ชีวิตคนเราไม่ว่าจะสุข เศร้า เหงา และ ทุกข์ ยังไง สิ่งหนึ่งที่เป็นที่พึ่งได้ก็คือการ ดูดวง บางคนดูเพื่ออยากจะรู้อนาคต แต่บางคนมีทุกข์ก็ดูดวงเพื่อหาทางแก้ไข ซึ่งเป็นเรื่องของความเชื่อส่วนบุคคล หมอดูกับวงการบันเทิงก็มักเป็นของคู่กัน เพราะหมอดูก็มักจะชอบทำนายทายทักดวงดารา ดาราเองก็ชอบที่จะดูดวงทำนายโชคชะตา ซึ่งปัจจุบันคนบันเทิงที่มีความสามารถในการดูดวงนั้นก็มีอยู่ไม่น้อย อย่าง 2 ดาราดัง ซันนี่ ยูโฟร์ และ เปิ้ล-ไอริณ ศรีแกล้ว ก็ผันตัวมาเป็นแม่หมอคอยทำนายทายทักดวง แล้วอะไรล่ะ? ที่ทำให้พวกเขาหันมาสนใจในศาสตร์นี้
ซันนี่ ถึงเป็นกะเทย ก็ดูดวงด้วยหัวใจ
อดีตนักร้องคนดัง ซันนี่ ยูโฟร์ ที่ปัจจุบันหันมารับงานพิธีกร ดีเจ และงานแสดงมากมาย ก็พ่วงอาชีพหมอดูเข้าไปด้วย ก่อนหน้านี้การดูดวงยังไม่ได้มีการออกสื่อมากนัก แต่พอมีข่าวหลุดเข้าถึงหูสื่อมวลชนว่าซันนี่ดูดวงได้ ก็เลยเป็นที่รู้กันในวงกว้าง โดยซันนี่บอกเล่าถึงจุดเริ่มต้นในการเป็นหมอดูว่า ตั้งแต่เด็กเป็นคนที่มีเซ้นส์ เห็นในสิ่งที่คนอื่นไม่เห็น เวลาพูดทักอะไรไป มักจะโดนหาว่าบ้า เลยเริ่มสงสัยว่าสิ่งที่ตัวเองรู้แล้วเอามาบอกนั่นมันคืออะไร คิดว่าต้องเป็นตรรกะ ต้องคิดเป็นวิทยาศาสตร์ไว้ก่อน จึงไปซื้อหนังสือมาอ่าน แล้วก็ไปขอเรียนวิชาจากหมอดูดัง ๆ ก็ไม่มีใครสอน เพราะมีคนบอกว่า สามารถดูเองได้จะมาเรียนทำไม แต่ก็มีการไปเรียนวิชาทิพยญาณ เพิ่มความรู้ให้ตัวเองด้วย ซึ่งซันนี่เชื่อว่าที่ต้องเป็นหมอดูเพราะเบื้องบนลิขิต
ในการปฏิบัติตนเพื่อการเป็นหมอดูนั้น ซันนี่ต้องยึดถือตนอยู่ในศีลธรรม ถ้าอยู่บ้านจะถือศีล 8 ไหว้พระ นั่งสมาธิสวดมนต์เป็นประจำ ที่สำคัญไม่ทานเนื้อสัตว์ และหากหนีการเป็นหมอดูเมื่อไหร่ มักจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับตัวเอง
ด้วยความที่เป็นคนดังที่มีภาพลักษณ์เป็นคนตลกโปกฮา แต่ซันนี่บอกว่า ’ไม่เคยห่วงภาพตัวเองเลย จะดูดวงเอาแม่น หรือจะให้ฉันดูดี แต่ดวงดูไม่แม่นเลือกเอา ฉันเป็นกะเทยแรง ๆ คนหนึ่งที่ใช้หัวใจดูดวง“
ระดับราคาการดูดวงของซันนี่ มีราคาอยู่ที่ 3 ระดับคือ 999 บาท หรือไม่ตํ่ากว่า 199 บาท คือสามารถเลือกจ่ายได้ตามกำลัง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องห้ามโกหก เพราะมีเซ้นส์สามารถรู้ได้ ถ้าคนไม่มีจริง ๆ ซันนี่ก็จะดูให้ฟรีเลย แต่ต้องไปทำบุญและกรวดนํ้าให้เจ้ากรรมนายเวรด้วย และเงินที่ได้จากการดูดวงต้องแบ่ง 3 ส่วน คือ ให้บุพการี ทำบุญ ที่เหลือถึงจะเก็บไว้เอง คนดูดวงก็มี 3 ประเภท คือ 1. เดือดร้อนจริง ๆ 2. ยังไม่เดือดร้อนอะไรแต่วิตกจริต และ 3. พวกลองของ ซึ่งประเภทหลังนี่ก็มักจะโดนตอกกลับได้
ระดับความแม่นนั้นขึ้นอยู่กับตัวเอง ถ้าบอกไปแล้วทำให้คนดูดวงวิตก รับเรื่องจริงที่บอกไม่ได้ ก็จะต้องมานั่งคิดว่าจะทำยังไงดี จะบอกเขาอย่างไรดี ซันนี่เลยต้องค่อย ๆ ปรับประสบการณ์ตัวเองด้วยการ ต้องมีวาทศิลป์ในการบอก
ซันนี่บอกถึงการดูดวงนำพาชีวิตได้อย่างไรว่า “เวลาไปดูดวง คุณกำลังมีจีพีเอส เป็นเหมือนแผนที่ อย่างคุณจะเดินทางไปเชียงใหม่ มันเดินทางได้เป็น 10 เส้นทาง แต่บางคนงมงาย มองแต่ทางหลวงหลักอย่างเดียว ดวงก็เหมือนกัน อย่ามาคิดแต่ว่า จะเกิดอุบัติเหตุ บางทีมันแค่นิ้วชนโต๊ะแล้วเจ็บก็เป็นอุบัติเหตุแล้ว ไม่ต้องถึงขนาดตกบันได”
การดูดวงคนรู้จักและคนไม่รู้จัก นั้นก็แตกต่างกัน “คนรู้จักเหมือนเราเดาเรื่องเขาได้ แต่ดวงคนรู้จักจะยากตรงที่จะหาเรื่องมาพูดกับเขายังไง เพราะยิ่งรู้จักยิ่งกระทบกระเทือนมาก มันยากตรงนี้ แต่ส่วนใหญ่คนที่รู้จักกันจริง ๆ เรามักจะบอกกล่าวกันอยู่เนิ่น ๆ อยู่แล้ว และเขาจะรู้สึกว่ามีเราอยู่ข้าง ๆ จะคอยถามตลอด ส่วนคนที่ไม่รู้จักมันดีกว่า ยิ่งโทรศัพท์มาด้วยยิ่งดี เพราะเราไม่เห็นสภาพของเขาตอนนั้น ไม่ต้องปรุงแต่ง มันทำให้จิตสะอาดที่สุด ไม่ต้องไปรับรู้อะไร ก็พูดไปตามสิ่งที่เป็น”
เปิ้ล-ไอริณ ภาพลักษณ์ไม่กระทบการดูหมอ
ภาพลักษณ์ภายนอกที่ดูเป็นสาวเซ็กซี่ ตรง และ แรง แต่น้อยคนที่จะรู้ว่า เปิ้ล-ไอริณ ศรีแกล้ว ก็เป็นแม่หมอตัวยงคนหนึ่ง โดยจุดเริ่มต้นเริ่มมาจากการได้ไปเล่นละครเรื่อง “ทางหลวงทางรัก” กับ ปู โลกเบี้ยว หมอดูคนดังของวงการบันเทิง แล้วมีการดูดวงกันเล่น ๆ ในกองถ่าย พี่ปูทักว่า มีดวงหมอดู ที่สามารถช่วยคนได้ ซึ่งตอนนั้นเจ้าตัวไม่ได้อยากเป็นหมอดู แต่ก็ได้เรียนรู้การดูหมอส่วนหนึ่งจาก ปู โลกเบี้ยว ที่เปิ้ลถือเป็นอาจารย์คนแรกในการดูดวง จากนั้นก็เริ่มดูดารานักแสดงที่เล่นละครด้วยกัน จนหลายคนเอ่ยปากบอกว่า “สิ่งที่พูดมา เป็นจริงหมดเลย” นั่นคือการการันตีความแม่น
คนต่อมาที่ยืนยันความสามารถในการดู ดวงของเปิ้ลอีกคนก็คือ หมอลักษณ์ เรขานิเทศ ที่ทักว่าเปิ้ลมีดวงหมอดู และมีโอกาสดังต่างแดน ซึ่งตอนแรกเปิ้ลคิดว่าเป็นเรื่องโกอินเตอร์ ตามวิถีของดารา แต่กลับกลายเป็นการโกอินเตอร์ในเรื่องการดูดวง จากนั้นเปิ้ลจึงหันมาศึกษาเรื่องการดูดวงอย่างจริงจัง นอกจากนี้ยังมีการเรียนวิชาพรหมยันต์เพิ่มเติมด้วย การดูดวงของเปิ้ลจึงถนัดอยู่ 3 อย่างคือ การดูด้วยวันเดือนปีเกิด ดูไพ่ยิปซี และ ไพ่พรหมยันต์
สำหรับข้อควรปฏิบัติของการดูดวงนั้น คือ ผู้ดูต้องเป็นคนมีศีล ไม่เอาตัวเข้าไปอยู่ที่อโคจร หากพูดโกหกปากก็จะไม่ศักดิ์สิทธิ์ จะทายไม่แม่น ที่สำคัญต้องไม่ติดในลาภสักการะ ไม่ต้องหวังว่าไปดูเพื่อจะ ได้ตังค์
พอมีโอกาสไปเรียนต่อที่อังกฤษ และได้มีโอกาสดูดวงให้เจ้าของร้านอาหารไทยที่ลอนดอน ผลปรากฏว่า แม่น จนมีคนบอกปากต่อปาก วันหนึ่ง ๆ มีคนเข้ามาดูดวงประมาณ 4-5 คน ชีวิตนักเรียนไทยในต่างแดนของเปิ้ลเลยไม่ได้ทำแค่งานเสิร์ฟอาหาร และรีเซฟชั่น แต่พ่วงงานหมอดูเข้าไปด้วย
ลูกค้าที่ดูดวงที่อังกฤษส่วนใหญ่ก็เป็นคนไทย เพราะคนไทยในต่างแดนนั้น บางทีมีทุกข์ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร โดยเฉพาะนักเรียนไทยส่วนใหญ่มักจะชอบมีปัญหาสับสนตัวเอง หาอาชีพไม่เจอ ไม่รู้ว่าจะเรียนต่อดีหรือกลับไทยดี หมอดูก็ได้มีส่วนช่วยแนะนำ ส่วนในเมืองไทยเปิ้ลไม่ได้รับดูเป็นอาชีพ แต่จะดูให้เฉพาะคนสนิทเท่านั้น การดู ดวงของเปิ้ลนั้นไม่ได้คิดเป็นอัตราที่แน่นอน ก็แล้วแต่ลูกค้า ดูครั้ง แรก ๆ ได้เงินมากถึง 50 ปอนด์ แต่ถ้าเป็นนักเรียนไทยที่ขัดสนจริง ๆ ก็ดูกันให้ฟรี ๆ เลยก็มี
ด้วยภาพที่เป็นสาวเซ็กซี่ แรง ๆ นั้นไม่ได้ส่งผลต่อความน่าเชื่อถือในการดูดวง เพราะการดูดวงส่วนใหญ่เป็นการไปดูในต่างประเทศ คนส่วนใหญ่ก็จะมีความคิดเปิด ไม่สนใจในเรื่องของภาพลักษณ์เท่าไหร่ คนดูดวงสนใจในดวงของเขามากกว่า และการพูดจาของหมอดูนั้นก็ต้องเป็นหลักการ เวลาแต่งตัวก็มิดชิด ไม่ได้เซ็กซี่แต่อย่างใด
จำนวนคนที่ดูได้เต็มที่ต่อวันนั้น เปิ้ลบอกว่า สามารถรับได้เต็มที่แค่ 5 คน แต่ที่ผ่านมาก็เคยมีดูมากกว่านั้น เพราะเป็นการดูดวงในงานการกุศล อย่างงานกาชาด เคยดูได้มากสุดถึง 20 คน หากดูมากไปกว่านี้หมอดูก็คงไม่ไหว เพราะการดูหมอแต่ละครั้งต้องใช้พลัง
การดูหมอนี้เปิ้ลบอกว่า ’ไม่ขอยึดเป็นอาชีพดีกว่า การที่ไปช่วยคน เหมือนเราไปยกกรรมใคร แขนเราต้องแข็งแรงด้วย เราต้องใช้บุญเราส่วนหนึ่ง เพราะฉะนั้นเปิ้ลเองคงจะเข้าช่วยเหลือคนเยอะมากขนาดนั้นได้ เพราะเราไม่ได้มีบุญญาบารมีขนาดนั้น แต่ถ้าใครที่เดือดร้อนจริง ๆ ก็จะช่วย“
ถึงจะเป็นหมอดู แต่เปิ้ลก็ไม่สนับสนุนให้ดูดวงเท่าไหร่ เพราะดวงเป็นเหมือนแผนที่ คนเดินเป็นตัวเราเอง เลยอยากให้ยึดมั่นในตัวเราเองมากกว่า ถ้าดูดวงออกมาแล้วบอกว่าจะต้องรวย แต่ไม่ขยันทำงาน มันก็ไม่รวย
หมอดู อาจแนะแนวทางชีวิตได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต การเชื่อมั่นในตัวเองนั้น ย่อมดีที่สุด คงไม่มีใครรู้อะไรดีไปกว่าตัวเราเอง ถึงอดีตจะเป็นเช่นไร อนาคตไม่รู้จะไปทางไหน สิ่งที่สำคัญ คือ ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด.
นกยูง รำแพน