แหล่งข่าวจากบริษัท ซันยอง (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ผู้บริหารซันยองจากเกาหลีได้เดินทางมาหารือกับบริษัท เพื่อวางแผนการตลาดสำหรับซันยองในประเทศไทย โดยแจ้งให้ทราบว่าตั้งแต่ปี 2016 เป็นต้นไป ซันยองพยายามจะเปิดตัวรถรุ่นใหม่ให้ได้ปีละ 1 รุ่นเป็นอย่างน้อย และกำลังเคลียร์ปัญหาต่างๆ เพื่อหาทางเข้ามาลงทุนในอาเซียน อาจจะเป็นประเทศอินโดนีเซีย หรือมาเลเซีย เพื่อขยายฐานลูกค้าในภูมิภาคนี้ และเพื่อส่งรถยนต์เข้ามาขายในประเทศไทย ทำให้ราคาถูกลงเพราะมีข้อตกลงความร่วมมือเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซี จากเดิมต้องนำเข้ามาจากเกาหลี แต่คาดว่าน่าจะเป็นประเทศอินโดนีเซียมากกว่าเพราะมีฐานการผลิตรถอเนกประสงค์ประเภทเดียวกับซันยองอยู่มาก

แหล่งข่าวกล่าวว่า ในปีนี้ซันยองจะเปิดตัวรถอเนกประสงค์รุ่นโคแรนโดใหม่ เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ประมาณเดือนมีนาคมและรุ่นเร็กซ์ตัน เครื่องยนต์ 2.0 ลิตรเช่นกันประมาณเดือนเมษายนนี้ ส่วนที่เหลือจะเป็นรุ่นไมเนอร์เชนจ์ประมาณช่วงปลายปี

"เราคงไม่ลงทุนอะไรในช่วงนี้ เพราะคาดเดาสถานการณ์การเมืองยาก จึงต้องชะลอแผนการทำกิจกรรมอื่นไปก่อน" แหล่งข่าวกล่าว

ด้านนายวิรัตน์ ผลประดับ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซันยอง (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สำหรับแผนธุรกิจจัดจำหน่ายรถยนต์ ซันยอง สำหรับปี 2557 ของบริษัท จะเน้นให้ความดูแลอย่างใกล้ชิดต่อลูกค้าเก่า เน้นบริการหลังการขาย ล่าสุดได้ช่างฝีมือคุณภาพดีจากค่ายรถยนต์แบรนด์อื่นๆ เข้ามาเสริมทัพ นอกจากนี้ ได้ปรับปรุงศูนย์บริการที่ถนนพระรามเก้า ด้วยเงินลงทุนเกือบ 10 ล้านบาท เพิ่มช่องซ่อมอีกราว 10 ช่อง รองรับปริมาณรถได้อีกกว่าเท่าตัว โดยเสร็จภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้

นายวิรัตน์กล่าวว่า สำหรับปี 2557 คาดว่าตลาดรถยนต์น่าจะหดตัวเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ด้วยเหตุผลทั้งภาพรวมเศรษฐกิจ ปัญหาพืชผลการเกษตร และปัญหาความขัดแย้งทางด้านการเมือง มีผลกระทบกับอารมณ์ของผู้บริโภคอย่างแน่นอน แต่ซันยองเองนั้นยอดขายรถปีนี้คาดว่าจะได้ถึง 1,100 คัน หรืออาจจะมีบวกเพิ่ม เพราะกลุ่มลูกค้าเราจะเป็นกลุ่มครอบครัวเป็นหลัก ผลกระทบอาจจะไม่เหมือนกลุ่มอื่นๆ ในปี 2557 นี้ จะเน้นการเปิดตัวต่อสาธารณชนให้มากขึ้น ด้วยการออกโรดโชว์ในพื้นที่ต่างๆ รวมถึงงานแสดงรถยนต์ใหญ่ระดับประเทศ 5-6 งานตลอดทั้งปี พร้อมทั้งจัดเตรียมแผนการส่งเสริมการขายเพื่อเพิ่มทางเลือก และความสะดวกให้แก่ลูกค้า

.............

(ที่มา:มติชนรายวัน 5 กุมภาพันธ์ 2557)

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟซบุ๊กกับมติชนออนไลน์
www.facebook.com/MatichonOnline