ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพรายงานว่า ภาวะการเคลื่อนไหวของตลาดเงินปริวรรตประจำวันพุธที่ 9 กรกฎาคม 2557 เงินบาทเปิดตลาดที่ระดับ 32.38/40 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ อยู่ในระดับทรงตัวเมื่อเทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 32.39/40 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ เป็นผลมาจากที่นักลงทุนต่างชะลอการซื้อขาย โดยติดตามรอการเปิดเผยรายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐที่ประชุมไปเมื่อวันที่ 17-18 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งทางด้านนางเจเนต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐได้กล่าวภายหลังการประชุมว่าจะยังคงดอกเบี้ยในระดับต่ำไปอีกช่วงเวลาหนึ่งเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ประกอบกับเมื่อคืนที่ผ่านมาสมาชิกธนาคารกลางสหรัฐบางท่านได้ให้ความเห็นว่า อัตราเงินเฟ้อในปัจจุบันยังต่ำกว่าเป้าหมายที่มองไว้และยังอยากเห็นการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งมากกว่านี้ ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์ไม่ได้ปรับตัวแข็งค่าขึ้นไปมาก ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยได้รับอานิสงส์จากการที่ทางด้านนายอาคม เติมพิทยา เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้มีโอกาสเติบโตได้ถึง 2.5% จากที่เคยคาดการณ์ไว้ว่าจะเติบโต 1.5-2.5% หากสามารถเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐและการลงทุนของภาครัฐวิสาหกิจได้ ประกอบกับทางด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันโอชา หัวหน้า คสช.ได้แสดงความเห็นว่า แนวทางที่กระตุ้นให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้เกิน 2% นั้น คือการกระตุ้นการส่งออก หนึ่งในนั้นคือการรักษาเสถียรภาพของเงินบาทให้อยู่ในระดับ 32.00 บาท ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่เหมาะสม โดยระหว่างวันค่าเงินบาทเคลื่อนไหวระหว่าง 32.24-32.385 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนเปิดตลาดที่ระดับ 32.24/25 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
ในส่วนของค่าเงินยูโรนั้น วันนี้เปิดตลาดที่ 1.3616/18 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ปรับตัวแข็งค่าขึ้นจากเย็นวานนี้ที่ปิดตลาดที่ 1.3595/98 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร โดยการแข็งค่าขึ้นของค่าเงินยูโรนั้นได้รับอานิสงค์จากการที่ตลาดคาดการณ์ว่าทางธนาคารกลางยุโรปจะใช้เวลาระยะหนึ่งในการประเมินผลมาตรการผ่อนคลายทางการเงินที่มีการประกาศเพิ่มเติมไปเมื่อการประชุมต้นเดือนที่ผ่านมา ก่อนการตัดสินใจออกมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติมอีกครั้งในปีหน้า ทั้งนี้ค่าเงินยูโรเคลื่อนตัวอยู่ในกรอบรอรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐที่จะมีการประกาศในคืนวันนี้ด้วย ซึ่งระหว่างวันค่าเงินบาทเคลื่อนไหวระหว่าง 1.3607-1.3630 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 1.3611/12 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร
สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยนนั้น วันนี้เปิดตลาดที่ระดับ 101.54/57 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวแข็งค่าขึ้นจากระดับปิดตลาดเมื่อเย็นวานนี้ที่ 101.74/76 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งการแข็งค่าขึ้นของค่าเงินเยนนั้นเป็นผลมาจากที่ยอดดุลบัญชีเดินสะพัดในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาเกินดุลกว่า 5.23 แสนล้านเยน ซึ่งเป็นระดับที่มากกว่านักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่าในเดือนพฤษภาคมจะเกินดุล 4.18 แสนล้านเยน โดยระหว่างวันค่าเงินเยนเคลื่อนไหวระหว่าง 101.42-101.71 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนจะปิดตลาดที่ 6.1994/2004 หยวน/ดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าสนใจและต้องติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อของจีน ยอดจดจำนองของสหรัฐ รายงานผลการประชุมคณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐ (9/7) ผลการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานสหรัฐ (10/7) อัตราเงินเฟ้อของเยอรมนี (11/7)
สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ +4.6/4.8 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยง (swap point) ภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ +2.0/2.4 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ
