค้างนานๆ ก็เริ่มสั้นลงกลับมาอยู่ในช่วง 45-60 วันแล้ว

"ตอนนี้อุปทานมากกว่าอุปสงค์ จึงทำให้ราคารถยนต์ตกต่ำ คาดว่าภายในปลายปีนี้น่าจะเริ่มกลับมาสมดุล แต่ราคารถยนต์จะปรับตัวดีขึ้น ก็ต่อเมื่ออุปสงค์มากกว่าอุปทาน ซึ่งน่าจะเริ่มเห็นได้ในอีก 12 เดือนข้างหน้า"




// //

Copyright (c) 2010 munjeed.com All rights reserved.