ลุ้นดัชนีหุ้นไทยปีนี้แตะ 1,600 จุด บลจ.วรรณเชื่อมือรัฐบาล คสช. กรุงศรีฯคงคาดการณ์เฉียด 1,500
 


ลุ้นดัชนีหุ้นไทยปีนี้แตะ 1,600 จุด บลจ.วรรณเชื่อมือรัฐบาล คสช. กรุงศรีฯคงคาดการณ์เฉียด 1,500


ลุ้นดัชนีหุ้นไทยปีนี้แตะ 1,600 จุด บลจ.วรรณเชื่อมือรัฐบาล คสช. กรุงศรีฯคงคาดการณ์เฉียด 1,500

บลจ.วรรณให้น้ำหนัก คสช.ตั้งรัฐบาลเดินนโยบายตามเป้า ดันดัชนีหุ้นไทยปีนี้ทะยาน 1,600 จุด มองยาวปี 2558 ไปต่อถึง 1,700 จุด ′กรุงศรี′ยังคงคาดการณ์แค่ 1,487 จุด

นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า จากที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ขึ้นไปแตะจุดสูงสุดของวันกว่า 1,500 จุด เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม มองว่าอัตราส่วนราคาต่อกำไร (พีอี) ของไทยยังไม่แพงมากหากเทียบกับกำไรที่จะได้รับในช่วง 2 ปีข้างหน้า คาดว่าจะเห็นดัชนีแตะ 1,550 จุด ในเดือนเดียวกัน และหากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มาจากการแต่งตั้งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ทำงานได้ตามนโยบายที่ คสช.มอบหมาย ดัชนีจะขึ้นไปสูงถึง 1,600 จุด ในปีนี้ และหากยังได้รับผลบวกจากการดำเนินงานของ ครม.ชุดใหม่ ดัชนีจะขึ้นไปสูงสุดที่ 1,700 จุด ในปี 2558 โดยปีนี้ให้น้ำหนักหุ้นในกลุ่มสื่อสาร ธนาคาร อสังหาริมทรัพย์

นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กรุงศรี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ยังคงเป้าดัชนีหุ้นไทยปีนี้ที่ 1,487 จุด ส่วนปีหน้าคาดว่าจะอยู่ที่ 1,580-1,600 จุด เนื่องจากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว รวมถึงเศรษฐกิจไทยและความเชื่อมั่นฟื้นขึ้นจากการกระตุ้นการบริโภคและการลงทุน อีกทั้งสถานการณ์การเมืองคลี่คลาย มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของรัฐ และการปรับปรุงประสิทธิภาพของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ และราชการ ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงอยู่ที่กระแสเงินทุนไหลออกจากการสิ้นสุดมาตรการคิวอีของสหรัฐ ความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศอิรักและยูเครน

"ปัจจัยลบสำหรับนักลงทุนต่างประเทศคือรัฐบาลทหารของประเทศไทยขณะนี้ แต่เชื่อว่าหากมีความชัดเจนในนโยบายเศรษฐกิจ หรือมีการเดินหน้าการลงทุนโครงการต่างๆ จะส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยยังมีความน่าสนใจ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มธนาคาร อสังหาริมทรัพย์ นิคมอุตสาหกรรม วัสดุก่อสร้าง และรับเหมาก่อสร้าง" นายธนเดชกล่าว

นายประภาส ตันติพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงศรี จำกัด กล่าวว่า กรณีที่สิทธิลดหย่อนภาษีของกองทุน LTF และ RMF จะหมดอายุในปี 2559 หากปี 2560 ไม่มีการต่ออายุ จะส่งผลให้กำลังซื้อลดลง จากปัจจุบันอยู่ที่ 30,000 ล้านบาทต่อปี รวมถึงจะกระทบต่อจิตวิทยาในการลงทุน ทำให้ไม่สดใส และมีแรงขายมากพอสมควร เว้นแต่จะมีการปรับเปลี่ยนข้อตกลง ซึ่งต้องรอติดตาม




ที่มา : นสพ.มติชน






// //

Copyright (c) 2010 munjeed.com All rights reserved.