นายวีรพงศ์ ไชยเพิ่ม ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า ตั้งแต่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาบริหารประเทศ และมีนโยบายการดำเนินการในโครงการต่างๆ ส่งผลให้บรรยากาศการลงทุนดีขึ้น โดยคาดว่าปีนี้ยอดขาย/เช่าพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมของทั้ง กนอ.และนิคมฯ ร่วมดำเนินงานกับเอกชน จะเพิ่มขึ้นเป็น 4,000 ไร่ สูงกว่าเป้าหมายเดิมที่คาดไว้ที่ 3,000 ไร่ ขณะที่ครึ่งปีแรกของปีงบประมาณ 2557 (ตุลาคม 2556-มีนาคม 2557) มียอดขายแล้ว 1,700 ไร่

นายวีรพงศ์ กล่าวว่า ปัจจุบันมีพื้นที่เหลืออยู่ราว 10,000 ไร่ รองรับการใช้พื้นที่ได้อีกประมาณ 1-2 ปีเท่านั้น ทำให้ กนอ.ต้องเร่งผลักดันให้เกิดพื้นที่นิคมฯใหม่ๆ โดยล่าสุด กนอ.ได้ลงนามร่วมดำเนินงาน 10 แห่ง รวมพื้นที่ 30,000 ไร่ คาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ภายใน 2-3 ปีนี้ ทันรองรับการรวมตัวของประชาคมอาเซียน (เออีซี) และรับความต้องการพื้นที่อุตสาหกรรมประมาณ 7 ปี นอกจากนี้ กนอ.ยังอยู่ระหว่างการผลักดันเพิ่มพื้นที่อุตสาหกรรมตามยุทธศาสตร์ประเทศอีก ทั้งหมด 13 แห่ง อาทิ นิคมฯเอสเอ็มอี นิคมฯโลจิสติกส์ และนิคมฯภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คาดว่าปีนี้จะลงนามร่วมดำเนินการได้ประมาณ 5 แห่ง นายวีรพงศ์กล่าวว่า สำหรับกรณีที่ คสช.ตั้งคณะกรรมการนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษ (กนพ.) เพื่อส่งเสริมการค้าและการลงทุนของประเทศตามนโยบายการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยใช้ประโยชน์จากความเชื่อมโยงด้านคมนาคมขนส่งของภูมิภาคอาเซียนและข้อตกลง การค้าเสรีภายใต้กรอบอาเซียนและมีหลายหน่วยงานเข้าร่วมนั้น กนอ.คงเข้าไปมีส่วนร่วมในฐานะที่ดูแลพื้นที่อุตสาหกรรม แต่ต้องดูความชัดเจนการดำเนินการของคณะกรรมการชุดนี้ก่อนว่าจะมีแนวทางอย่าง ไร และ กนอ.จะเข้าไปมีส่วนร่วมได้อย่างไร

นายวีรพงศ์กล่าวว่า ส่วนปัญหากลิ่นรบกวนในพื้นที่มาบตาพุดนั้น ในระยะสั้น กนอ.มีการเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง จัดตั้งทีมเฉพาะกิจจัดการปัญหาเรื่องกลิ่น ส่วนมาตรการระยะยาว กนอ.ได้ร่วมกับวิทยาลัยนาโนเทคโนโลยีพระจอมเกล้าลาดกระบัง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง พัฒนาระบบเครือข่ายจมูกอิเล็กทรอนิกส์สำหรับเฝ้าระวังกลิ่นและสารระเหยใน นิคมอุตสาหกรรม (อีโนส) โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จใน 3 ปีจากนั้นจะขยายไปยังนิคมฯอื่นต่อไป (กรอบบ่าย)



ที่มา : นสพ.มติชน