อย่าลืมฉัน วันที่ 19 เมษายน 2557
 


อย่าลืมฉัน วันที่ 19 เมษายน 2557


อย่าลืมฉัน วันที่ 19 เมษายน 2557

 “ถ้าคุณไม่เคยคิดก็ไม่เห็นต้องถอดแหวนทิ้งไว้แบบนี้ ...งั้นผมขอให้ใส่มันต่อไปแต่ถ้าคุณไม่ใส่ ผมจะคิดว่าคุณต้องการเรียกร้องความสนใจจากผม” สุริยงเชิดหน้าไม่สนใจ เขมชาติวัดใจ “ผมจะวางมันไว้ตรงนี้ .. ตัดสินใจเอาเองว่าคุณจะใส่หรือไม่ใส่” เขมชาติพูดจบก็หันหลังเดินไปที่ประตู...พอเปิดประตูออกมา ก็เจอ “เอื้อ” ยืนอยู่ ต่างคนต่างอึ้ง เอื้อมองสภาพเขมชาติที่ยังมีคราบน้ำนมเลอะเทอะ .. ด้านหลังสุริยงเดินมาในชุดเสื้อคลุม..สุริยงก็อึ้ง 

“คุณทำอะไรหนูเล็ก ?” เอื้อท่าทางเอาเรื่อง

“เค้าต่างหากที่เป็นคนทำผม..ผมแค่เข้ามาสั่งงาน เค้าเดินยังไงก็ไม่รู้ ล้มทำนมหกใส่ผมเลอะเทอะไปหมด งานที่ผมสั่ง..ทำให้เรียบร้อยด้วย..อย่าลืม” เขมชาติทำเป็นหันไปสั่ง 

เอื้อมองหน้าสุริยง ไม่เชื่อสุด ๆ สุริยงหลบตา เขมชาติทำเข้ม แล้วก็หันหลังเดินออกไป ส่วนสุริยงเดินเลี่ยงไปอาบน้ำ เอื้อสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ จึงเดินตามไปคุยกับเขมชาติ โดยบอกเรื่องที่พจน์เรียกเขาไปถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขมชาติและสุริยง เขมชาติเหมือนไม่แคร์เพราะเขารู้เรื่องแล้วจากเกนหลง แต่เอื้อบอกว่า สิ่งที่เขาบอกกับพจน์เป็นเรื่องโกหก เพราะเขาต้องการปกป้องสุริยงและเกนหลง แต่ถ้าครั้งหน้าพจน์เรียกเขาไปอีก เขาจะบอกความจริง เขมชาติเจ็บใจมาก และเมื่อสุริยงกลับกรุงเทพฯไปกับเอื้อแล้ว เขมชาติเข้าไปในห้องพักสุริยง พบว่าแหวนดอกไม้ยังวางอยู่ที่เดิม ยิ่งทำให้เจ็บใจ

  

เอื้อพาสุริยงและเด็ก ๆ มาส่งที่บ้าน และตัดสินใจถามเรื่องที่เกิดขึ้นที่ทะเล เพราะเขาไม่เชื่อสิ่งที่เขมชาติบอก สุริยงสะอึก จะตอบอย่างไรดี 

“บอกได้ค่ะ แต่มันไม่มีประโยชน์ที่จะต้องบอก .. เพราะมันเป็นเรื่องไร้สาระ เค้าก็แค่ไม่ชอบให้คนขัดใจ ก็เลยแผลงฤทธิ์..ก็เท่านั้น” สุริยงพูดเลี่ยง ๆ แต่เอื้อยังคาใจถามว่าเขมชาติลวนลามหรือเปล่า สุริยงจุก แล้วก็ฝืนหัวเราะออกมา “ฮึ ๆ ๆ ผู้อำนวยการเค้าไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอกค่ะ .. เค้าคงไม่กล้าเสี่ยง เพราะอีกไม่นานก็จะแต่งงานกับคุณเกนหลงแล้ว”

“แต่งงาน?” เอื้อแปลกใจมาก

“ค่ะ .. คุณเกนหลงบอกหนูเล็กเมื่อเช้านี้เองค่ะ..เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงเรื่องผู้อำนวยการนะคะ เราสองคน..ก็แค่เจ้านาย กับเลขา ที่ไม่ลงรอยกัน มีถกเถียง ใส่อารมณ์กันบ้างก็แค่นั้น” สุริยงตอบเบี่ยงประเด็นไปได้อย่างสวยงาม และแนบเนียน เอื้อฟังแล้วก็คิดตาม..คลายความกังวลเรื่องเขมชาติลง ยิ่งสุริยงบอกว่าจะ

ลาออกจากบริษัทเขมชาติ ก็ทำให้เอื้อสบายใจขึ้น

  

เขมชาติมาส่งเกนหลงที่บ้านและถือโอกาสคุยกับพจน์ เรื่องเขาและเกนหลง เขมชาติบอกได้คุยกับเกนหลงแล้ว แต่เกนหลงยังไม่ตอบตกลงแต่งงาน พจน์มองลูกสาวที่ยิ้มอย่างมีความสุขและบอกว่าหากตกลงกันได้เมื่อไหร่ก็มาคุยกันอีกที เขมชาติยิ้มดีใจ มองหน้าเกนหลงแล้วก็ยิ้มให้กันอย่างมีความสุข แต่พจน์กลับห่วงลูกสาวมาก 

เอื้อสั่งให้ทนายธีรศักดิ์กลับเมืองไทยด่วน เพื่อมาทำเรื่องมรดกให้กับไก่กับไข่ สร้างความไม่พอใจให้กับอัมพิกาและอรทัยเป็นอย่างมาก บอกว่าธีรศักดิ์เป็นคนของตนเอง เอื้อไม่มีสิทธิมาล้ำเล้น เอื้อว่าเขาไม่ต้องขอความยินยอมจากใครทั้งนั้น เพราะเป็นความต้องการของเจ้าสัวชวลิตที่เสียชีวิตไป และพรุ่งนี้ทนายธีรศักดิ์จะกลับมา และเขาจะทำเรื่องโอนหุ้นให้ไก่กับไข่โดยเร็วที่สุด เอื้อพูดจบก็เดินออกไปอย่างไม่แคร์ อัมพิกาและอรทัย ขัดใจมาก

  

เขมชาติได้รับรายงานว่าลูกค้าที่สวิสต้องการจะปรับปรุงโรงแรมในเครือ 4 แห่ง โดยจะขอให้เขมชาติเป็นที่ปรึกษาและจะใช้ผ้าของบริษัทเขมชาติทั้งหมด ขณะเดียวกันบริษัทที่เป็นตัวแทนจำหน่ายผ้าที่อิตาลีก็ต้องการให้เขมชาติไปดูสถานที่เรื่องเปิดร้านใหม่ ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกัน ทำให้สมคิดและวิบูลย์กังวลเพราะเขมชาติจะต้องไปทั้งสองที่

“คุณเขมอยากให้ผมสร้างทีมไปแทนมั้ยครับ ? แบบว่า คุณเขมไปประเทศนึง แล้วให้อีกทีมไปปูทาง รับข้อมูล ไว้อีกประเทศนึง .. ให้วิบูลย์ไปก็ได้”

“เย้ย..ไม่ได้ครับ ผมต้องดูแลทีมงานจีนที่มาเยี่ยมชมโรงงาน ช่วงนั้น!”

เขมชาตินั่งเซ็ง ๆ สองคนเถียงกันไปมา เพราะสมคิดก็ไม่เก่งภาษา วิบูลย์นึกขึ้นได้ว่าสุริยงพูดได้หลายภาษา แถมรู้เรื่องทั้งหมด สุริยงจึงเหมาะกับงานนี้มาก เขมชาติปิ๊งไอเดียเลย บอกให้สุริยงเป็นตัวแทนไปสวิส ส่วนเขาจะไปอิตาลี

สมคิดและวิบูลย์มาเกลี้ยกล่อมสุริยง เพราะไปไม่กี่วัน และก็เป็นงานที่สุริยงรู้เรื่องอยู่แล้ว สุริยงยังหวั่น ๆ ใจ เพราะเขมชาติบอกจะตามไปสมทบที่สวิส เนื่องจากไม่อยากเผชิญหน้าสองต่อสอง แต่พอเขมชาติบอกว่าจะไปกับเกนหลง เมื่อเขาไปถึงสวิสแล้วก็ให้สุริยงกลับได้เลย และยังทนเสียงรบเร้าของสมคิดและวิบูลย์ไม่ไหว สุริยงเลยตัดสินใจไป

  

อัมพิกามาขอร้องให้เกนหลงพาไก่กับไข่ไปเข้าแคมป์ ช่วงที่สุริยงไม่อยู่ เพราะต้องการใกล้ชิดกับสองแฝด แต่เด็กแฝดคงไม่สนิทกับตนเองจึงชวนเกนหลงซึ่งเป็นคนกลางไปด้วย โดยอ้างว่าอยากให้ครอบครัวอบอุ่น มีความรู้สึกดี ๆ ต่อกัน และเพื่อให้สองแฝดเปิดรับพี่สาวอย่างอัมพิกาและอรทัยด้วย เกนหลงตัดสินใจเป็นกาวใจให้อัมพิกาและสองแฝด ทำให้เมื่อเขมชาติมาชวนเกนหลงไปอิตาลี ด้วยกัน เกนหลงจึงต้องปฏิเสธ เพราะเป็นวันเดียวกันเป๊ะ

“คุณเกน...ไปยกเลิกทางโน้นไม่ได้เหรอครับ ?” เขมชาติตีหน้าเศร้า

“ไม่ได้ค่ะ เกนรับปากแล้ว คุณอัมก็จองแคมป์ไว้แล้วด้วย ..ที่สำคัญเกนเองก็อยากช่วยไก่ กับ ไข่ ถ้าสองคนนั้นเข้ากับคุณอัมกับคุณอรได้...ก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดี”

เขมชาติจับมือเกนหลง มองด้วยความชื่นชม ... เผลอพูดความจริงออกมา “คุณเป็นคนจิตใจดีจริง ๆ .. ผมกะอยู่แล้วว่าคุณต้องรับปากช่วย”

“...พูดยังกับรู้ล่วงหน้าว่าคุณอัมจะมาชวนเกน” เกนหลงพูดไม่จริงจังนัก แต่ทำเขมชาติชะงัก รีบกลบเกลื่อน “คุณต้องรับปากว่าพอคุณเคลียร์เรื่องเด็กไก่ ไข่ เรียบร้อยแล้ว.. คุณจะตามไปเจอกับผมที่สวิสนะครับ ..”

เกนหลงพยักหน้ายิ้ม ๆ มองหน้าเขมชาติที่ยิ้มแย้มแจ่มใสจนผิดปกติ แล้วก็คิดว่าคงจะดีใจที่จะได้ไปเที่ยวด้วยกัน ไม่ทันเฉลียวใจใด ๆ เขมชาติยิ้มเหมือนดีใจ...แต่ในแววตาแฝงความพอใจไว้อยู่ในที

“จะว่าไป เกนยังแปลกใจอยู่เลยนะคะ ทำไมคุณอัมพิกาไว้ใจเกน ทั้ง ๆ ที่เราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น อยากรู้จริง ๆ เค้าไปเอาความคิดนี้มาจากไหน?” เกนหลงสงสัย อยากรู้ 

เขมชาติสะอึก..นิ่ง..ไม่พูด ไม่หือ ไม่อือ...ตีหน้านิ่ง ๆ เนียน ๆ แต่รู้ความจริงอยู่ในใจ เพราะก่อนหน้านี้เขาวางแผนโดยไปบอกอัมพิกาให้ไปชวนเกนหลงพา

สองแฝดไปเข้าค่ายเอง

เอื้อมารับสุริยงไปส่งสนามบิน ขณะเดียวกันก็โทรฯ เช็กเกนหลงเรื่องเขมชาติ และรู้ว่าเขมชาติต้องไปอิตาลี ไม่ได้ไปสวิสกับสุริยง ก็วางใจในระดับหนึ่ง แม้จะรู้ว่าเกนหลงไม่ได้ไปด้วยก็ตาม แต่เกนหลงก็จะตามไปสมทบทีหลัง ด้านเขมชาติอยู่ในชุดพร้อมเดินทางอย่างเท่....มองตัวเองและยิ้มร้าย...พึงพอใจกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้!!

  

ตอนที่ 15

อรทัยโวยวายใส่พี่สาวที่อัมพิกาจะให้ตนเองเข้าแคมป์กับไก่ ไข่ และเกนหลง อัมพิกา บอกจะเป็นทางที่ทำให้สองแฝดไว้ใจ ต่อไปจะให้ทำอะไรเด็กก็จะยอม อรทัยบอกไปก็ได้แต่ขอชวนวานิต้าไปด้วย วานิต้า หวังจะไปเพื่อเป่าหูเกนหลงให้เลิกกับเขมชาติ

อาทิตย์และนภาไม่อยากให้สองแฝดไปนัก เพราะสุริยงก็ไม่อยู่ แต่เกนหลงมาขอและรับปากจะดูแล ขณะที่อัมพิกา และอรทัยก็เฟคพูดดีทำดีใส่บอกอยากจะใกล้ชิดไก่กับไข่ อาทิตย์และนภาเลยยอมให้หลานไปเข้าแคมป์ 

ที่ซูริก ประเทศสวิส สุริยงมาที่บริษัทหนึ่งเพื่อเตรียมตัวประชุมตามที่ได้รับมอบหมายมา มาถึงก็มีคนเข้ามาทักทาย สุริยงยื่นมือทัก แอลซ่าแนะนำตัวว่าเป็นเลขาของแพทริค ลูกค้าของเขมชาติ 

“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ดิฉันมาประชุม ..” สุริยงพูดยังไม่ทันจบ แอลซ่าก็พูดแทรก “อ้อ...การประชุมใกล้จะเรียบร้อยแล้ว “เจ้านาย” ของคุณให้คุณรออยู่ตรงนี้”

สุริยงแปลกใจ “เจ้านาย” แอลซ่ามองไปที่ทางเดินจากห้องประชุม สุริยงมองตามเห็น “เขมชาติ” ยืนจับมือร่ำลากับมิสเตอร์สมิธ สุริยงยืนอึ้ง ชาวาบ .. ความโกรธพุ่ง เลือดสูบฉีดหน้าอย่างแรง เขมชาติยิ้มร่าหันหน้ามาเห็นสุริยงยืนอยู่..สองคนประสานสายตากัน ตาสุริยงดุ โกรธ เขมชาติชะงัก!! อึดใจต่อมาสุริยงก็หันหลังขวับและรีบเดินออกไปทันที! แอลซ่ามองงง เขมชาติหน้าเหวอ พอได้สติรีบพุ่งตามไป 

เขมชาติวิ่งมาหน้าบริษัท “วดี !!!!” สุริยงเดินหน้าหงิกมา ไม่สนใจ เขมชาติวิ่งตามห่าง ๆ สุริยงเดินเลี้ยวเข้ามา อารมณ์ยังเดือดเหมือนเดิม เขมชาติวิ่งตามมาอย่างเร็ว และปาดหน้าไว้ “วดี!! หยุดก่อน! คุยกันก่อน! ฟังผมก่อนนะวดี!”

สุริยงหน้าดุจริงจัง เขมชาติตัดสินใจบอกตามตรง เข้าประเด็นเลย “ผมยอมรับ .. ผมโกหกคุณ ผมวางแผนทุกอย่างเพื่อจะได้อยู่กับคุณสองต่อสอง แต่ที่ผมทำ เพราะผมทนไม่ได้ที่จะต้องโดนคุณทิ้งเป็นครั้งที่สอง!!”

สุริยงชะงักกึก .. เขมชาติจี้โดนใจดำ ปมรู้สึกผิดของสุริยง..เขมชาติพูดด้วยความเจ็บปวดว่าสุริยงคงไม่รู้ว่าตลอดเวลาที่จากกัน เขาจมกับความเสียใจและโกรธมากมาย เขาจึงทำไม่ดีกับสุริยงเพื่อให้หายแค้น และถ้าสุริยงจากเขาไปแบบเดิมอีก เขาจะต้องอยู่กับความเกลียดชังอย่างไม่มีที่สิ้นสุด สุริยงถามว่าจะให้ทำอย่างไร เพราะตนเองและเขมชาติไม่มีวันกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว

“ผมก็ไม่ได้อยากกลับไปเป็นเหมือนเดิม ผมขอแค่อย่างเดียว....” สวนเลย แต่สีหน้าอ้อนวอน “... ขอให้เราจากกันด้วยดี ...ผมขอแค่สามวันที่เราอยู่ที่นี่ ทำให้มันเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด เป็นการบอกลาที่เราจะไม่ติดค้างอะไรกันอีก คุณอาจจะคิดว่ามันไม่สำคัญ .. อยากจะไปจากใครสักคน ก็แค่เขียนข้อความทิ้งไว้ แล้วก็หายตัวไป แต่สำหรับผม มันไม่ง่ายอย่างนั้น ทุกครั้งที่ผมคิดถึงคุณ..มันคือความเจ็บปวด และมันก็ยิ่งเจ็บ...ตรงที่ผมหยุดคิดถึงคุณไม่ได้” เขมชาติน้ำตาร่วง สุริยงสะเทือนใจ เจ็บ เช่นกัน เขมชาติพูดต่อ “ผมอยู่กับคำถามมากมาย อยู่กับความไม่เข้าใจ ผมไม่รู้ว่า ผมทำอะไรผิด”

“คุณไม่ได้ทำผิด!!” สุริยงโพล่งขึ้น เขมชาติมองหน้าสุริยง..แววตาตอนนี้อ่อนลง .. ความหวั่นไหวที่ซ่อนไว้ แอบเผยออกมา .. เขมชาติรอฟัง “ไม่มีใครผิด .. เพียงแต่วันนั้น ฉันต้องเลือกทำสิ่งที่ถูกต้องที่สุด!!!”

เขมชาติมองสุริยง..เห็นบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในแววตาที่อ่อนลง เขมชาติรวบเข้าเรื่อง “ผมไม่รู้ว่าความถูกต้องของคุณคืออะไร แต่ผลของมันคือ ความทรงจำอันเลวร้าย แต่ในเมื่อเรากลับไปแก้อดีตไม่ได้ ผมขอใช้เวลาที่มีอยู่ไม่มากสร้างความทรงจำใหม่ที่ดี .. ก่อนที่เราจะแยกจากกันไปตามทางของตัวเอง” เขมชาติล้วงกระเป๋า หยิบแหวนดอกไม้ออกมา “ถ้าคุณเห็นด้วย ขอให้สวมแหวน .. และเราจะใช้เวลาที่เหลืออยู่เพื่อจากลากันด้วยความทรงจำที่ดี”

เขมชาติวางแหวนไว้ที่ขอบกำแพง ลุ้น ๆ สุริยงมองแหวนแปลกใจนิด ๆ เพราะตัวเองวางทิ้งไว้ในห้อง .. และมองหน้าเขมชาติ...ครุ่นคิดอย่างหนัก สุดท้ายสุริยงก็เอื้อมมือไปหยิบแหวนมาสวม! เงยหน้าขึ้นมองเขมชาติ “ฉันจะให้อภัยการโกหกครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย .. ครบสามวันขอให้เรื่องระหว่างเราจบลงตามที่พูดจริง ๆ !!”

เขมชาติแววตาดีใจสุด ๆ ดีใจมาก ๆ “ผมสัญญา...ผมจะทำตามที่พูดไว้ ขอบคุณมาก...ขอบคุณที่ไว้ใจผม” เขมชาติพุ่งเข้ามากอดสุริยงไว้อย่างแน่น..สุริยงตกใจนิด ๆ ยกมือขึ้นจะดันออกแต่ก็ยั้งไว้..เอาน่า..ไหน ๆ ก็จะสร้างความทรงจำใหม่ที่สวยงามแล้ว ก็ทำให้เต็มที่แล้วกัน สุริยงไม่กอดให้เขมชาติกอดไว้ หน้าเขมชาติจากซาบซึ้งใจเป็นจิกร้าย!!

  

สุริยงเดินหน้าเครียด ๆ หน้าตาไม่มีอารมณ์ร่วมกับวิวทิวทัศน์ภายในเมืองซูริกเลย เขมชาติเลยแอบถ่ายรูปและเอาให้สุริยงดู “คุณคิดว่า พอผมหันมาเห็นหน้าคุณแล้วผมจะมีความสุขมั้ย? เวลาที่ผมนึกย้อนกลับมาถึงเวลานี้ หน้าคุณก็เป็นแบบนี้ตลอดเวลาแล้ว..มันจะเป็นความทรงจำที่ดีมั้ย ?” พูดขำ ๆ แซว ๆ 

“แล้วจะให้ฉันทำหน้ายังไง ?” สุริยงเห็นจริงแต่ก็ยังมีฟอร์ม

“ก็ทำหน้าให้มีความสุข จริง ๆ ในใจอาจจะไม่สุขก็ได้ แต่ช่วยปั้นหน้าให้หน่อยแล้วกันนะ ผมจะได้สบายใจ เอางี้....ลองคิดถึงตอนที่มีความสุข..แต่ต้องเป็นตอนที่อยู่กับผมนะ โอเค...ตอนที่กลับมาเจอกันอีกทีอาจจะไม่ค่อยมีเท่าไหร่ ... ก็คิดย้อนกลับไปตอนที่ “เป็นแฟน” กันก็ได้.. คิดถึงตอนที่.... “เดินเป็ด” ไง”

สุริยงนึกถึงตอนตนเองและเขมชาติไปออกค่ายที่โรงเรียนต่างจังหวัด และสุริยงสอนสันทนาการเด็กโดยการเดินเป็ด ทั้งแบะขา บีบปากทำท่าเหมือนเป็ด เขมชาติบอกอยากให้สุริยงทำท่าเป็ดอีกครั้ง สุริยงอายมากไม่ยอมทำ เขมชาติเลยเริ่มทำก่อน และคะยั้นคะยอจนสุริยงเริ่มผ่อนคลายและเริ่มทำบ้าง ทั้งคู่เริ่มเดินเป็ดท่ามกลางผู้คนที่เดินผ่านไปมาและมองยิ้ม ๆ เขมชาติหัวเราะ สุริยงหัวเราะบ้าง

แชะ !!!! เสียงกดชัตเตอร์ดังขึ้น สุริยงชะงักหันไปตามเสียง เห็นเขมชาติใช้มือถือถ่ายรูปสุริยงแล้วก็ยิ้ม ... “นี่ไง..หน้าตอนคุณมีความสุข..ทำหน้าแบบนี้บ่อย ๆ นะครับ ผมจะได้มีความสุขเวลาที่กลับมาคิดถึงช่วงเวลานี้ของเรา” สุริยงจะแย่งมือถือ แต่แล้วก็ปล่อยมือเขมชาติ แต่เขมชาติไม่ยอม เปลี่ยนมาเป็นคนจับแทนและดึงให้เดินไปด้วยกัน

  

รถตู้พาคณะมาที่แคมป์แอดเวนเจอร์ในต่างจังหวัด แม้สภาพแคมป์จะดูโลว์ ๆ ในสายตาของอัมพิกา อรทัย และวานิต้า โดยเฉพาะที่นอนที่ต้องนอนรวมกัน แต่ทั้งสามก็ต้องทนเพื่อแผน

เกนหลงบอกให้อรทัยออกไปขี่รถและพายเรือกับไก่และไข่ อัมพิกาและอรทัยทำท่าไม่อยากไป แต่เกนหลงบอกว่าหากจะใกล้ชิดกับสองแฝดก็ต้องทำ พอสองสาวพี่น้องทำกิจกรรมร่วมกันสองแฝด ไก่และไข่ก็แกล้งสองสาว ฉีดน้ำใส่บ้าง วิ่งหนี หกล้มหกลุกบ้าง อัมพิกากับอรทัยแทบกรี๊ดดดด

เกนหลงยืนมองแล้วก็ยิ้มด้วยความพอใจ เห็นไก่ ไข่ ยอมรับ อัมพิกาและอรทัยได้อย่างรวดเร็ว “เกนหลง...ฉันเชื่อแล้วว่าเธอเป็นคนแสนดีจริง ๆ ดูสิ..วันหยุดแท้ ๆ ยังมีแก่ใจพาลูกของ “กิ๊กแฟนตัวเอง” มาทำกิจกรรมเสริมสร้างความสามัคคีในครอบครัว” วานิต้าเริ่มแผนสุมไฟเกนหลง

“กิ๊กของแฟน ... หมายความว่ายังไง?” เกนหลงชะงักกึก!! วานิต้ายิ้มสะใจ เกนหลงกำลังจะอ้าปากพูดต่อ อัมพิกาก็เรียกวานิต้าให้ไปเล่นกับสองแฝดแทนตนเอง วานิต้าเดินไป เกนหลงเลยได้แต่ค้างคาใจ

เอื้อที่บ้านสุริยงจึงรู้เรื่องที่อัมพิกาและอรทัยมาพาไก่กับไข่ไปเข้าแคมป์ เพราะแม้เกนหลงก็ไม่ได้บอกเขา เอื้อรู้สึกทะแม่ง ๆ ไม่เชื่อว่าพี่สาวและน้องสาวจะมาทำดีกับสองแฝดโดยไม่มีแผนร้ายอะไร 

  



// //

Copyright (c) 2010 munjeed.com All rights reserved.