‘เอ๊าะ-บอย’ คนชอบเที่ยว มองธุรกิจทัวร์ทำเงินได้ - เปรียบมวย
 


‘เอ๊าะ-บอย’ คนชอบเที่ยว มองธุรกิจทัวร์ทำเงินได้ - เปรียบมวย


‘เอ๊าะ-บอย’ คนชอบเที่ยว มองธุรกิจทัวร์ทำเงินได้ - เปรียบมวย

ด้วยความที่ชอบท่องเที่ยว การหันมาจับธุรกิจทัวร์ เลยเป็นสิ่งที่ 2 นักแสดงหนุ่ม เอ๊าะ-กีรติ เทพธัญญ์ และ บอย-พิษณุ นิ่มสกุล เลือกที่จะทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ วันนี้ “เปรียบมวย” เลยมานั่งคุยกับ 2 หนุ่ม ถึงที่มาที่ไปในการทำธุรกิจด้านนี้ ไม่รู้ว่ามันจะหอมหวาน หรือมีอุปสรรคใด ๆ รออยู่บ้าง

เอ๊าะ คงคอนเซปต์ทัวร์ต้องสนุก ลูกค้าประทับใจ

จากเดิมที่เคยทำรายการท่องเที่ยว และคิดว่าจะสามารถต่อยอดออกมาทำเป็นธุรกิจได้ เอ๊าะ-กีรติ เลยจับมือกับเพื่อนมาเปิดบริษัททัวร์บริษัทแรก เรียนรู้ลองผิดลองถูกอยู่ถึง 6 ปี จากนั้นจึงขายหุ้นไป และมาร่วมหุ้นกับเพื่อนซี้ เสนาลิง-สมเกียรติ จันทร์พราหมณ์ และหุ้นส่วนอีกคน เปิดบริษัทใหม่เป็น “ลุกซ์ทราเวล แอนด์ เอเจนซี่” (www.luxetravelagent.com) ซึ่งมีเจตนาที่อยากจะทำให้ลูกค้าได้เดินทางด้วยความสนุก

ความแตกต่างของลุกซ์ทราเวล นั้นจะไม่รับทัวร์หน้าร้าน จะรับเป็นกรุ๊ปเหมาเท่านั้น ส่วนใหญ่จะเน้นไปที่เส้นทางยุโรปและญี่ปุ่น ซึ่งกลุ่มเป้าหมายของลูกค้าลุกซ์นั้น จะเป็นลูกค้าที่เคยเที่ยวมาแล้วบ่อยครั้ง จึงเป็นการบ้านหนักสำหรับเอ๊าะและทีมงาน ที่จะทำให้ลูกทัวร์รู้สึกว่า การเดินทางครั้งนี้เป็นเรื่องใหม่ ไม่น่าเบื่อ ซึ่งเป็นเรื่องยาก ต้องใส่ใจในทุกรายละเอียด และต้องใช้เวลาเตรียมงานนานต่อลูกค้า 1 กรุ๊ป

“คนเรามีโอกาสเดินทางได้ไม่เยอะหรอก ปีหนึ่งจะไปได้สักกี่ครั้ง ฉะนั้นถ้ามีโอกาสไปแล้ว มันต้องสนุก ต้องมีความสุข สถานที่เที่ยวในโลกใบนี้มันเท่าเดิม อยู่ที่ว่าเราจะให้มันเป็นอย่างไรมากกว่า การเดินทางนั้นต้องไปเพียงครั้งเดียวแล้วประทับใจ เขากล้าจ่ายเงินให้เรา เราต้องกล้าดูแลเขา”

ถึงแม้จะเป็นดาราแต่เอ๊าะบอกว่า ไม่มีผลอะไรต่อการทำธุรกิจเลย การเป็นดาราไม่ได้ช่วยอะไร สุดท้ายลูกค้าจ่ายเงินมา ก็ต้องได้ของที่อยากได้ เอ๊าะแสดงให้เห็นเลยว่า การทำธุรกิจนี้ไม่ได้ต้องการกำไรเยอะ แต่ต้องการมีเพื่อนเพิ่ม และต่อให้คิวงานเบื้องหน้าจะแน่นขนาดไหน แต่เอ๊าะจะวางโปรแกรมไว้เลยว่า ปีหนึ่งจะออกทัวร์ไปบริการลูกค้าด้วยตัวเอง 12 ทริป แต่ถึงแม้ตัวเอ๊าะจะไม่ได้ออกทัวร์เอง ความสนุกและการบริการต่าง ๆ ก็ไม่ได้ต่างจากที่เอ๊าะไปเอง เพราะทุกอย่างนั้นวางแผนมาอย่างดีแล้ว และแม้จะเกิดปัญหา ก็ต้องกล้าที่จะรับผิดชอบ แม้บางครั้งจะขาดทุนก็ต้องทำ ซึ่งเอ๊าะเล่าว่า เคยแม้กระทั่งต้องเช่าเครื่องบินส่วนตัวมารับลูกค้า ขาดทุนย่อยยับ แต่ต้องรับผิดชอบในความผิดพลาดที่เกิดขึ้น

ตอนนี้ลุกซ์ทราเวล เปิดมาประมาณ 2-3 ปีแล้ว แต่ด้วยสภาพเศรษฐกิจทุกวันนี้ เอ๊าะเองยอมรับว่า ผลประกอบการยังไม่ดีเท่าที่ควร ยังไม่คืนทุน หากจะเปิดบริษัททัวร์เพื่อหลอกลูกค้านั้นได้กำไรแน่ ๆ แต่ถ้าจะทำให้ยั่งยืน มันต้องมีหลายปัจจัยและใช้เวลา การเมือง ภูมิอากาศ สภาวะทองคำ ทุกอย่างมีผลต่อการเดินทางของลูกทัวร์ทั้งสิ้น สิ่งสำคัญต้องพูดความจริงกับลูกค้า ถึงจะสามารถแข่งขันกับบริษัททัวร์อีกกว่า 6,000 บริษัทได้  ซึ่งธุรกิจนี้ถึงแม้จะแข่งขันสูง แต่ก็ยังมีพื้นที่ว่างให้คนได้เข้ามาสัมผัส เอ๊าะเองก็ตั้งใจว่าการทำทัวร์จะเป็นงานหลักที่ใช้เลี้ยงชีพ ภายหลังที่พื้นที่ในวงการบันเทิงนั้นหมดลง

บอย ทำทัวร์แข่งกับตัวเอง เพื่อมอบสิ่งที่ดีให้ลูกค้า

จุดเริ่มต้นของการทำธุรกิจทัวร์ของ บอย-พิษณุ เกิดมาจากเป็นคนที่ชอบเดินทาง และเป็นความฝันตั้งแต่เด็กว่าอยากจะเดินทางไปต่างประเทศเพื่อเปิดโลกทัศน์ใหม่ ๆ พอวันหนึ่งโชคชะตาลิขิตให้มาเป็น นักล่าฝัน แห่งบ้านเอเอฟ ทำให้บอยได้มีโอกาสเดินทางมากขึ้น เลยอยากทำธุรกิจทัวร์ โดยที่ไม่ได้สนใจว่าจะมีคู่แข่งเยอะเพียงใด

ก่อนหน้านี้บอยเริ่มเปิดบริษัททัวร์ในนาม “เท็น ออกัส” มาเกือบ 3 ปี ก่อนจะหยุดทำไป ต่อมาก็ได้มีเพื่อนชวนมาร่วมหุ้นอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้หุ้นส่วนมีประสบการณ์มาก และเชี่ยวชาญเส้นทางยุโรป ทีมงานทุกอย่างพร้อม ประกอบกับบอยตั้งใจอยากจะต่อยอดทำในระยะยาว คราวนี้ใช้ชื่อว่า “ดีว่า วาเคชั่น” (Facebook/DIVAVACATION) เปิดตลาดทัวร์ยุโรป และอีกหลายประเทศทั่วโลก      

ในปีหนึ่ง ๆ บอยจะล็อกคิวไว้สำหรับออกทริปกับลูกทัวร์เอง 2-3 ครั้ง ชื่อของ บอย-พิษณุ นั้นก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นมากขึ้น  อย่างน้อยที่สุดบอยกล้าพูดว่า ’ทัวร์นี้ไม่มีโกง และไม่มีทำอะไรแย่ ๆ แน่นอน” เพราะบอยจะไม่เอาชื่อเสียงของตัวเองมาเสี่ยงกับความเห็นแก่ตัวของการทำทัวร์

จุดเด่นของ ดีว่า วาเคชั่น คือ ในทุก ๆ เดือนจะมีเซเล็บร่วมเดินทางไปด้วย แต่อาจจะไม่ใช่ทุกเส้นทาง อาทิ ต๊ะ-วริษฐ์ เจ-เจตริน และ ปิ่น-เก็จมณี โดยบอยจะอาศัยคอนเนคชั่นส่วนตัวดึงดาราดังมาเข้าร่วมทริปด้วย เพื่อให้ลูกทัวร์มีความรู้สึกว่าเหมือนได้เที่ยวกับเซเล็บ แต่ถึงจะไม่มีเซเล็บไปด้วย ทีมงานก็มีประสบการณ์และความรู้มากพอที่จะทำให้ลูกค้าประทับใจ การดูแลลูกทัวร์จะเป็นในลักษณะเหมือนดูแลคนในครอบครัว ลูกทัวร์อาจจะซื้อทัวร์หน้าร้าน ต่างคนต่างมา แต่พอถึงเวลาที่ไปเที่ยวด้วยกัน ก็จะหลอมให้ลูกทัวร์เป็นหนึ่งเดียวกัน

คู่แข่งในธุรกิจนี้มีเยอะมาก แต่สิ่งสำคัญต้องแข่งกับตัวเอง หากของดีจริง ไม่จำเป็นต้องดัมพ์ราคามาถูกเพื่อแข่งกัน เพราะของถูกและดี มันไม่มีในโลก สิ่งที่ทำให้บอยได้เรียนรู้คือ การแข่งขัน และภาวะการตลาด ส่วนปัจจัยเรื่องสังคม การเมือง เศรษฐกิจ มีผลกระทบทั้งสิ้น ถ้าเป็นเช่นนั้นการขายทัวร์หน้าร้านอาจลำบากหน่อย จึงต้องพยายามไปจับลูกค้ากรุ๊ปเหมาให้ได้

ปัญหาใหญ่ของการทำทัวร์นั้น บอยมุ่งไปที่ปัญหาของการจองตั๋วเครื่องบินเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ด้วยความที่บริษัทยังเล็ก อาจจะไม่สามารถไปกวาดตั๋วเครื่องบินมาอยู่ในมือได้ทีละมาก ๆ เหมือนกับที่เอเย่นต์ใหญ่ ๆ ทำกัน ส่วนปัญหาหน้างานนั้นเป็นเรื่องปกติที่ต้องเจอทุกทริปอยู่แล้ว เพราะความต้องการของคนเราไม่เหมือนกัน

“สภาพเศรษฐกิจตอนนี้ บริษัททัวร์ยังไม่อยู่ในภาวะที่ย่ำแย่นะ มันยังไปได้ เพียงแต่ว่าอาจจะไม่ลื่นปรี๊ด เป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป เรื่องของการท่องเที่ยวนั้น ไม่มีใครไม่ชอบเที่ยวหรอก ทุกคนชอบเที่ยวหมด เพียงแต่วิธีเที่ยวเป็นแบบไหน คนไทยมีฐานะพอที่จะเที่ยวรอบโลกได้นะ เพียงแต่ว่าอยู่ในจังหวะที่เขาจะเที่ยวได้หรือเปล่า”

การเดินทางคือการเปิดโลก หากมีโอกาสก็หาเวลาท่องเที่ยวให้หนำใจ เพื่อที่จะได้มีพลังในการคิดและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ เชื่อแน่ว่า การเดินทางยังมีอะไรให้ค้นหาอีกมาก อยู่ที่ว่าใครจะไขว่คว้าและได้ประโยชน์จากการเดินทางได้มากน้อยแค่ไหน.

มยุรี วนะสุขสถิตย์



// //

Copyright (c) 2010 munjeed.com All rights reserved.