เอเซอร์ เปิดตัว 2 ผลิตภัณฑ์ใหม่กลุ่มไฮบริดโน้ตบุ๊กและแท็บเล็ตแอนดรอยด์ หวังตลาดไอทีกลับมาคึกคักในครึ่งปีหลัง รับสถานการณ์เมืองไทยทำตลาดไอทีซบเซา แย้มอาจทำให้การเติบโตของเอเซอร์ต่ำสุดในรอบ 10 ปี…

นายนิธิพัทธ์ ประวีณวงศ์วุฒิ รองผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดโน้ตบุ๊กในช่วงครึ่งปีแรกของไทยลดลงอย่างชัดเจน เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองทำให้ผู้บริโภคชะลอการใช้จ่าย ทั้งยังส่งผลกระทบต่อตลาดไอทีโดยรวม

"ภาพรวมตลาดโน้ตบุ๊กปีนี้ลดลงแน่นอน และคาดว่าจะลดลงกว่า 30% ในช่วงครึ่งปีแรก แต่กำลังซื้อที่กลับมาในช่วงครึ่งปีหลัง อาจทำให้สัดส่วนการปรับลดลงอยู่ที่ราว 20% ได้ ในส่วนของเอเซอร์เชื่อว่าจะมีปัจจัยสนับสนุนจากสินค้าที่ทำตลาดในราคาที่ไม่สูงมาก และมีช่องทางขายมากขึ้น จนทำให้สัดส่วนการเติบโตของเอเซอร์ไม่ลดลงไปมากกว่าตลาดรวม อย่างไรก็ตาม ในปีนี้บริษัทตั้งเป้ามีส่วนแบ่งในตลาดโน้ตบุ๊กไม่ต่ำกว่า 25% เนื่องจากโน้ตบุ๊กยังคงมียอดขายเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มสินค้าคอนซูเมอร์ของเอเซอร์ ส่วนภาพรวมตลาดไอทีก็ได้รับผลกระทบจากการที่ผู้บริโภคหันไปใช้สินค้าอื่นทดแทน เช่น การใช้แท็บเล็ตแทนโน้ตบุ๊ก ซึ่งแนวโน้มดังกล่าวอาจทำให้บริษัทมีอัตราการเติบโตของรายได้ต่ำสุดในรอบ 10 ปี"

รองผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ กล่าวอีกว่า แม้ในปีนี้ตลาดโน้ตบุ๊กจะมีการเติบโตลดลง แต่ตลาดแท็บเล็ตยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าในส่วนของแท็บเล็ตแอนดรอยด์จะมียอดขายอยู่ที่ 1,200,000 เครื่อง ส่วนแท็บเล็ตวินโดวส์จะมียอดขายราว 50,000 เครื่อง ส่วนราคาแท็บเล็ตที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคนั้น รุ่นที่เป็นการใช้งานไว-ไฟ จะมีราคาเฉลี่ยไม่เกิน 4,000 บาท ส่วนรุ่นที่ใช้งาน 3จี จะมีราคาไม่เกิน 6,000 บาท นอกจากนี้ บริษัทยังได้ขยายฐานการจำหน่ายแท็บเล็ตจากตลาดคอนซูเมอร์ไปสู่ตลาดการศึกษา ผ่านการใช้งานเพื่อเพิ่มศักยภาพการเรียนการสอนให้เป็นสมาร์ทคลาสรูม และขยายไปจับกลุ่มโรงพยาบาลด้วย

นายนิธิพัทธ์ กล่าวด้วยว่า การเติบโตของตลาดเดสก์ท็อปนั้น ถือว่ามีอัตราการลดลงน้อยกว่าตลาดโน้ตบุ๊ก เนื่องจากยังมีลูกค้าเฉพาะกลุ่ม เช่น สำนักงาน และกลุ่มเกมเมอร์ ซึ่งยังคงต้องการใช้งานเดสก์ท็อปแบบออลอินวัน ส่วนตลาดสมาร์ทโฟนนั้น เชื่อว่าภาพรวมของตลาดยังคงมีกำลังซื้ออย่างต่อเนื่องหากไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมือง เพราะผู้ให้บริการเครือข่าย (โอเปอเรเตอร์) ก็ให้ความสำคัญในการผลักดันผู้บริโภคมาสู่การใช้งาน 3จี บนสมาร์ทโฟน รวมถึงการรองรับเทคโนโลยีใหม่อย่าง 4จี ด้วย ซึ่งจากความร่วมมือระหว่างเอเซอร์และเอไอเอส ในการนำเสนอสมาร์ทโฟนสำหรับผู้ใช้งานเครื่องแรกเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ก็ได้รับความนิยมอย่างดีและมียอดจำหน่ายถึงหลักแสนเครื่อง และในช่วงครึ่งปีหลังนี้ก็จะมีความร่วมมือในลักษณะดังกล่าวเพื่อกระตุ้นตลาดสมาร์ทโฟนเครื่องแรก ด้วยการนำเสนอสินค้าราคาพิเศษออกมาอีกด้วย