The Amazing Spiderman 2 อยากเป็นฮีโร่ ต้องลงทุน
 


The Amazing Spiderman 2 อยากเป็นฮีโร่ ต้องลงทุน


 The Amazing Spiderman 2 อยากเป็นฮีโร่ ต้องลงทุน
รับชมข่าว VDO -->

คอลัมน์หนังช่างคิด                                     OLDBOY บางคูวัด 

The Amazing Spiderman 2
อยากเป็นฮีโร่ ต้องลงทุน

     พยายามหาเหตุผลมาอธิบายความรู้สึกส่วนตัว หลังได้ชมภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์อย่าง  The Amazing Spiderman 2 : ดิ อะเมซิ่ง สไปเดอร์แมน 2 ผงาดจอมอสุรกายสายฟ้า แล้ว...ผิดหวัง
     คล้ายๆ กับที่ไม่กี่วันมานี้ ก็ผิดหวังเล็กๆ หลังจากได้ชม The road map (ของ สไปดี้ มาร์ค...) หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งกางข้อเสนอเพื่อเป็นทางออกสำหรับประเทศไทย(กรุงเทพฯ?)
     หรือเป็นเพราะเรามักคาดหวังกับ "ซูเปอร์ฮีโร่" มากเกินไปจนมองข้ามความเป็น ปุถุชน ที่ย่อมมีอารมณ์ ความรู้สึก มีความรัก ชอบ และความเป็นตัวตนซึ่งอาจไม่ได้ตอบโจทย์ที่เราคาดหวัง
     ด้านหนึ่งเราเห็น ปีเตอร์ พาร์คเกอร์ ดูมีชีวิตชีวา มีเสน่ห์ แต่เมื่อสวมชุดสไปเดอร์แมนแล้ว เขากลายเป็นแค่นักแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่มากับมุกตลกๆ เท่านั้น 
     เช่นเดียวกับที่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีภาพลักษณ์ที่ชวนให้เชื่อมั่น มีความรู้ มีทักษะในการพูดที่ยอดเยี่ยม แต่กลับถูกมองอีกแบบหนึ่งในความพยายามที่จะเสนอตัวเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้ง
     จุดร่วมที่เหมือนกันก็คือ เมื่อเลือกบทบาทที่จะเป็น "ซูเปอร์ฮีโร่" สิ่งที่ตามมาก็คือ การต้องคิด ต้องแคร์ปัญหาคนโน้นคนนั้น เยอะแยะไปหมด
     กระนั้นก็ยังเลี่ยงไม่พ้นคำวิจารณ์จากคนที่ไม่สบอารมณ์ ไปจนกระทั่งเมื่อ ทุ่มเท เสียสละ และต้องสูญเสียอะไรบางอย่างไปแล้ว ก็ยังตอบตัวเองไม่ได้ว่า นั่นคือวิถีทางที่ใช่สำหรับตัวเองหรือเปล่า
     "You wanted to be the hero. And now you gotta pay the price!"
     นั่นเป็นคำกล่าวในภาพยนตร์ The Amazing Spiderman 2 จากปากของ Max Dillon คนเล็กๆ ในสังคมที่ถูกเมินก่อนจะกลายมาเป็นวายร้าย Electro ในที่สุด
     กลับเข้ามาที่เรื่องราวของ สไปดี้ : ปีเตอร์ พาร์คเกอร์ ผู้กำกับภาพยนตร์รายเดิม มาร์ก เว็บบ์ Marc Webb พยายามถ่ายทอดประเด็นดังกล่าว การค้นพบตัวตนของไอ้แมงมุม กับความสูญเสียที่ต้องแลก ต้องลงทุนเพื่อที่จะเป็นฮีโร่สำหรับคนเมืองนิวยอร์คนั้น
     ถึงที่สุดแล้วมันคุ้มกันไหม!!
     อย่างไรก็ตาม ด้วยความ "เยอะ" ของประเด็น ตลอดจน โครงเรื่องหลัก โครงเรื่องย่อย ที่ต้องการนำเสนอมันเสียทุกเรื่อง Spiderman ภาคนี้จึงสูญเสียความ Amazing ไปมากเมื่อเทียบกับความสดใหม่ และวิธีคิดในการเล่าเรื่องอย่างแตกต่างที่ มาร์ก เว็บบ์ เคยทำได้อย่างกลมกล่อมในภาคแรก
     ความพยายามที่จะสะสางปมที่ ปีเตอร์ พาร์คเกอร์ สงสัยเกี่ยวกับพ่อของเขาก็ดี ความสัมพันธ์ของเขากับ "ป้าเมย์" ก็ดี แม้กระทั่งท่าที มิตรภาพของ ปีเตอร์ พาร์คเกอร์ กับ แฮรี่ ออสบอร์น นั้น ถูกนำเสนอได้น่าสนใจและดูมีมิติดีในเบื้องต้น
     เช่นเดียวกันกับเคมีระหว่าง พระเอก-นางเอก ปีเตอร์พาร์คเกอร์(รับบทโดย แอนดรูว์ กราฟิลด์) กับ เกว็น สเตซี(รับบทโดย เอ็มมา สโตน) ที่ดูจะไปด้วยกันได้อย่างสุข เศร้า ซาบซึ้ง
      น่าเสียดายที่ทั้งหมดนั้น ถูกจัดเรียงอย่างกระจัดกระจาย และไม่มีประเด็นไหนก้าวไปถึงจุดพีกได้เลย
     ผมยังรู้สึกไปเองว่า เมื่อปรับบทให้เปลี่ยนมาอยู่ในโทน ดราม่า ซีเรียส ดูไม่ค่อยเข้าทาง แอนดรูว์ กราฟิลด์ เอาเสียเลย
     อีกจุดหนึ่ง ดูเหมือนผู้กำกับฯ มาร์ก เว็บบ์ จะเสียสมาธิไปกับงานอลังการด้านแอ็คชั่น ความพยายามปั้นบทบาทของผู้ร้ายแต่ละตัวให้มีบทบาท ความสำคัญไม่น้อยหน้ากัน ผลลัพธ์คือได้ยำใหญ่ที่ใส่ไม่ยั้ง ทั้ง Electro / Max Dillon, Green Goblin / Harry Osborn ไปจนถึง แรดเหล็ก!!!
     กล่าวโดยสรุปได้ว่า The Amazing Spiderman 2 ทุ่มทุนเยอะ จัดเต็มทุกๆ ด้าน แต่กลับตอบโจทย์ความคาดหวังของผมได้น้อยกว่าที่คิด
     แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าแย่ หรือถึงขั้นน่าผิดหวัง
     ความสนุกสนานบันเทิงในสไตล์ของหนังบล็อกบัสเตอร์ ฟอร์มยักษ์ในระดับล็อกโปรแกรมซัมเมอร์ ก็ยังมีให้เพลิดเพลินกันตามอัตภาพ
     งานด้านภาพและความมันในการโจนทะยานไปตามตึก สู้ศึกกับเหล่าร้ายถล่มเมือง ยังมีให้เสพเต็มสูบ
     เพียงแค่ไม่ "อะเมซิ่ง" เท่ากับการพบกันครั้งแรกเท่านั้นเอง!!



// //

Copyright (c) 2010 munjeed.com All rights reserved.