เรือนริษยา วันที่ 25 พฤษภาคม 2557
 


เรือนริษยา วันที่ 25 พฤษภาคม 2557


เรือนริษยา วันที่ 25 พฤษภาคม 2557

แล้วทิพย์ก็ตัดสินใจมาอยู่เรือนรัตนะในฐานะคนเลี้ยงลูกของลิตร

“ขอให้เชื่อฟังทำตามที่ฉันบอกซื่อสัตย์กับฉันทุกอย่างแล้วฉันรับรองว่าจะดูแลชีวิตทิพย์ต่อจากนี้ให้มีความสุขที่สุด”ลิตรพูดพลางส่งสายตาเจ้าชู้

“จ้ะฉันจะซื่อสัตย์และเชื่อฟังเอ่อ...คุณลิตรทุกอย่าง”

“แล้วฉันจะเชื่อใจทิพย์ได้ยังไงว่าทิพย์จะทำตามที่พูด”

“ทิพย์ขอสาบานถ้าวันใดที่ทิพย์ไม่ซื่อสัตย์ต่อคุณลิตรขอให้ทิพย์มีอันเป็นไปตายภายใน3วัน7วัน”

“ไม่ต้องสาบานแล้วฉันเชื่อใจว่าทิพย์จะไม่มีวันทรยศฉันเด็ดขาด”

ลิตรยิ้มพอใจยื่นมือจับมือที่พนมของทิพย์ไว้ขอบใจแค่สัมผัสเล็กน้อยของลิตรก็มัดใจทิพย์จนอยู่หมัด...หลังจากตกลงกันเรียบร้อยแล้วนันทนัชเดินออกมาส่งทนายสมุทรชัยกับไกรภัทรขึ้นรถที่หน้าบ้านโดยมีตำรวจ2นายตามคอยเฝ้าอยู่ห่างๆ

“นันจำได้ว่าเมื่อก่อนพ่อชอบปาร์ตี้มากออกงานสังคมทุกคืนกลับบ้านเกือบสว่างคุณพ่อเครียดเรื่องอะไรพอจะเดาได้มั้ยคะ”นันทนัชถามสมุทรชัย“ผมว่าเรื่องงานแหละครับคุณลิตรไม่ไว้ใจใครให้ช่วยดูแลอยู่คนเดียวทั้งที่โรงสีแล้วก็บริษัทฤทธานนท์พัฒนกิจ”

“นันไม่เข้าใจคุณพ่อจะหาเงินเยอะแยะไปทำไมนักหนาสุดท้ายพ่อก็เอาติดตัวไปด้วยไม่ได้ดีแต่ทำทิ้งไว้ให้คนอื่นใช้”

“แต่คุณนันก็ได้กลับมาอยู่ที่บ้านแล้วหลังจากที่เอ่อ...จากไปหลายปีถ้าวิญญาณคุณลิตรรู้คงจะดีใจมากนะครับ”

“ค่ะนันต้องกลับมาทำหน้าที่ลูกหาฆาตกรที่ฆ่าคุณพ่อให้ได้”

ไม้ออกมาเห็นทิพย์อยู่ที่ริมรั้วก็เข้าไปไล่ทิพย์เห็นนันทนัชยืนคุยอยู่กับสมุทรชัยก็ท้าทายและยั่วให้ไม้โมโหจะได้ออกมาเล่นงานตัวเองตามแผน

“แกนั่นแหละไปให้พ้นเป็นแค่ขี้ข้านังฤทัยอย่าสะเออะมาไล่ฉันเจ้าของบ้านตัวจริงเค้ากลับมาแล้วยืนอยู่โน่น”

“ปากดี!มึงอยากรากเลือดอีกใช่มั้ยเดี๋ยวกูจัดให้”

ไม้ทำท่าจะเปิดประตูออกไปเล่นงานทิพย์ทิพย์ได้โอกาสร้องตะโกนขึ้น

“แกอย่าทำอะไรฉันนะ...อย่า...อ๊าย...ฉันกลัวแล้ว...อย่าทำฉันเลย”

นันทนัชได้ยินเสียงร้องหันไปมองเห็นทิพย์รีบลากสังขารตรงไปหาทันทีไม้ปฏิเสธว่าไม่ได้ทำอะไรแต่นันทนัชไม่เชื่อไม้จึงต่อว่าไม้หนีไปอย่างไม่พอใจนันทนัชเข้าไปกอดทิพย์แน่นแล้วร้องไห้

“คุณหนู...ฮือๆๆ...คุณหนูของทิพย์”

“ทำไมน้าทิพย์ไม่เข้าบ้านล่ะมาทำอะไรอยู่ข้างนอกนี่”

“คุณหนูขาฟังให้ดีนะคะทิพย์ไม่ได้อยู่ที่เรือนรัตนะแล้ว”

“ห่ะ!เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับน้าบอกนันมาเดี๋ยวนี้”

“พอคุณหนูไปเรียนเมืองนอกได้2ปีก็เกิดเรื่องขึ้นที่เรือนรัตนะน้า...น้าถูกเค้าไล่เฉดหัวออกมาค่ะ”

“ฝีมือยัยฤทัยใช่มั้ย”

ทิพย์ไม่ตอบได้แต่สะอื้นหนักขึ้นอีก

“หึนังปิศาจ!มันคิดจะกำจัดทุกคนให้พ้นทางมันไม่เว้นแม้แต่คุณพ่อที่หลงรักมันจนหัวปักหัวปำไม่ต้องกลัวนะคะน้าทิพย์นันกลับมาแล้ว”

“ทิพย์ดีใจค่ะที่เห็นคุณหนูกลับบ้านแต่ตอนนี้ไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกแล้วนะคะในเรือนรัตนะนั่นคุณหนูเหลือตัวคนเดียวถ้าพวกมันทำอะไรไม่มีใครช่วยคุณหนูได้คุณหนูต้องระวังตัวไว้ตลอดเวลานะคะอย่าวางใจเด็ดขาดแล้วทิพย์จะมาหาคุณหนูบ่อยๆค่ะ”

ทิพย์ลุกเดินผละไปขึ้นรถแท็กซี่แล้วออกไปทันทีนันทนัชได้แต่ยืนมองอย่างเศร้าใจแล้วกลับเข้าบ้านไปเอาเรื่องกับฤทัยเรื่องที่ไล่ทิพย์ฤทัยวางมาดผู้ดีตอบโต้

“หนูนันเอาเรื่องผิดคนแล้วจ้ะน้าไม่ได้เป็นคนไล่คุณลิตรต่างหากที่เป็นคนไล่แม่ทิพย์ออกจากบ้าน”

“ฉันไม่เชื่อ!พ่อไว้ใจน้าทิพย์มากพ่อไม่มีวันทำอย่างงั้นกับน้าทิพย์”

“น้อยไปซิ!เธอมัวแต่ไปเสวยสุขอยู่ที่เมืองนอกจะไปรู้อะไรว่ายัยนั่นก่อความเดือดร้อนให้คนในบ้านยังไงบ้าง”

“พ่อหนูโกรธแม่ทิพย์มากเลยรู้มั้ยจ๊ะตอนที่ไล่แม่นั่นออกถึงกับด่าสาดเสียเทเสียว่านังคนใช้ไว้ใจไม่ได้เลี้ยงไม่เชื่อง”

“โกหก!พ่อไม่เคยเห็นน้าทิพย์เป็นคนใช้น้าทิพย์เลี้ยงฉันมามีพระคุณกับฉันที่สมควรถูกเฉดหัวออกจากบ้านคือพวกเธอต่างหากที่เลี้ยงไม่เชื่องฆ่าพ่อของฉัน”

“เอ๊ะนี่หยุดใส่ร้ายแม่ฉันซะทีได้มั้ยจะต้องให้บอกกี่ครั้งหะว่าแม่ฉันไม่ได้ฆ่าพ่อเธอ”

“เธอก็รวมหัวกับแม่เธอฆ่าพ่อฉัน”

“พอทีเถอะคุณ...หยุดได้แล้ว...ออกไปก่อน”

กฤตพนธ์ต้องลากตัวนันทนัชออกมานั่งสงบสติอารมณ์ที่ศาลาใกล้พุ่มรำเพยเธอหันไปวีนใส่กฤตพนธ์ว่าเป็นใครบังอาจมาสั่งสอนเธอ

“แล้วคุณคิดว่าตัวเองเป็นใครเที่ยวไปชี้หน้าด่าคนอื่นว่าฆ่าพ่อตัวเองทั้งที่ไม่มีหลักฐาน”

“ทำไมจะไม่มีหลักฐานนี่ไง!หลักฐานอยู่บนหน้าฉัน…ฉันจากบ้านไป5ปีไม่เคยกลับมาเลยพอกลับมาฉันก็ถูกล่าเอาชีวิตถ้าไม่ใช่ฝีมือพวกฤทัยแล้วจะเป็นใครคุณบอกฉันได้มั้ย”

“ผมบอกไม่ได้หรอกผมไม่ใช่ตำรวจ!คุณควรจะรอให้เวลาตำรวจเค้าสืบสวนไม่ใช่เอาแต่ใจทำตัวบ้าอาละวาดงี่เง่าไม่มีประโยชน์”

“อย่ามาด่าฉันนะ”

“ผมกำลังเตือนสติคุณ…นามบัตรผม!ถ้าคิดว่าสักวันนึงมันอาจจะมีประโยชน์คุณก็เก็บเอาไว้แต่ถ้าอยากจะฉีกมันทิ้งก็ตามใจ”กฤตพนธ์วางนามบัตรลงก่อนจะเดินผละไป

กฤตพนธ์พยายามสืบหาความจริงเรื่องที่นันทนัชถูกดักทำร้ายตามหาไอ้โม่งคนที่ยิงเขาเชนโกรธมากที่กฤตพนธ์เข้ามายุ่งทำให้ทำงานยากขึ้นเชนใช้วิธีข่มขู่คุกคามตามทำร้ายกฤตพนธ์ต่างๆนานาเพื่อให้เขาเลิกยุ่งกับรื่องนี้แต่ยิ่งกลับทำให้กฤตพนธ์ไม่ยอมวางมือเขามั่นใจแล้วว่านันทนัชผู้หญิงตัวคนเดียวกำลังตกเป็นเป้าอันตราย

ความวุ่นวายในบ้านทำให้นันทนัชสับสนไม่น้อยทั้งเรื่องทรัพย์สมบัติมหาศาลและสาเหตุการตายแท้จริงของพ่อหญิงสาวเหม่อมองต้นรำเพยหน้าบ้านแล้วอดคิดถึงคำบอกเล่าของทิพย์เมื่อหลายปีก่อนไม่ได้ว่า..รำเพยแม่ของเธอฆ่าตัวตายใต้ต้นรำเพยต้นนี้นันทนัชน้ำตาไหลออกมาอย่างช่วยไม่ได้เธอดึงตัวเองออกจากอดีตน้อยใจในโชคชะตาเหลือเกินที่ทำให้ต้องเผชิญหน้ากับปัญหาอันหนักอึ้งด้วยตัวคนเดียวเช่นกัน

ภาพลูกเลี้ยงสาวยืนมองต้นรำเพยหน้าบ้านตามลำพังทำให้ฤทัยหมั่นไส้มากการปรากฏตัวของนันทนัชทำให้บรรยากาศในเรือนรัตนะไม่น่าอยู่เหมือนเคยเพราะลูกเลี้ยงสาวตั้งหน้าตั้งตาจับผิดและทวงทุกสิ่งทุกอย่างคืนไม้ที่วนเวียนอยู่ใกล้ๆอาสาช่วยทำสงครามประสาทให้นันทนัชทนอยู่ในบ้านนี้ต่อไปไม่ได้ฤทัยยิ้มร้ายพอใจมาก

“รอให้บ้านหลังนี้เป็นของฉันเสียก่อนเถอะฉันจะโละทุกสิ่งทุกอย่างออกให้หมดโดยเฉพาะไอ้ต้นรำเพยสับปะรังเคที่หวงนักหวงหนาฉันจะตัดทิ้งมาเผาให้เหี้ยนเลยอยากหวงมากนัก”

ขาดคำฤทัยก็คว่ำรูปถ่ายลิตรบนโต๊ะทำงานอย่างแรงในใจเต็มไปด้วยความแค้นเมื่อนึกถึงเรื่องราวในอดีตตอนที่เธอเรียกคนงานมารื้อต้นรำเพยเจ้าปัญหาออกทิพย์ถลาเข้ามาขวางไม่ให้ตัดฤทัยไม่ยอมเลยตบสั่งสอนจนทิพย์เหลืออด

“คิดว่าเป็นเมียออกหน้าออกตาคุณลิตรแล้วแกจะทำอะไรก็ได้งั้นหรือฉันทนแกมานานแล้ววันนี้ตายเป็นตาย”

ความอดกลั้นที่เก็บมานานทำให้ทิพย์มีพลังอย่างเหลือเชื่อสาวใช้ผู้ซื่อสัตย์ระดมตบไม่ยั้งจนฤทัยเกือบตายโชคดีที่ลิตรผ่านมาเห็นและห้ามไว้ทันเลยได้รู้จากทิพย์ว่าเมียสุดที่รักคิดจะโค่นต้นรำเพยทิ้งทิพย์ยิ้มเยาะเป็นต่อฤทัยยังไม่รู้สึกตัวโอดโอยเสียงหวาน

“ลิตรขา..ไอ้ต้นบ้านี่ยางมันมีพิษนะคะฤทัยมาตัดเอาดอกมันไปใส่แจกันมือไปโดนยางมันนิดเดียวถึงกับปวดแสบปวดร้อนเป็นแผลพุพองเลยเห็นไหมคะเนี่ยลิตรขา”

ฤทัยยื่นมือให้ดูแต่แทนที่ลิตรจะห่วงกลับโกรธจัดต่อว่าฤทัยที่ไปยุ่งกับต้นไม้เองฤทัยยืนงงส่วนทิพย์สะใจลิตรไล่คนงานออกก่อนจะกำชับเมียคนล่าสุดห้ามยุ่งกับต้นรำเพยอย่างเด็ดขาด...ฤทัยดึงตัวออกจากอดีตกำหมัดแน่นด้วยความแค้นใจเป็นตายร้ายดียังไงเธอต้องเอาเรือนรัตนะมาเป็นของตัวเองให้ได้ส่วนต้นรำเพยก็จะตัดให้เหี้ยนเลย

นันทนัชลากกระเป๋าจะเข้าห้องของลิตรแต่ฤทัยกับเดือนสาวใช้ปราดเข้าดึงยื้อไว้ไม่ให้เข้าไปในห้องกนกกรได้ยินเสียงเอะอะก็ออกมาดูพอรู้ว่าแม่จะถูกยึดห้องก็เข้ามาช่วยอีกแรงแต่นันทนัชกัดฟันดันเต็มแรงพอเข้าไปได้ก็ล็อกประตูทันทีทำให้ฤทัยเสียหลักล้มหงายหลังเข้าใส่กนกกรทำให้ล้มทั้งคู่

นันทนัชนั่งฟุบกับกระเป๋าเดินทางอย่างสุดเหนื่อยด้วยยังเจ็บเนื้อตัวที่ยังบอบช้ำอยู่เธอเงยหน้ามองไปภายในห้องที่ปิดผ้าม่านมืดทึบค่อยๆลุกเดินไปด้วยไปเปิดผ้าม่านออกให้แสงสว่างเข้ามาเธอมองไปรอบๆห้องอีกครั้งเห็นข้าวของเครื่องใช้ของลิตรรู้สึกอบอุ่นใจเธอลูบไล้ข้าวของของพ่อด้วยความคิดถึงพาลน้ำตาไหลออกมา

วันรุ่งขึ้นนันทนัชแต่งตัวเสร็จจะออกไปข้างนอกแต่ประตูถูกล็อกจากด้านนอกเธอตะโกนเรียกให้คนเปิดอย่างเจ็บใจแต่ไม่มีใครมาเปิดเสียงเธอตบประตูเอะอะโวยวายใครบางคนยืนมองอยู่ที่มุมไกลๆก่อนจะเดินหลบไป

เธอมาชะโงกดูตรงระเบียงเห็นเบื้องล่างเป็นพื้นสนามหญ้าจึงตัดสินใจปีนข้ามระเบียงออกมาโดยใช้มือจับซี่ราวแต่มือข้างหนึ่งดันหลุดร่างเธอห้อยต่องแต่งด้วยมือจับราวเพียงข้างเดียวพยายามจับราวใหม่แต่มือหมดแรงร่างของเธอร่วงลงมาอยู่ในอ้อมแขนของใครคนหนึ่งก่อนจะถึงพื้นแต่แรงกระแทกพาร่างนั้นล้มทับลงไปด้วยกัน

นันทนัชค่อยๆลืมตาขึ้นเห็นกฤตพนธ์นอนนิ่งเป็นเบาะให้เธอทับด้วยความตกใจจับที่หน้าอกเขย่าตัวเรียกกฤตพนธ์ผงกหัวขึ้นโวยอย่างเหลืออด

“จะเรียกไปถึงไหน!ผมจุก!อุ๊บ”

เธอหยุดกึกก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นยิ้มขำมองท่าทางเม้มปากกลั้นจุกของเขา

“ยังจะมาขำอีก”

กฤตพนธ์พูดแล้วลุกขึ้นทันทีทำให้นันทนัชกลิ้งตกจากตัวเขา

“ว้าย!รอหน่อยก็ไม่ได้ทำยังกับฉันอยากถูกเนื้อต้องตัวคุณนักงั้นแหละ”

กฤตพนธ์ยืนปัดเสื้อผ้าหันมองเธออย่างเอือมๆ

“อ้าว..ผมไม่ปล่อยให้คุณร่วงตกลงมาคอหักก็บุญแล้วขอบคุณซักคำก็ไม่มียังจะมาโวยผมอีก”

“ขอบคุณ!พอใจหรือยัง”

นันทนัชพูดจบก็คว้ารองเท้าผ้าใบใส่โขยกเขยกเดินไปด้วยท่าทางเอาเรื่องเดือนลอยหน้าลอยตาเดินออกมาเจอนันทนัชที่หน้าประตูบ้านก็ตกใจเธอรู้ทันถามเป็นฝีมือของเดือนใช่ไหม

“คุณพูดเรื่องอะไรฉันไม่รู้เรื่อง”

เดือนค่อยๆเดินถอยทำเป็นไม่เข้าใจเรื่องที่ถูกถามกฤตพนธ์เดินตามเข้ามาพอดีคิดว่าเธอหาเรื่องเดือนรีบปราดเข้าไปดึงตัวเธอไว้นันทนัชสะบัดมือหลุดพลางตะโกนขึ้นไปข้างบน

“น้าฤทัยลงมาเดี๋ยวนี้นะได้ยินมั้ย”

“ตะโกนทำไมคุณก่อกวนเค้าแต่เช้าเลย”กฤตพนธ์ตามมาดึงไว้อีก

“ก็อยากมากวนฉันก่อนทำไมลงมาเลยถ้าไม่ลงมาชั้นบุกถึงห้องแน่”

นันทนัชทำท่าจะเดินไปที่บันไดแต่ไม้เดินออกมาขวางทางบอกว่าฤทัยไม่อยู่แต่เธอไม่เชื่อทำท่าจะขึ้นไป

“คุณผู้หญิงพาคุณกิ๊ฟคุณรณไปประชุมที่โรงสีขึ้นไปก็ไม่เจอใครหรอกครับ”

เธอหยุดมองจ้องจับผิดไม้

“เป็นคนขับรถส่วนตัวของแม่เลี้ยงชั้นไม่ใช่เหรอเราแล้วทำไมไม่ไปขับรถให้เจ้านายทำไมยังอยู่นี่..หึไม่ตอบฉันตอบให้ก็ได้อยู่ล็อกประตูขังฉันไว้ในห้องไง”

“ผมเปล่า”

“โกหก”

“อะไรของคุณอีกล็อกประตูอะไร”

“อยากรู้ก็ตามฉันขึ้นมาดูให้เห็นกับตาซี่”

ว่าแล้วนันทนัชก็เดินนำไปที่ห้องของลิตรโดยกฤตพนธ์เดินตามไปอย่างงงๆ

“เค้าล็อกประตูขังฉันไว้ไม่ให้ออกมา”

นันทนัชพูดพลางเดินไปบิดลูกบิดประตูปรากฏว่าประตูเปิดง่ายดาย

“อืมจริงอย่างที่คุณพูดล็อกซะแน่นหนาเชียว”

กฤตพนธ์เดินหัวเสียออกไปนันทนัชจะอธิบายแต่เขาไม่สนใจลงบันไดไปอย่างรวดเร็วเธอยืนขัดใจหันไปเห็นสายตาของไม้กับเดือนที่ยืนมองมาด้วยสีหน้าเยาะๆขำๆกฤตพนธ์เดินมาขึ้นรถอย่างหัวเสียพลางบ่นกับตัวเองว่าไม่น่ามาที่นี่เลยก่อนจะเร่งเครื่องขับออกไปแล้วต้องเบรกเอี๊ยดหัวทิ่มเมื่อเห็นนันทนัชวิ่งมายืนขวางหน้ารถกฤตพนธ์ฉุนขาดกดกระจกลงโผล่หน้าออกมาโวย

“อะไรอีกเนี่ย!นี่คุณอยากตายหรือไง”

นันทนัชรีบวิ่งมาเปิดประตูขึ้นนั่งบนรถเธอบอกหน้าตาเฉยว่าขอติดรถไปด้วยเขาถามว่าไปไหน

“ก็คุณจะไปหาพวกแม่เลี้ยงฉันที่โรงสีไม่ใช่เหรอ”

“ผมบอกคุณเมื่อไหร่ว่าผมจะไป”

“อ้าว!ก็ที่คุณมาจะมาหาพวกเค้าไม่ใช่เหรอถ้าไม่ใช่แล้วคุณมาทำไม..เอ้..อย่าบอกนะว่าคุณมาหาฉัน”

กฤตพนธ์รีบกลบเกลื่อนแก้ตัวทันทีว่าจะมาหาเธอทำไม

“อ๋อคุณคงมาหายัยกิ๊บก็รีบๆไปสิไปช้าเดี๋ยวก็อกแตกตายหรอก”

“คุณนี่มันจริงๆเลยอยากไปโรงสีก็ให้ตำรวจไปส่งซี่”

“ชั้นไปกับคุณดีกว่าเดี๋ยวเค้าก็ตามชั้นไปเองแหละ...ไม่ได้มาหาชั้นแน่นะ”

นันทนัชยียวนต่อทำให้กฤตพนธ์ฉุนรีบใส่เกียร์เร่งเครื่องขับออกไปทันที

กฤตพนธ์ขับรถพานันทนัชมาถึงโรงสีฤทธานนท์พัฒนกิจนันทนัชขอบคุณกฤตพนธ์ที่มาส่งรีบลงจากรถเดินเข้าไปยังตัวตึกทันทีระหว่างนั้นกำลังมีการคัดเลือกผู้ที่จะมาเป็นผู้รักษาการตำแหน่งประธานบริหารแทนลิตรโดยมีสมุทรชัยและไกรฤทธิ์ในฐานะทนายความที่ดูแลทรัพย์สินให้ลิตรเชิญให้ทุกคนเสนอชื่อกนกกรยกมือต้องการเสนอชื่อแต่ถูกสมุทรชัยปฏิเสธเสียก่อนด้วยเธอไม่มีตำแหน่งอะไรในบริษัท

“กิ๊บรู้ค่ะแต่กิ๊บขอเสนอในฐานะที่เป็นลูกคนหนึ่งของคุณพ่อลิตรถึงจะไม่ใช่ลูกแท้ๆ…แต่กิ๊บก็รักคุณพ่อมากรักยิ่งกว่าพ่อแท้ๆซะอีก”กนกกรทำเป็นบีบน้ำตาให้น่าสงสาร

“ถ้าอย่างงั้นคุณกิ๊บจะเสนอใครครับ”

ไกรภัทรตัดบทถามขึ้นทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าต้องเสนอฤทัยจังหวะนั้นประตูห้องประชุมถูกผลักเข้ามาในสภาพที่นันทนัชกำลังถูกกฤตพนธ์และเลขาฯหน้าห้องยื้อยุดไม่ให้เธอเข้าไปทุกคนหันมองอย่างตกใจฤทัยสีหน้าโกรธสุดๆขณะที่กนกกรมองกฤตพนธ์อย่างหึงหวง

“คุณพายัยนี่มาทำไมคะคุณกฤต”



// //

Copyright (c) 2010 munjeed.com All rights reserved.