ไม่น่าเชื่อ หุ้นเซ็ปเป้เข้าตลาดวันแรก ราคาหุ้นทะยานสูงขึ้นกว่าราคา IPO เกินเท่าตัว

หุ้น IPO ของ "เซ็ปเป้" ราคา 13.50 บาท แต่ปิดตลาดวันแรก 27.75 บาท

บร๊ะเจ้า....

ตลาดให้การต้อนรับ "เซ็ปเป้"

เป็นอย่างดี

"เซ็ปเป้" เป็นเจ้าของสินค้า

บิวติ ดริ้งก์ โมกุ โมกุ ฟอร์วันเดย์ กาแฟเพียว ฯลฯ

แต่ตลาดใหญ่ของ "เซ็ปเป้" ไม่ใช่เมืองไทย

หากเป็นต่างประเทศ

ยอดรายได้ของ "เซ็ปเป้" มาจากการส่งออกประมาณ 60%

ยิ่งค่าเงินบาทอ่อนแบบนี้ "เซ็ปเป้" ก็รับทรัพย์อย่างเดียว

ตลาดใหญ่ของเขาอยู่ที่อินโดนีเซียและยุโรปตะวันออก

"ก้อง" อดิศักดิ์ รักอริยะพงศ์ "ซีอีโอ" ของ "เซ็ปเป้" บุกเบิกตลาดต่างประเทศมานานหลายปี

เดินทางไปต่างประเทศเป็นว่าเล่น

ลุยหนักถึงขั้นที่เขาบอกว่าบางครั้งสะลึมสะลือตื่นขึ้นมา ต้องถามตัวเอง

ว่าตอนนี้อยู่ที่ประเทศอะไร

ลุยเดี่ยวมาหลายปี ตอนนี้ผลจาก

การลงแรงได้ออกดอกออกผลแล้ว

งดงามทีเดียว

ทุกประเทศในโลกคือตลาดของ

"เซ็ปเป้" ครับ

แต่ที่ผมชอบที่สุดคือยุทธศาสตร์การ

ส่งออกของ "เซ็ปเป้"

เพราะเขาคิดละเอียดตั้งแต่ตั้งชื่อ

รู้ไหมครับว่าชื่อ "เซ็ปเป้" มาจากไหน

แต่ฟังดูแล้วมีกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่น แต่ไม่มีความหมายในภาษาญี่ปุ่น

"เซ็ปเป้" มาจากชื่อบริษัทครับ

"ทรัพย์อนันต์"

แต่ชื่อ "ทรัพย์อนันต์" เรียกยากในต่างประเทศ

เขาเลยคิดชื่อใหม่

ใช้วิธีการเทียบเคียงเสียงคำว่า "ทรัพย์" กับ "เซ็ป"

จากนั้นก็พยายามค้นหาคำที่ไม่มี

ความหมายที่สุด

ครับ คำที่ "ไม่มีความหมาย" จริง ๆ

โจทย์ของเขาคือชื่อแบรนด์จะต้อง

"ไม่มีความหมาย" ในทุกประเทศ

และก็มาจบลงที่คำว่า "เซ็ปเป้"

เพราะค้นข้อมูลเกือบทุกประเทศทั่วโลก คำว่า "เซ็ปเป้" ไม่มีความหมายใด ๆ

แปลกไหมครับ ตามปกติชื่อ

แบรนด์หลักของสินค้าทั่วไปจะ

พยายามให้มีความหมาย

ยิ่งคมคาย ยิ่งดี

แต่ "ก้อง" กลับตั้งชื่อที่ "ไม่มี

ความหมาย"

เพราะเขาวางแผนจะบุกตลาด

ต่างประเทศมาตั้งแต่ต้นแล้ว

เมื่อชื่อ "เซ็ปเป้" ไม่มีความหมายในประเทศใด

ทำให้เขามั่นใจว่าถ้าไปเปิดตลาดเครื่องดื่มในประเทศไหน

เขาสามารถจดลิขสิทธิ์ชื่อนี้ได้

ไม่มีใครไปจดชื่อนี้ไว้ก่อนอย่างแน่นอน

กลยุทธ์การตั้งชื่อถือเป็นความคิดที่ "นอกกรอบ" มาก

คิดละเอียดในมุมที่ไม่มีใครเคยคิด

มาก่อน

ตั้งชื่อที่ "ไม่มีความหมาย"

สุดยอด...