สงกรานต์เงินสะพัด...ตะลึงคนไทยแห่กู้เงิน2.2หมื่นล้านเที่ยว
 


สงกรานต์เงินสะพัด...ตะลึงคนไทยแห่กู้เงิน2.2หมื่นล้านเที่ยว


สงกรานต์เงินสะพัด...ตะลึงคนไทยแห่กู้เงิน2.2หมื่นล้านเที่ยว

วันที่ 8 เม.ย.นายวชิร คูณทวีเทพ ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจมหาวิทยาลัย หอการค้าไทย เปิดเผยว่า ศูนย์ฯได้ประเมินการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลสงกรานต์ไทยปีนี้ไว้ 116,813 ล้านบาทเพิ่มจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 2.36% ซึ่งเป็นการขยายตัวต่ำสุดในรอบ 4 ปี เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัว และประชาชนไม่กล้าจับจ่ายเงินซื้อสินค้ามากนัก แต่ทั้งนี้สถานการณ์การใช้จ่ายที่น่ากังวลมาก คือเงินที่ได้ในการใช้จ่าย 20.1% หรือ 22,000 ล้านบาทเป็นการกู้ยืมมาใช้จ่ายในการท่องเที่ยว และการเดินทางกลับบ้านในช่วงเทศกาล

“ผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจากปัญหาทางการเมือง และสถานการณ์ค่าครองชีพที่อยู่ในระดับสูงทำให้รายได้ของประชาชนจำนวนมากไม่เพียงพอต่อรายจ่าย ส่งผลให้เกิดการกู้เงินมากขึ้น เพิ่มขึ้นจากปีก่อนเท่าตัว โดยปี 56 มีการกู้เงินในช่วงเทศกาลเกือบ 10,000 ล้านบาท แต่ปีนี้เพิ่มเป็น 22,000 ล้านบาท”

สำหรับกิจกรรมที่นิยมทำในวันสงกรานต์เช่น ซื้อของ ทำบุญ ท่องเที่ยว ไปเล่นน้ำสงกรานต์ งานสังสรรค์จัดเลี้ยง ทำอาหารทานที่บ้าน กลับบ้านที่ต่างจังหวัด พักผ่อนอยุ่บ้านเฉย ๆ และไปเที่ยวเพื่อความบันเทิง เป็นต้น ส่วนของฝากที่ใข้ในการอวยพรพบว่า เงินสดยังมากที่สุดรองลงมาเป็น เครื่องดื่มบำรุง ผลไม้ สินค้าโอทอป หัตถกรรมไทย ของรับประทาน ดอกไม้สินค้าคงทน และ สินค้าฟุ่มเฟื่อย เป็นต้น

ส่วนผู้ที่วางแผนการใข้จ่ายในช่วงเทศกาลสงกรานต์พบว่าจะมีค่าเฉลี่ยที่ 49,172 บาท เป็นการเที่ยวใน 94.1% เที่ยวต่างประเทศ 5.9%โดยนิยมไปประเทศฮ่องกงมากที่สุด รองลงมาคือ ลาว เกาหลี พม่า ยุโรป จีนญี่ปุ่น ไต้หวัน สิงคโปร์ มาเลเซีย ส่วนการท่องเที่ยวในประเทศส่วนใหญ่จะไปทะลมากสุด รองลงมาเป็น ภูเขา น้ำตก ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์เพื่อสุขภาพหรือสปา

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ที่มาของเงินที่ใช้ในเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ มาจากเงินออม 36.8% รองลงมาเป็นเงินเดือน และรายได้ปกติ 28.9% , เงินกู้ 20.1% , โบนัส และรายได้พิเศษ 14.1% และอื่น ๆ 0.1% ดังนั้นสิ่งที่น่าเป็นห่วงคือสัญญาณการกู้เงินเพื่อท่องเที่ยวส่งกรานต์เริ่มมากขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แต่ปีนี้เริ่มสูงขึ้น ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่มีรายได้ไม่ถึง 15,000 บาทต่อเดือนแสดงให้เห็นว่าในช่วงเศรษฐกิจดีการกู้เงินเพื่อท่องเที่ยวจะน้อยกว่าช่วงเศรษฐกิจไม่ดี

“เงินสะพัดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 116,813 ล้านบาท ซึ่งเป็นการขยายตัวต่ำสุดในรอบ 4 ปี มาจากเศรษฐกิจไม่ดีรวมถึงปัญหาทางการเมืองที่คนไม่มีจิตใจในการซื้อสินค้าและ ภาคการบริโภคชะลอตัวลงเบื้องต้นแม้วงเงินจะขยายตัว จากเชื่อว่าจำนวนสินค้าน่าจะเท่าเดิมจากปีก่อน หรือไม่ก็น้อยลงแต่ที่มูลค่าสูงเพราะสินค้าจะแพงกว่าปีก่อน”สำหรับดารานักแสดงที่ประชาชนต้องการไปเล่นน้ำมากที่สุดสำหรับฝ่ายชายคือ เจมส์จิ และฝ่ายหญิงเป็น ญาญ่า ,ดารานักร้องฝ่ายชายเป็นบี้เดอะสตาร์ ฝ่ายหญิงเป็น ใบเตย อาร์สยาม, ดาราพิธีกรฝ่ายชายคือ ปัญญา นิรันดร์กุล ฝ่ายหญิงเป็น ส้ม เถิดเทิง และนักการเมืองที่ประชาชนต้องการรดน้ำดำหัวมากที่สุด คือ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รองลงมาเป็น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ, นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ นายชวน หลีกภัยเป็นต้น"

ส่วนพรที่ประชาชนคนไทยต้องการให้กับประเทศไทยมากที่สุดคือขอให้พระเจ้าอยู่หัวฯ และพระราชินีทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง และทรงมีพระชนมายุยิ่งยืนนาน,ให้คนไทยรักสามัคคี และขอให้เศรษฐกิจดี

ส่วนข้อสอบถามเกี่ยวกับทัศนะต่อสถานการณ์ทางการเมืองปัจจุบัน จะส่งผลต่อการจับจ่ายใช้สอยมากน้อยเพียงใดพบว่า ช่วงเทศกาลสงกรานต์นั้นจะมีผลกระทบต่อการใช้จ่ายมากที่สุด 16.6% กระทบมาก 26.6%, กระทบปานกลาง 33.6% และกระทบน้อย 10.9% เป็นต้นนอกจากนี้ยังพบว่าประชาชนยังมีความระมัดระวังการใช้จ่ายมากถึง 47.7% ระมัดระวังปานกลาง 35.2%, กระทบน้อย 14.1% และไม่กระทบเลย 3%

“ศูนย์ฯต้องติดตามสถานการณ์การใช้จ่ายและหนี้สินของประชาชนอย่างใกล้ชิดเนื่องจากขณะนี้ประชาชนระมัดระวังในการใชจ่ายอย่างยิ่งเนื่องจากกังวลสถานการณ์ทางการเมือง ว่าจะรุนแรงขึ้นหลังช่วงเทศกาลสงกรานต์อย่างไรก็ตามต่อจากนี้คงต้องดูว่าการเมืองจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจภาพรวมอย่างไรจากปัจจุบันที่ได้ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัว 2-3%”.



// //

Copyright (c) 2010 munjeed.com All rights reserved.