ในที่สุด "คสช.-คณะรักษาความสงบแห่งชาติ" ก็คืนความสุขให้กับ "สร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์" ได้นั่งเป็นปลัดหญิงคนแรกของกระทรวงคมนาคม หลังอกหักมาถึง 2 ครั้ง 2 ครา เพราะชื่อนี้ติดโผเป็นแคนดิเดตรั้งเก้าอี้นี้มาตลอด

นับจากปี 2554 ที่ "สุพจน์ ทรัพย์ล้อม"จบชีวิตข้าราชการไม่ค่อยสวย หลังเกิดเหตุโจรปล้นบ้านจนเป็นข่าวครึกโครม จากเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ภาพลักษณ์ "คมนาคม" ดูไม่ดีกรณีการทุจริตคอร์รัปชั่น ทำให้รัฐบาลเพื่อไทยโยก "บิ๊กน้อย-พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี" จากเลขาฯ "สมช.-สภาความมั่นคงแห่งชาติ" มานั่งขัดตาทัพดับรัศมี "สร้อยทิพย์" อับแสงไปพักใหญ่ในเวลานั้น จน "บิ๊กน้อย" ถึงคิวเกษียณเมื่อเดือนกันยายน 2556 ที่ผ่านมา ชื่อของ "สร้อยทิพย์" เต็งจ๋าอีกครั้งจะรั้งตำแหน่งนี้ ซึ่งตีคู่มากับ "สมชัย ศิริวัฒนโชค" ลูกหม้อจากกรมการขนส่งทางบก ที่กำลังมาแรงยุค "บิ๊กโอ๋-พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต" นั่งเบอร์หนึ่งคุมคมนาคม ทั้ง "สร้อยทิพย์-สมชัย" มีคิวเกษียณพร้อมกันปี 2558 แต่ด้วยความเป็นหญิงจึงทำให้แพ้ทาง "สมชัย" ที่พรรคเพื่อไทยดันสุดตัว จนคว้าเก้าอี้ใหญ่ในยุค "ชัชชาติ สิทธิพันธุ์" เป็น รมว.กระทรวงคมนาคม

แต่พลันที่ "การเมือง" ผลัดใบจาก "เพื่อไทย" มาซุกปีก "คสช." ชื่อของ "สร้อยทิพย์" โดดเด่นขึ้นมาอีกครั้งจนมาสมหวังในวินาทีสุดท้ายในค่ำคืนของวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา

เมื่อ "ปลัดสมชัย" นั้นเป็นที่ทราบกันดีว่า ก้าวขึ้นมานั่งเป็นพ่อบ้านกระทรวงหูกวางเพราะได้บารมี "เพื่อไทย" หนุนส่ง ถึงจะได้ชื่อว่าเป็น "เพื่อนร่วมรุ่น วปอ.2550" กับหัวหน้า คสช. "บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา"

แต่ใช่ว่า "เพื่อนกันจะย้ายกันไม่ได้"เมื่อตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา เปิดโอกาสให้ "สมชัย" โชว์ฝีมือทำผลงานแล้ว

แต่ไม่เข้าตา ด้วยความที่เป็นมือใหม่ยังไม่คุ้นชินงานใหญ่ระดับกระทรวง เพราะเคยผ่านแต่งานระดับรูทีนระดับหน่วยอย่าง "กรมการขนส่งทางบก" จึงไม่ราบรื่นอย่างที่คิด

ขณะที่งาน "กระทรวงคมนาคม" เป็นงานระดับนโยบายดูภาพรวมทั้งหมด ล้อไปตามนโยบายการเมืองและเศรษฐกิจของประเทศ ไม่ว่าโครงการลงทุนและการจัดทำงบประมาณต้องจัดให้ลงล็อก ยิ่งมาเกิดข่าวใหญ่ "โครงการลงทุน 3 ล้านล้านบาท" เล็ดลอดออกมาส่งผลกระทบต่อภาพ "คสช." ดูไม่ดีในสายตาสาธารณชน ว่ากันว่า...เลยกลายเป็นชนวนให้ "คสช." เด้ง "สมชัย" แบบฟ้าผ่ามานั่งตบยุงที่ทำเนียบรัฐบาล เป็นที่ปรึกษาสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้งที่นั่งเป็นปลัดกระทรวงคมนาคมได้เพียง 9 เดือนและเพิ่งเริ่มบริหารงานจริง ๆ จัง ๆ เพียงแค่ 1 เดือนเศษเท่านั้น หลังกระทรวงถูกม็อบปิดมานานกว่าครึ่งปี

ต่างจาก "สร้อยทิพย์" สาวแปดริ้ว วัย 59 ปี ดีกรีปริญญาตรี 3 ใบ "ศิลปศาสตรบัณฑิต นิติศาสตร์ และวารสารศาสตร์"
จากรั้วมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่คลุกคลีงานในกระทรวงมาตลอด 37 ปีจนคล่องแคล่ว ตั้งแต่ปี 2520 เริ่มจากการเป็น

นักวิชาการสื่อสารกรมไปรษณีย์โทรเลข จากนั้นไม่นานได้เลื่อนระดับเป็นหัวหน้าสำนักงานเลขานุการรัฐมนตรี ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) รองปลัดกระทรวงคมนาคม ล่าสุดปลัดกระทรวงคมนาคม อีกทั้งยังผ่านการเป็นประธานและกรรมการ (บอร์ด) รัฐวิสาหกิจหลายแห่ง เช่น องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. สถาบันการบินพลเรือน (สบพ.) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) การการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) และบริษัท ไทยสมายล์แอร์เวย์ จำกัด

เรียกว่าผ่านงานมาแทบจะทุกด้าน "บก-ราง-น้ำ-อากาศ" จนได้รับฉายา "มือประสานสิบทิศ" ในชีวิตการทำงานจึงมีแต่เพื่อน ไม่มีศัตรู เอ่ยชื่อนี้ครั้งใด ไม่มีใครที่ไม่รู้จัก

หลังได้รับการแต่งตั้ง วันรุ่งขึ้น "ปลัดสร้อยทิพย์" เริ่มปฏิบัติหน้าที่แม่บ้านเต็มตัว เรียกประชุมหัวหน้าหน่วยงานทันทีเพื่อเร่งรัดงานที่ตกค้าง โดยเฉพาะการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2557 ยังหลุดเป้า ถึงสิ้นกันยายนนี้คาดว่าจะเบิกได้แค่ 70-80%

พร้อมกับซักซ้อมทำความเข้าใจถึงคำสั่ง "คสช." เรื่องต่าง ๆ ที่ต้องทำให้แล้วเสร็จในวันที่ 15 กรกฎาคมนี้ เช่น ขออนุมัติโครงการเกิน 100 ล้านบาท โครงการเร่งด่วนที่ยังไม่ได้รับการอนุมัติ มีเพิ่มงบฯก่อสร้าง 8.1 พันล้านบาทให้รถไฟสายสีแดง (บางซื่อ-รังสิต) ที่ติดเรื่องปรับแบบก่อสร้างใหม่

อีกภารกิจเร่งด่วนของ "ปลัดคนใหม่" คือ จัดทำงบประมาณปี 2558 และโรดแมปยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทยอีก 8 ปีข้างหน้า (2558-2565) ภายใต้กรอบวงเงินลงทุน 2.4 ล้านล้านบาทที่ "คสช." เร่งรัดอยากให้เห็นผลโดยเร็วในสิ้นปีนี้

โดยเฉพาะการจัดทัพประมูลรถไฟฟ้าและรถไฟทางคู่ที่ "บิ๊กตู่" หัวหน้า คสช.ย้ำเสมอ