นายสุวัตร สิทธิหล่อ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า จากการเข้าร่วมประชุมคณะทำงานด้านการท่องเที่ยวอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง หรือจีเอ็มเอส ครั้งที่ 33 เมื่อเร็วๆ นี้ที่กรุงมัณฑะเลย์ สหภาพเมียนมาร์ ซึ่งมี 6 ประเทศเข้าร่วมประชุม คือ ไทย เมียนมาร์ จีน กัมพูชา สปป.ลาว และเวียดนาม พบว่าที่ประชุมมีการสอบถามถึงสถานการณ์ทางการเมืองของไทยเพราะหลายประเทศกังวลว่าทำให้ต่างชาติไม่เชื่อมั่นการท่องเที่ยวประเทศกลุ่มลุ่มน้ำโขงด้วย เพราะช่วงที่ผ่านมานักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไปเที่ยวในกลุ่มจีเอ็มเอสจะต้องผ่านทางเที่ยวไทย ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางการคมนาคมก่อน เมื่อนักท่องเที่ยวของไทยลดลงก็จะกระทบในภาพรวมด้วยเช่นกัน
"สำหรับการแจ้งเตือนนักท่องเที่ยวจากสถานทูตต่างๆ ทั่วโลก จากข้อมูลของกระทรวงการต่างประเทศ พบว่าขณะนี้มี 66 ประเทศที่แจ้งเตือนแนะนำการปฏิบัติตัวเมื่อเดินทางมาไทย โดยมี 18 ประเทศที่ให้หลีกเลี่ยงการเดินทางโดยไม่จำเป็นออกไปก่อน และมีอีก 48 ประเทศแจ้งเตือนให้ใช้ความระมัดระวังในการเดินทาง/ติดตามสถานการณ์/หลีกเลี่ยงพื้นที่ชุมนุม และภายหลังจากการยกเลิกเคอร์ฟิว ประเทศฟิลิปปินส์ปรับลดระดับคำเตือนเป็นระดับ 1 แล้ว คือ ให้ระมัดระวังการเดินทาง ซึ่งกระทรวงมั่นใจว่าสถานการณ์ท่องเที่ยวไทยน่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ" นายสุวัตรกล่าว
นายสง่า เรืองวัฒนกุล นายกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสาร กล่าวว่า ขณะนี้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวยังคงกังวลในเรื่องกฎอัยการศึก แม้จะมีการยกเลิกเคอร์ฟิวไปแล้ว เพราะยังไม่มีรัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศ ขณะเดียวกันช่วงนี้เป็นช่วงที่ต่างประเทศกำลังพิจารณาจัดโปรแกรมทัวร์ ก็เกรงว่าอาจจะมีการถอดการแนะนำการท่องเที่ยวไทยออกจากโปรแกรมทัวร์ที่จะพิมพ์ประมาณเดือนกันยายนของทุกปี จนอาจส่งผลต่อช่วงไฮซีซั่นปลายปีนี้ ซึ่งเป็นความหวังสุดท้ายของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
"อยากให้เร่งประชาสัมพันธ์ให้รู้ว่าเมืองไทยแม้จะอยู่ใต้การบริหารของทหาร แต่ยังสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ปกติ มีความปลอดภัย และมีมาตรการดูแลนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในไทย ซึ่งหากมีการชี้แจงและต่างชาติมั่นใจเชื่อว่าบริษัททัวร์จะไม่ถอดโปรแกรมทัวร์ของเมืองไทยออกในช่วงปลายปี" นายสง่ากล่าว
ที่มา : นสพ.มติชน