ดราม่า-สุดหักมุม กว่าจะได้ดูฟรีๆ บอลโลก 64 แมตช์
 


ดราม่า-สุดหักมุม กว่าจะได้ดูฟรีๆ บอลโลก 64 แมตช์


ดราม่า-สุดหักมุม กว่าจะได้ดูฟรีๆ บอลโลก 64 แมตช์

กลายเป็นเรื่องดราม่าระดับชาติ นั่นคือ ชะตากรรมของคนไทยกับฟุตบอลโลก 2014

ตอนแรก ทำท่าจะไม่ได้ดู จะต้องควักกระเป๋าซื้อกล่อง ซื้อจาน เรียกว่ามีต้นทุนทำให้คอบอลที่เบี้ยน้อยหอยน้อยกระเป๋าเบาไประดับหนึ่่งเหมือนกัน

เกมมาพลิกในนาทีท้ายๆก่อนถึงเวลาระเบิดแข้งเมื่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ลงมาปิดเกม จัดการให้ กสทช.กับอาร์เอส คืนความสุขให้แก่คนไทย

เป็นอันว่าทุกครัวเรือนที่มีโทรทัศน์ จะได้ชมการแข่งขันอันเป็นมหกรรมของมวลมนุษยชาติโดยถ้วนหน้า ไม่ต้องควักกระเป๋า นอกจากซื้อของขบเคี้ยวมาประกอบการชม

ลองย้อนดูมหาดราม่า ว่าด้วยการดูบอลโลกฟรีของคนไทยในปีนี้

เริ่มจากในปี 2548 บริษัท อาร์เอส อินเตอร์เนชั่นแนล บรอดคาสติ้ง แอนด์ สปอร์ต แมเนจ จำกัด ในเครือบริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) ชนะประมูลลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 ครอบคลุม 2 ทัวร์นาเมนต์ 553 ที่อาร์เอสได้ลิขสิทธิ์ ไม่มีปัญหาแต่ประการใด มีการถ่ายทอดสดผ่านช่อง 3, ช่อง 7, ช่อง 9 และช่อง 11

จากนั้นในปี 2555 ในช่วงถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2012 กลับเกิดปรากฏการณ์ "จอดำ" จากการที่เจ้าของลิขสิทธิ์ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ไม่ให้ประชาชนรับชมการถ่ายทอดสดฟุตบอลยูโร 2012 ผ่านทีวีดาวเทียม และเคเบิลทีวี แต่ชมได้เฉพาะนอกจากกล่องทีวีดาวเทียม "จีเอ็มเอ็มแซท"

หลังจากนั้น สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) จึงออกแนวทางการป้องกันปัญหาไม่ให้กลับมาเกิดขึ้นอีก

ด้วยการออกประกาศ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์การเผยแพร่กิจการโทรทัศน์ที่ให้บริการเป็นการทั่วไป (มัสต์แคร์รี่) ที่ให้การออกอากาศผ่านฟรีทีวีทุกช่องทางต้องเหมือนกันทุกรูปแบบออกอากาศ

และประกาศ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์รายการโทรทัศน์สำคัญที่ให้เผยแพร่ได้เฉพาะในบริการโทรทัศน์ที่เป็นการทั่วไป (มัสต์แฮฟ) ในการกำหนดรายการสำคัญที่ต้องถ่ายทอดสดผ่านฟรีทีวีครบตลอดรายการแข่งขัน

เมื่อ กสทช.ออกประกาศ 2 ฉบับนี้ อาร์เอสในฐานะเจ้าของลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 ที่เปลี่ยนแปลงแผนธุรกิจจากเดิมที่ให้ออกอากาศผ่านฟรีทีวี และจัดเก็บรายได้จากส่วนแบ่งค่าโฆษณาเป็นหลักในการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งก่อน

มาเป็นการจัดเก็บรายได้จากส่วนแบ่งค่าโฆษณา การบริหารจัดการลิขสิทธิ์ออกบนกล่องทีวีดาวเทียม เคเบิลทีวี และบนโครงข่ายโทรศัพท์มือถือ และขายกล่องทีวีดาวเทียม "บอลโลก" ของอาร์เอสเอง

โดยจะอนุญาตให้ถ่ายทอดสดผ่านฟรีทีวีเพียง 22 คู่เท่านั้น ส่วนช่องทางอื่นๆ หากจะดูแฟนฟุตบอลต้องจ่ายเพิ่มเติมจึงจะได้ชมครบ 64 คู่

ขณะที่ กสทช.อ้างกฎมัสต์แฮฟ ต้องการให้มีการถ่ายทอดสดผ่านฟรีทีวีครบทุกคู่

อาร์เอสจึงนำเรื่องขึ้นสู่ศาลปกครอง ต่างฝ่ายก็ดูจะมีความมั่นใจในน้ำหนักและเหตุผลของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นทางอาร์เอส ที่อ้างว่า กสทช.ทำให้ธุรกิจเสียหาย จากการออกประกาศมาบังคับใช้กับอาร์เอสที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะทางอาร์เอสเองได้จัดซื้อลิขสิทธิ์การแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 มาก่อน กสทช.ออกประกาศ กสทช. เรื่องมัสต์แฮฟ

ส่วนฝั่ง กสทช.ก็อ้างว่าได้ออกประกาศด้วยความชอบธรรม เพื่อปกป้องสิทธิในการรับชมรายการโทรทัศน์ที่สำคัญ และฟุตบอลโลก คนไทยไม่เคยต้องเสียเงินดูแต่อย่างใด อีกทั้งประกาศดังกล่าวก็มีผลบังคับก่อนการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2014 เริ่มต้นนานกว่า 1-2 ปีเช่นกัน

จนกระทั่งท้ายสุด ศาลปกครองกลางได้มีคำตัดสินให้อาร์เอสชนะ และนำไปสู่การอุทธรณ์ของ กสทช. ในชั้นศาลปกครองสูงสุด

ในระหว่างเรื่องอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุดตัดสิน อาร์เอสเองก็ดูเหมือนจะยังคงยืนยันถ่ายทอดสดผ่านฟรีทีวี 22 คู่ คือ ช่อง 7 และช่อง 8 พร้อมดำเนินแผนธุรกิจเดิมคือ เน้นขายกล่องทีวีดาวเทียมเป็นช่องทางหลักในการรับชมฟุตบอลโลกครบ 64 คู่

รวมถึงในระหว่างนั้น ทางอาร์เอสได้มีการบริหารจัดการลิขสิทธิ์แก่ผู้ประกอบการรายอื่นที่ยอมจ่ายเพิ่มเติม เพื่อให้ช่องทางการเผยแพร่ของตนเองสามารถถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกได้ครบ 64 คู่ เช่นกรณีบริษัท ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป จำกัด ที่ยอมจ่าย 30 ล้านบาท เพื่อนำช่องที่มีการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกครบ 64 คู่ของทางอาร์เอสไปออกอากาศ

และในที่สุดศาลปกครองสูงสุดก็ได้มีคำตัดสินให้อาร์เอสเป็นผู้ชนะคดี

ขณะที่คอฟุตบอลหมดหวังว่าหมดโอกาสดูทางฟรีทีวีเพราะอาร์เอสคงไม่อยากถ่ายทอดในช่องทางอื่น ที่ตัวเองไม่ได้ประโยชน์เต็มเม็ดเต็มหน่วย

เรื่องราวกลับมาหักมุม ตามคำแถลงข่าวของ "ฐากร ตัณฑสิทธิ์" เลขาธิการ กสทช. เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ระบุว่า หลังศาลปกครองสูงสุดมีคำตัดสิน คสช.ได้ประสานงานมายัง กสทช.ให้หาแนวทางคืนความสุขให้ประชาชน ด้วยการได้ดูบอลโลกครบ 64 คู่แบบฟรีๆ ให้ได้

กสทช.จึงได้ใช้วิธีพิเศษ ด้วยการยอมควักเงิน 427 ล้านบาท จ่ายค่าลิขสิทธิ์ให้แก่ทางอาร์เอสเพื่อนำฟุตบอลโลก 2014 มาออกอากาศผ่านช่องฟรีทีวี ทั้งช่อง 5, ช่อง 7, ช่อง 8 และช่อง 11 ครบทั้ง 64 คู่

เป็นอันยุติข้อพิพาท โดยมี คสช.เสมือนเป็นกลไกช่วยขับเคลื่อนการเจรจาหาแนวทางคืนความสุขให้แก่คนไทยได้เสร็จสิ้นอย่างรวดเร็ว

ส่วนในมุมของประชาชนก็จะสามารถรับชมฟุตบอลโลกแบบไม่ต้องเสียเงินเพิ่มเติมได้ครบ64 คู่

จากนี้ไป เชื่อได้ว่าตลอดรายการแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 คนไทยคงได้สำลักความสุขในการชมแบบฟรีๆ ครบทั้ง 64 คู่กันอย่างเต็มอิ่ม

แต่ที่อาจจะเครียดไปอีกระยะใหญ่ คือกลุ่มคนที่ยอมควักเงินจ่ายซื้อกล่องทีวีดาวเทียม เพื่อการรับชมฟุตบอลโลก 2014 ครบ 64 คู่ไปก่อนหน้านี้แล้ว

ทำให้เริ่มพูดกันถึงการชดเชยเยียวยา และเชื่อว่าน่าจะตามมาด้วยเรื่องร้องเรียนยาวเป็นหางว่าวแน่นอน




ที่มา : นสพ.มติชน








// //

Copyright (c) 2010 munjeed.com All rights reserved.