เจ้าหน้าที่ความมั่นคงของอิรักพบศพ 53 ศพถูกฆ่าและปล่อยทิ้งเอาไว้ภายในเมืองทางใต้ของกรุงแบกแดด โดยยังไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ก่อเหตุ...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 9 ก.ค. ว่า เจ้าหน้าที่ความมั่นคงของประเทศอิรักพบศพ 53 ศพถูกทิ้งเอาไว้ภายในเมือง ฮิลลา ทางใต้ของกรุงแบกแดดเมื่อเวลา 2:00น. วันพุธ โดยทั้งหมดเป็นชายอายุระหว่าง 25-40 ปี คาดว่าถูกฆาตกรรมมาหลายวันแล้ว สภาพศพถูกมัดและปิดตา มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนบริเวณศีรษะหรือหน้าอกซึ่งเชื่อว่าเป็นสาเหตุของการเสียชีวิต ขณะที่ตำรวจกำลังสืบสวนว่าผู้ตายกลุ่มนี้เป็นใคร ทำไมจึงถูกฆ่า และใครเป็นผู้ก่อเหตุ

ทั้งนี้ ผู้อยู่อาศัยในเมืองฮิลลาส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิมนิกายชีอะห์ ซึ่งเป็นฝ่ายเดียวกับรัฐบาล และที่ผ่านมาไม่ค่อยเกิดการก่อการร้ายของกลุ่มติดอาวุธสุหนี่ รัฐอิสลามในอิรักและลีแวนต์ (ไอซิส: ISIS) มากนัก อย่างไรก็ตาม กลุ่มติดอาวุธมุสลิมสุหนี่เริ่มก่อเหตุโจมตีในพื้นที่ทางใต้ของกรุงแบกแดดบ่อยครั้งขึ้นตั้งแต่หลายเดือนก่อน

ด้านสถานการณ์ความรุนแรงในอิรัก เมื่อวันพุธเกิดเหตุระเบิดคาร์บอมบ์ 2 ครั้งในจังหวัดบาบิล ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และบาดเจ็บอีก 13 คน ขณะที่นายกรัฐมนตรี นูริ อัล-มาลิกิ แห่งอิรัก ออกมากล่าวอ้างว่า พื้นที่จังหวัดเออร์บิล ซึ่งเดิมอยู่ใต้การควบคุมของชนกลุ่มน้อยชาวเคิร์ด กลายเป็นที่กบดานของกลุ่มติดอาวุธมุสลิมสุหนี่แล้ว และให้คำมั่นว่า กองทัพรัฐบาลจะต่อสู้เพื่อปกป้องประเทศ, บูรณาภาพแห่งดินแดนและอธิปไตย จากภัยคุกคามทั้งภายในและนอกประเทศ