"เมเจอร์" เปิดราคาตั๋วหนังตปท.124บาท ควง"อิออนมอลล์"รับเทรนด์โรงหนังอินโดจีนบูม
 


"เมเจอร์" เปิดราคาตั๋วหนังตปท.124บาท ควง"อิออนมอลล์"รับเทรนด์โรงหนังอินโดจีนบูม



เมเจอร์ฯเพิ่มน้ำหนักลงทุนต่างประเทศ รุกหนัก "ซีแอลเอ็มวี" หลังเทรนด์ตลาดโรงหนังอาเซียนบูม ตั้งเป้า 5 ปี สัดส่วนรายได้ต่างประเทศเพิ่มเป็น 10-15% พร้อมควง "อิออนมอลล์" เปิดตลาดโรงหนังกัมพูชาประเทศแรก ตั้งราคาตั๋ว 124-465 บาทต่อที่นั่ง คาดสิ้นปีรายได้ 120-150 ล้านบาท เตรียมเดินหน้าขยายตลาดลาว เมียนมาร์ ขณะที่เวียดนามยังอยู่ระหว่างพิจารณา เหตุแข่งขันแรง

นายวิชา พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจโรงภาพยนตร์อาเซียนปัจจุบันถือว่าได้รับความนิยมค่อนข้างสูง โดยเฉพาะประเทศมาเลเซีย ที่มีอัตราการขยายตัวของโรงภาพยนตร์มากกว่า 100 โรงต่อปี รวมถึงอินโดนีเซียและไทยที่มีการเติบโตของโรงหนังอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ไม่เพียงโรงภาพยนตร์ในอาเซียนที่มีการเติบโตดีแล้ว แต่ทุกประเทศในอาเซียนก็มีการขยายตัวของคอมมิวนิตี้มอลล์ขนาดใหญ่ด้วยเช่นกัน เนื่องจากนานาประเทศกำลังให้ความสนใจกับประเทศเอเชียที่มีแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดี

"ภาพรวมธุรกิจโรงหนังอาเซียนถือว่าบูมสุดสุด รวมถึงการขยายตัวของคอมมิวนิตี้มอลล์ด้วย ประกอบกับฮอลลีวูดที่ให้ความสำคัญกับประเทศเอเชียเพิ่มขึ้น ด้วยการเปิดตัวภาพยนตร์ในกลุ่มประเทศเอเชียมากขึ้น"

ทั้งนี้ ด้วยศักยภาพดังกล่าวทำให้เป้าหมายการขยายแบรนด์ "เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์" ในอีก 5 ปีข้างหน้านี้จะรุกหนักที่ประเทศกลุ่ม CLMV ประกอบด้วยกัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม ล่าสุดได้เปิดโรงภาพยนตร์ในประเทศกัมพูชาภายในศูนย์การค้า "อิออนมอลล์" รวม 7 โรง จำนวน 1,560 ที่นั่ง และโบว์ลิ่งแบรนด์ "บลูโอริธึม แอนด์ โบว์ล" จำนวน 13 เลน บนพื้นที่ประมาณ 6,000 ตารางเมตร ภายใต้งบฯลงทุนรวม 150 ล้านบาท ถือเป็นประเทศแรกที่บริษัทเดินหน้าเข้าไปลงทุน ด้วยสัดส่วนการถือหุ้น 70% ส่วนอีก 30% เป็นพันธมิตรโลคอลจากกัมพูชา 1 ราย และดิสทริบิวเตอร์จากประเทศอินโดนีเซีย 1 ราย

"กัมพูชาถือว่าเป็นการร่วมทุนครั้งแรกของบริษัท ซึ่งไม่นับรวมก่อนหน้านี้เมื่อปี 2553 ที่เข้าไปถือหุ้น 7% ร่วมกับบริษัท พีวีอาร์ ซีนีม่า จำกัด เพื่อขยายธุรกิจโรงหนังในอินเดีย ซึ่งครั้งนั้นถือเป็นการลงทุน"

นายวิชากล่าวว่า ธุรกิจโรงหนังในกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ยังมีโอกาสขยายตัวอีกมาก เนื่องจากปัจจุบันมีโรงหนังเพียง 18 โรงเท่านั้น (ไม่รวมเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ที่เพิ่งเปิดให้บริการ) และเป็นโรงหนังที่ได้มาตรฐาน 10-11 โรง ขณะที่กำลังซื้อของผู้บริโภคค่อนข้างดี ดังนั้นบริษัทจึงจะเดินหน้าลงทุนขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง ตั้งเป้าจะมีจำนวนโรงหนังทั้งสิ้น 40-50 โรง และเลนโบว์ลิ่งภายใน 5 ปี ใช้งบฯลงทุนประมาณ 500 ล้านบาท สำหรับราคาบัตรชมภาพยนตร์เริ่มต้นที่ 4-15 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 124-465 บาทต่อที่นั่ง สำหรับรายได้ในปีแรกของสาขาพนมเปญ คาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 120-150 ล้านบาท คืนทุนใน 3 ปี

ทั้งนี้ นอกจากการลงทุนในกรุงพนมเปญ บริษัทมีแผนที่จะขยายสาขาตามจังหวัดอื่น ๆ ของกัมพูชาด้วย โดยอยู่ระหว่างศึกษารายละเอียด

นายวิชากล่าวต่อว่า เป้าหมายการขยายธุรกิจโรงหนังระยะยาวในกัมพูชา คือต้องการมีส่วนแบ่งตลาดเกิน 50% ของมูลค่าตลาดหนังโดยรวมของกัมพูชา หรือต้องขยายโรงหนังให้ครบ 100 โรง (เฉพาะกรุงพนมเปญ)

"เมื่อขยายโรงหนังในกัมพูชา ถือว่าเป็นผลดีต่อการนำหนังไทยเข้ามาฉายด้วย ซึ่งเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ที่กรุงพนมเปญ จะทำหน้าที่เหมือนเอาต์เลตที่จะคัดเลือกหนังไทยเข้ามาฉายตามโควตาของกัมพูชาที่วางไว้ 24 เรื่องต่อปี ซึ่งจะส่งผลให้หนังไทยมีรายได้เพิ่มขึ้น"

สำหรับการลงทุนในประเทศอื่น ๆ นายวิชากล่าวว่า อยู่ระหว่างศึกษารายละเอียดที่จะเข้าไปในประเทศเมียร์มาร์ ลาว ส่วนเวียดนามอยู่ระหว่างตัดสินใจ เพราะต้องพิจารณาเรื่องของโลเกชั่นและการแข่งขันรุนแรง

ทั้งนี้ บริษัทวางเป้าหมายว่าภายใน 5 ปีข้างหน้าจะมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่มเป็น 10-15% จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศไม่ถึง 5% ของรายได้รวมบริษัท โดยปี 2556 บริษัทมีรายได้รวม 7,711 ล้านบาท

นายวิชากล่าวว่า สำหรับภาพรวมธุรกิจโรงหนังในไทย ช่วงครึ่งปีแรกได้รับผลกระทบจากปัจจัยทางการเมืองและเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นมาค่อนข้างดี เพราะมีหนังฟอร์มใหญ่เข้าฉายอย่างต่อเนื่อง คาดว่าสิ้นปีจะผลักดันภาพรวมของบริษัทเติบโตได้ 10% ตามเป้าที่วางไว้




// //

Copyright (c) 2010 munjeed.com All rights reserved.