เมกะเทรนด์ในอนาคต
 


เมกะเทรนด์ในอนาคต


เมกะเทรนด์ในอนาคต

คอลัมน์ คิด วิเคราะห์ แยกแยะ โดย วีระพงษ์ ธัม www.facebook.com/10000Li

การมองเทรนด์ใหม่ๆ เป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ เพราะกระแสความนิยมจะนำไปสู่ "ความต้องการ" ของลูกค้าในธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทรนด์ใหญ่ หรือเมกะเทรนด์ เป็นแนวโน้มที่สำคัญสุด เพราะมีระยะเวลาที่ยาวนาน ส่งผลให้เกิดความคุ้มค่าในการลงทุนทางธุรกิจ หนังสือเล่มใหม่ของ Chunka Mui และ Paul B. Carrol เรื่อง Killer App ให้มุมมองเมกะเทรนด์ในอนาคตด้านเทคโนโลยี 6 อย่าง ที่น่าสนใจอย่างยิ่ง

เมกะเทรนด์แรก คือ "Mobile Devices" หรืออุปกรณ์พกพา

ในปัจจุบันเห็นชัดสุดคือ โทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟนที่พกพาความสามารถระดับคอมพิวเตอร์ และการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตติดตัวได้ตลอดเวลา แต่อุปกรณ์พกพาไม่เฉพาะเจาะจงว่าต้องเป็นโทรศัพท์มือถือเท่านั้น เพราะอาจพัฒนาไปหลายๆ รูปแบบ เช่น เป็นแว่นตา นาฬิกา ฯลฯ

และมีการคาดการณ์จากอีริคสันว่า อนาคตจะมี Mobile Devices จำนวนมากกว่า 50,000 ล้านเครื่องบนโลก การเชื่อมต่อ 80% จะเป็นการคุยกันเองของเครื่องมือเหล่านี้ โดยไม่มีมนุษย์มาเกี่ยวข้อง

หมายถึงจะมีโอกาสเกิดขึ้นมากจากเครื่องมือที่ติดตัวผู้คน และมีการสื่อสารระหว่างกันตลอดเวลาบนต้นทุนที่ต่ำมาก

เมกะเทรนด์ที่สอง คือ "Social Media"

ตั้งแต่ยุคที่มีเทคโนโลยีส่งคลื่นวิทยุเมื่อหลายสิบปีก่อน การกระจายข่าวหรือข้อมูลก็มีอิทธิพลสูงตลอดเช่น วิทยุ โทรทัศน์ โดยในอดีต การ กระจายข่าวจะเป็นลักษณะกระจายจากหนึ่งข้อความไปสู่ผู้ชมจำนวนมาก ๆ แต่พอเข้าถึงยุคโซเชียลมีเดียการใช้ E-mail, Instant Messenger และยุคหลังคือ Facebook, Instagram, Twitter ทำให้สื่อประเภทนี้ยิ่งมีอิทธิพลสูงกว่าแต่ก่อน เพราะเราสามารถส่งข้อความ "ระหว่างกลุ่ม" ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

และสิ่งที่เกิดขึ้นในภาคธุรกิจ คือเกิดธุรกิจใหม่ เช่น P2P (People to People) นั่นคือการทำธุรกิจระหว่างคนสองคน แทนที่ธุรกิจโมเดลแบบเก่า คือ B2B หรือ B2C ในสินค้าบางอย่าง รวมไปถึงการทำการตลาดเฉพาะกลุ่ม หรือการขายสินค้าเฉพาะกลุ่มที่ตรงกลุ่มเป้าหมายได้มากกว่าเดิม

เมกะเทรนด์ที่สาม คือ "กล้อง"


ที่ใช้กันแพร่หลายในทุกๆ ส่วนของสังคมและธุรกิจ กล้องถูกแทรกลงไปในอุปกรณ์จำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก อุปกรณ์มือถือตั้งแต่รุ่นแพงจนถึงรุ่นประหยัดก็มีกล้องแล้ว แท็บเลต นาฬิกา อุปกรณ์ฟังเพลง กล้องเริ่มใกล้ตัวคนมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ธุรกิจบางอย่างใช้ประโยชน์จากกล้องเหล่านี้ เช่น ร้าน Wal-Mart ให้ลูกค้าส่งภาพราคาสินค้าที่ถูกกว่าร้าน Wal-Mart และเคลมส่วนต่างๆ ได้

วิธีนี้ทำให้ร้านมีลูกค้าจำนวนมากคอยสอดส่องราคาคู่แข่งให้ตัวเองตลอดเวลา รวมถึงศึกษาปฏิกิริยาลูกค้าในขณะที่หยิบหรือวางบนชั้นวางในห้าง ในอนาคตกล้องจะมีอยู่ในทุกที่และสามารถบันทึกทุกมุมมองทุกช่วงเวลา ภาพเหล่านี้จะแปรเป็นมูลค่าทางธุรกิจมหาศาล

เมกะเทรนด์ที่สี่ คือ "เซ็นเซอร์"

หรืออุปกรณ์ตรวจจับ เช่น GPS, การตรวจจับการเคลื่อนไหว เซ็นเซอร์ในรถยนต์เพื่อตรวจจับอุณหภูมิ เซ็นเซอร์บางอย่างก็ฝังเข้าไปอยู่ในตัวสินค้า เช่น เทคโนโลยี RFID เพื่อตรวจจับสินค้าว่าอยู่ตำแหน่งไหน และสินค้าถูกวางบนชั้นนานแค่ไหน

ก่อนถูกขายบ้านสมัยใหม่ก็มีเซ็นเซอร์มากขึ้น เช่น ตรวจวัดความสว่างความมืด วัดอุณหภูมิความชื้น อัตราการใช้ไฟฟ้า หรือตรวจจับว่ามีคนอยู่ในห้องหรือไม่ อนาคตมนุษย์ทุกคนอาจจะต้องติดตั้งอุปกรณ์ตรวจวัดสภาวะสุขภาพตัวเอง และส่งสัญญาณไปที่โรงพยาบาลหรือหมอประจำตัวได้ทันที แปลว่าทุกสิ่งทุกอย่างในอนาคตจะสามารถตรวจวัดได้ และธุรกิจสามารถ "เลือก" ต้องตรวจวัดสิ่งที่สำคัญสำหรับธุรกิจตัวเอง

เมกะเทรนด์ที่ห้า คือ Cloud Computing

หมายถึง การแบ่งปันกันใช้ทรัพยากรข้อมูล และความสามารถ "ใช้ที่ไหนก็ได้" ในอดีตเราต้องติดกับคอมพิวเตอร์ส่วนตัว แต่อนาคตหมายถึงการเข้าถึงข้อมูลตัวเองที่ไหนก็ได้ ข้อจำกัดด้านสถานที่และเครื่องมือต่างๆ ก็จะหมดไป Cloud จะทำให้ต้นทุนการทำธุรกิจลดลงและยืดหยุ่นขึ้นมาก และทำให้ความเป็นเครือข่ายมีพลังมากขึ้น

เมกะเทรนด์ที่หก คือ Emerging Knowledge

หรือองค์ความรู้ใหม่ๆ ที่เกิดจากเมกะเทรนด์ทั้ง 5 นั้น เราจะได้ข้อมูลมากมาย ซึ่งนำมาใช้วิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคได้ จากในอดีตเราอาจจะต้องใช้แบบสอบถาม แต่อนาคตข้อมูลเหล่านี้จะเป็น Real Time ความรู้เดิมที่เราคิดว่ากำลังอ่านหนังสือออนไลน์ กำลังอ่าน Facebook แต่อันที่จริง E-Book กำลังอ่านคุณต่างหาก เพราะมันสามารถเรียนรู้สิ่งที่คุณชอบอ่าน จากความเร็วในการเลื่อนหน้า จากการคลิกเมาส์ และเก็บเป็นฐานข้อมูลเพื่อนำเสนอเฉพาะสิ่งที่คุณสนใจในอนาคต

เมกะเทรนด์เหล่านี้จะเกิดธุรกิจต่อเนื่อง รวมถึงนวัตกรรมอีกมากมาย เช่น รถยนต์ขับเคลื่อนได้ด้วยตัวเอง หรือเกิดพฤติกรรมใหม่ๆ ของผู้บริโภค และจะทำให้ธุรกิจบางอย่างจะต้องยากลำบากขึ้น

เทคโนโลยีสมัยใหม่มีพฤติกรรม "ทำลายล้าง" หรือล้มระบบดั้งเดิมที่ปรับตัวไม่ทันทิ้งไปทั้งหมด ในอดีตธุรกิจอาจจะหลีกเลี่ยงความเสี่ยงของหุ้นเทคโนโลยีได้บ้าง แต่มันอาจจะเป็นไปไม่ได้ในอนาคต ดังนั้น ผู้ที่สามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยีได้จะสามารถเติบโตในคลื่นเมกะเทรนด์ด้านเทคโนโลยีได้อย่างก้าวกระโดดครับ




// //

Copyright (c) 2010 munjeed.com All rights reserved.