วิลมาร์ วัลเดช ประธานสมาคมฟุตบอลอุรุกวัย ยืนยันจะมีการยื่นอุทธรณ์โทษแบนของ หลุยส์ ซัวเรซ หลังโดนห้ามยุ่งเกี่ยวกับวงการลูกหนัง 4 เดือนจากคดีกัด จอร์จิโอ คิเอลลินี ในศึกฟุตบอลโลก 2014 โดยมองว่าเป็นการลงโทษที่เกินกว่าเหตุ...
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 27 มิ.ย. วิลมาร์ วัลเดช ประธานสมาคมฟุตบอลอุรุกวัย (เอยูเอฟ) ยืนยันจะมีการยื่นอุทธรณ์โทษแบนของ หลุยส์ ซัวเรซ กองหน้าค่าย "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล หลังโดนแบนห้ามยุ่งเกี่ยวกับกีฬาฟุตบอล 4 เดือนจากคดีกัด จอร์จิโอ คิเอลลินี แข้ง "อัซซูรี" ทีมชาติอิตาลี ในศึกฟุตบอลโลก 2014 รอบสุดท้าย โดยมองว่าเป็นการลงโทษที่เกินกว่าเหตุ
ซัวเรซ โดน สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) สั่งลงโทษแบนจากเกมทีมชาติ 9 นัด และถูกห้ามยุ่งเกี่ยวกับกิจกรรมด้านฟุตบอลนานถึง 4 เดือน เพื่อชดใช้ความผิดจากกรณีไปกัดคู่แข่งในเกมฟุตบอลโลก 2014 รอบแบ่งกลุ่ม นัดสุดท้าย ที่ อุรุกวัย เฉือนเอาชนะ อิตาลี 1-0 เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นหนที่ 3 ในชีวิตการค้าแข้งที่เขากัดคู่แข่งระหว่างเกม
ล่าสุดทาง วัลเดช หัวเรือใหญ่ของ "เอยูเอฟ" ก็ได้เผยว่าจะมีการยื่นอุทธรณ์โทษแบนของแข้งดังรายนี้ หลังมองว่าการห้ามช่วยทีมชาติถึง 9 นัด เป็นการลงโทษที่เกินกว่าเหตุ
วัลเดช กล่าวว่า "เรารู้สึกว่ามันเป็นการตัดสินที่รุนแรงเกินไป เพราะหลักฐานทุกอย่างนั้นยังไม่เพียงพอที่จะต้องรับการลงโทษที่รุนแรงแบบนี้"
"อุรุกวัย ไม่ได้ร้องขอสิทธิพิเศษหรือข้อยกเว้น สิ่งที่อุรุกวัยอยากถามคือ กฏหมายที่นำไปใช้มีความเท่าเทียมกันทุกด้านหรือไม่และฟีฟ่าควรให้การรับรองในคดีนี้ เราได้เห็นเหตุการณ์ที่รุนแรงกว่าหรือคล้ายกับสิ่งที่เกี่ยงข้องกับ หลุยส์ ซัวเรซ ซึ่งทางคณะกรรมการทางวินัยของฟีฟ่ายังไม่ได้มีการลงมือกระทำอะไรในตอนนี้"
"การลงโทษแบบนี้เหมือนการตัด อุรุกวัย ออกจากศึกฟุตบอลโลก เราทุกคนรู้ว่า ซัวเรซ มีความหมายต่อทีมและฟุตบอลทั่วโลก การไม่มีซัวเรซคือความสูญเสียครั้งใหญ่"
สำหรับบทลงโทษดังกล่าวนอกจากจะส่งผลกระทบต่อทีมแล้วล่าสุดทาง "อาดิดาส" บริษัทผลิตภัณฑ์กีฬายักษ์ใหญ่ระดับ ได้ออกมาเผยว่าจะไม่มีการใช้ภาพของ ซัวเรซ ในการโฆษณาในศึกฟุตบอลโลก 2014 อีกต่อไป
โฆษกหญิงของ อาดิดาส ระบุว่า "อาดิดาส สนับสนุนการตัดสินของ ฟีฟ่า อย่างเต็มเปี่ยม อาดิดาส ไม่สามารถยอมรับพฤติกรรมครั้งล่าสุดของ หลุยส์ ซัวเรซ ได้ และเราจะเตือนเขาถึงสิ่งที่เราคาดหวังในตัวนักเตะของเราอย่างมากอีกครั้ง"
