เสน่หาสัญญาแค้น วันที่ 11 พฤษภาคม 2557
 


เสน่หาสัญญาแค้น วันที่ 11 พฤษภาคม 2557


เสน่หาสัญญาแค้น วันที่ 11 พฤษภาคม 2557

ปานตะวันอึ้ง ประกายเดือนดีใจมาก และอวดว่าจะติดใจเพราะพี่สาวทำกับข้าวอร่อยที่สุดในโลก นาคินทร์ยิ้มสีหน้าแปลกใจ ปานตะวันเบือนหน้าไม่อยากเห็นรอยยิ้มหล่อ ๆ นั้น “งั้นต้องประชันฝีมือกับผมซะหน่อยแล้ว” นาคินทร์บอก

ปานตะวันหันมาทำตาโต?? ประกายเดือนก็แปลกใจเพราะไม่รู้ว่าเจ้านายทำอาหารเป็น นาคินทร์เดินนำเข้าในครัวแล้ว ประกายเดือนรีบกระชากพี่สาวตามเข้าไป นาคินทร์เดินมายืนมองข้าวของเครื่องครัวบ้าน ๆ เก่า ๆ ไม่กี่ชิ้น แต่สะอาดและเป็นระเบียบ ประกายเดือนผลักปานตะวันเข้ามาชนโครมเข้าให้กับนาคินทร์ที่หันมามอง ปานตะวันเลยเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของนาคินทร์พอดิบพอดี

“เรื่องทำอาหารนี่เดือนไม่ได้เลยนะคะ ไม่มีเลยเสน่ห์ปลายจวัก!! อันนี้ต้องยกให้ตะวัน  ว่าแต่..ท่านประธานทำอาหารเป็นจริง ๆ เหรอคะ..ไม่น่าเชื่อ”

“คุณแม่ผมทำอาหารเก่งมาก เมื่อก่อนนี้เราต้องทานข้าวเย็นพร้อมหน้ากันทุกวัน จนกระทั่ง...” นาคินทร์หน้าวูบ นึกถึงกนก “จนกระทั่งผมแยกตัวออกมาอยู่คนเดียวน่ะครับ”

ประกายเดือนขอตัวไปอาบน้ำ ปล่อยให้ปานตะวันยืนอยู่กับนาคินทร์สองคน ในครัวแคบ ๆ ปานตะวันรู้สึกอึดอัด แต่นาคินทร์ดูชิลมาก “คุณตะวันอยากทานอะไร เดี๋ยวผมจะทำให้” นาคินทร์ชวนคุย แถมยังบอกประกายเดือนน่ารักดี ปานตะวันตวัดสายตาขวับ?? จะหัวงูใส่น้องฉันงี้? นาคินทร์ยิ้มขำ “ผมหมายถึงนิสัยคุณเดือนน่ะครับ...อย่าเข้าใจผิด ผมไม่ใช่ผู้ชายเจ้าชู้ ผมเป็นคนรักเดียวใจเดียว”

ปานตะวันอดรู้สึกแปลก ๆ ที่จู่ ๆ นาคินทร์ก็มาบอกแบบนี้ แถมส่งสายตาวิบวับ แอบมีหวั่นไหว นาคินทร์รู้สึกพอใจที่เห็นสายตานั้น นาคินทร์เริ่มถามว่าจะทำอะไรดี ปานตะวันไม่บอก นาคินทร์ดูวัตถุดิบว่ามีอะไรบ้างก่อนจะสรุป ทำผัดกะเพรา นาคินทร์เริ่มทำหมูสับผัดกะเพรา ครบทุกขั้นตอน ดูโปรมาก ๆ มีปานตะวันคอยช่วยหยิบนู่นนี่ พอเริ่มผัดก็มีเสียงจามตามมาด้วยเสียงด่าจากป้าข้างบ้านดังลอยมา นาคินทร์หน้าเหวอ ปานตะวันเผลอขำกิ๊ก นาคินทร์พลอยยิ้มหล่อขำไปด้วย ปานตะวันแอบลอบมองความน่ารักของนาคินทร์ นาคินทร์มองปานตะวัน ปานตะวันแก้เก้อ หยิบไข่ส่งให้ทำไข่ดาว นาคินทร์ต่อยไข่ทอดในกระทะฟู่...น่ากิน สายตาปานตะวันอ่อนโยนเป็นมิตรกับนาคินทร์มากขึ้น

  

สาวิตรี ทวยเทพ และนารถนรินทร์แปลกใจมาก เมื่อนัครินทร์มาบอกว่านาคินทร์มีนัดกินข้าวกับเลขาฯของเขา เพราะตั้งแต่กนกวลีเสียชีวิตไป นาคินทร์ก็ไม่เคยมองสาวที่ไหน ทำให้ทั้งสามคนอยากเห็นหน้าผู้หญิงที่นาคินทร์สนใจ ว่าหน้าตาเป็นอย่างไร

ประกายเดือน ปานตะวันและนาคินทร์ นั่งล้อมวงกินข้าวกับพื้น  ประกายเดือนตักผัดกะเพราเข้าปากก็ชมว่าอร่อยมาก พร้อมกับจ้วงตักไม่หยุด ปานตะวันส่ายหน้าแต่ก็แอบอมยิ้มไม่ได้ นาคินทร์ลอบมองและเริ่มถามเก็บข้อมูล และประกายเดือนเป็นฝ่ายเล่า โดยมีปานตะวันคอยหยิกไม่อยากให้น้องสาวเปิดเผยเรื่องครอบครัวมากนัก ทำให้นาคินทร์รู้ว่า พ่อกับแม่ของสองสาวเสียชีวิตตั้งแต่ทั้งคู่ยังเรียนมัธยม ปานตะวันเลยต้องเรียนไปทำงานไป เพื่อส่งเสียตัวเองและส่งเสียน้องสาวให้ได้เรียน 

“มันยิ่งทำให้ผมแน่ใจว่า คุณจะดูแลนารถนรินทร์น้องสาวผมได้ดีที่สุด” นาคินทร์สรุปเข้าเรื่อง โดยมีประกายเดือนเอออวยด้วย “เหอะ..นะ ๆ ๆ...ตะวัน รับปากท่านประธานเหอะนะ”

ปานตะวันมองหน้านาคินทร์ที่จ้องรออยู่ ก่อนจะยืนยันคำเดิมคือขอคิดดูก่อน ประกายเดือนเซ็ง นาคินทร์เก็บความรู้สึกไม่พอใจไว้ แต่ยิ้มออกมาอย่างใจดี บอกจะรอคำตอบ

นาคินทร์กลับไปแล้ว ปานตะวันบอกน้องสาวว่าต่อไปอย่าพาเจ้านายมาที่นี่อีก  รู้สึกเหมือนนาคินทร์มีอะไรในใจ เหมือนกำลังเล่นละครอยู่ แต่ประกายเดือนไม่เห็นด้วย 

“แล้วจะต้องยังไง? ชอบแบบ “ไม่มีดีเลยซักนิด”อย่างไอ้พี่อาร์ตนั่นใช่มั้ย?” ประกายเดือนหลุดปาก ปานตะวันเจ็บจี๊ด น้องสาวขอโทษ ปานตะวัน

บอกนาคินทร์ดูใจดีเกินไป ประกายเดือนว่าพี่สาวคิดมาก “เค้ากลับแอบคิดว่าท่านประธานปิ๊งตะวันซะด้วยซ้ำไป”

ปานตะวันนิ่ง อึ้ง แอบสับสนในสายตาของนาคินทร์เช่นกัน

  

มอลลี่ ลูกกอล์ฟ และจามจุรีรีบมาทำงานแต่เช้า เพราะอยากรู้เรื่องที่นาคินทร์พาเลขาฯคนใหม่ของนัครินทร์ไปกินข้าว  เพราะร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นสนใจสาว แถมยังไม่เคยพาปาริฉัตรไปกินข้าวเลยสักครั้ง ปาริฉัตรโกรธมาก เห็นรูปประกายเดือนในแฟ้มพนักงานจึงหยิบออกมาขยำ ๆ ๆ จนเละ

“ฉันเกลียดแก!! ทำไมแกต้องเข้ามาในชีวิตฉันด้วย...นังประกายเดือน!!!”

ประกายเดือนรีบหยิบผ้าขึ้นปิดหน้าอก เมื่อนัครินทร์มาเท้ามือที่โต๊ะ ส่งสายตางอน และสายตานั้นก็มาหยุดที่หน้าอกตนเอง รีบลุกพรวดเลย “มีอะไรให้รับใช้คะ?”

“เชิญในห้อง!!”ทำเสียงเข้ม พูดจบก็เดินไป ประกายเดือนทำหน้าเบ้ ด่าไล่หลังเบา ๆ “ไอ้ขี้เก๊ก!!!” คว้าอุปกรณ์จดโน้ตจะเดินตาม แต่ก็นึกขึ้นได้ รีบติดกระดุมเม็ดบนไล่ไปจนถึงคอ แล้วเชิดเดินหน้าเข้าห้องนัครินทร์ทันที

ประกายเดือนเคาะประตูและเปิดเข้ามา แต่ก็แปลกใจเมื่อไม่เห็นนัครินทร์นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน หันไปอีกมุมก็สะดุ้งเมื่อเห็นเจ้านายขี้หลีนอนจุ๊ยอยู่บนโซฟายาวในห้องยังกะนอนอยู่บ้าน และสั่งให้ปิดประตู ประกายเดือนบอกไม่ต้องปิดก็ได้ นัครินทร์เลยลุกไปปิดแถมล็อกอีกต่างหาก ประกายเดือนเลยตั้งท่าระวังตัว นัครินทร์สำรวจและเห็นเลขาฯ สาวติดกระดุมไปถึงคอก็ถามอย่างอารมณ์เสีย ประกายเดือนบอกไม่เกี่ยวกับนัครินทร์ 

“เกี่ยวสิ!! ผมก็อด..เอ๊ย!..คุณเป็นเลขาฯของผม ผมก็อดที่จะต้องเกี่ยวไม่ได้เพราะถ้าคุณแต่งตัวเชยเป็นป้า ผมก็จะขายหน้าไปด้วย”

นัครินทร์เค้นถามเรื่องที่ไปกินข้าวกับนาคินทร์เป็นชุด ใส่เป็นฉาก ๆ เพราะอยากรู้มาก ประกายเดือนบอกต้องได้รับการอนุญาตจากนาคินทร์ก่อนถึงจะบอกได้ นัครินทร์ไม่พอใจที่ถูกขัดใจ ประกายเดือนส่ายหน้า เซ็ง ๆ กับนิสัยเด็กของนัครินทร์ ขอตัวจะกลับไปทำงาน นัครินทร์โพล่งบอกว่าประกายเดือนไม่ใช่สเปกของนาคินทร์ เพราะนาคินทร์ชอบผู้หญิงเรียบ ๆ ไม่หวือหวา และที่สำคัญนาคินทร์ไม่กินไก่วัดแน่นอน

ประกายเดือนพยักหน้าหงึก ๆ “ไม่เหมือนท่านรองฯ” นัครินทร์เหวอเลย “ขอบคุณค่ะที่บอกให้ทราบ ดิฉันเองก็พอจะมองออกว่าท่านประธานเป็นผู้ชายแบบไหนถึงได้ยอมออกไปไหนมาไหนด้วย แต่ถ้ากับ ‘ท่านอื่น’ คงต้องคิดหนักหน่อย”

พูดจบก็สะบัดบ็อบออกไปเลย นัครินทร์ขัดใจมาก ฮึดฮัดโดดลงนอนโซฟาอย่างอารมณ์เสียยังกะเด็กสปอยล์ “อย่านึก!! อย่านึกว่าจะรอด!! ฮึ่ม!!”

  

ปานตะวันครุ่นคิดหนักกับข้อเสนอของนาคินทร์ เพราะงานที่ทำอยู่ทั้งหนัก เงินน้อย แถมยังต้องเจอกับคนป่วยขี้หลี บางทีเมียคนป่วยก็เรื่องเยอะ ขี้หึง มาทีถึงขั้นส่งคนมาสั่งสอนก็มี ดีที่ปานตะวันเอาตัวรอดมาได้ 



// //

Copyright (c) 2010 munjeed.com All rights reserved.