นายรังสิมันต์ โมกขะสมิต ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาและออกแบบผลิตภัณฑ์ บริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้การบินไทยกำลังเร่งปรับปรุงห้องโดยสารภายในใหม่ให้เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง และมีความสะดวกสบายแก่ผู้โดยสารยิ่งขึ้น เพื่อใช้เป็นจุดขายแข่งขันกับสายการบินอื่น เช่น การปรับปรุงบริการชั้นธุรกิจ จะเป็นที่นั่งแบบใหม่ที่มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น นอนราบได้ 180 องศา เบาะกว้างขึ้น มีภาพยนตร์มากกว่า 100 เรื่อง สารคดี ซีดีเพลง และเกมส์ต่างๆเป็นจำนวนมาก ส่วนชั้นประหยัด ก็ทำให้สะดวกสบายมากขึ้นเช่นเดียวกัน ซึ่งคาดว่าหลังปรับปรุงการบินไทยจะขึ้นเป็นยอดเยี่ยมอันดับ 3 ของเอเชีย ภายใน 3 ปี

ทั้งนี้แผนตกแต่งภายในจะมีทั้งหมด 24 ลำ ให้เสร็จภายในปี 59 โดยเครื่องบินลำแรกที่ได้ตกแต่ง เป็นต้นแบบเสร็จแล้ว คือ โบอิ้ง 777-300อีอาร์ ซึ่งมีที่นั่งรวม 348 ที่นั่ง จำนวน 1 ลำ  จากทั้งหมด 6 ลำ ที่จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ ที่เหลือยังมีแอบัส เอ 350-600 จำนวน 12 ลำ และแอบัส เอ 340-600 ซึ่งเป็นเครื่องบินเก่าอีก 6 ลำ  

"การปรับปรุงเครื่องบินแต่ละลำจะใช้เวลาประมาณ 2 ปี โดยลำนี้ใช้เป็นต้นแบบของทุกลำที่จะมีการปรับปรุง เพื่อให้การดำเนินงานง่ายมากขึ้น แต่อาจจะมีการปรับเปลี่ยนบ้างในบางจุด เมื่อการปรับปรุงแล้วเสร็จทั้งหมด ผลิตภัณฑ์ของการบินไทยจะไม่แพ้สิงคโปร์แน่นอน สำหรับกลุ่มเป้าหมายจะเป็นลูกค้าคนรุ่นใหม่ และนักธุรกิจที่ต้องการความสะดวกสบาย ขณะเดียวกันยังอยู่ระหว่างศึกษารายละเอียดการนำเบาะลมที่สามารถปรับความอ่อนหรือแข็งได้ตามที่ต้องการมาให้บริการผู้โดยสาร เพื่อสร้างความพึงพอใจให้มากขึ้นด้วย โดยปัจจุบันพบว่ามีอยู่ 2 สายการบินที่ให้บริการอยู่ คือ สายการบินลุฟท์ฮันซ่า ของเยอรมนี และสายการบินซิลค์แอร์ ของสิงคโปร์”

นายดนุช บุนนาค รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายผลิตภัณฑ์และบริการลูกค้า การบินไทย กล่าวว่า ในปี 56 สถาบันจัดอันดับสายการบินสกายแทรกซ์ ได้จัดลำดับให้การบินไทยอยู่อันดับ 15 ของโลก แต่เมื่อมีการปรับปรุงผลิตภัณฑ์แล้วก็มั่นใจว่าการบินไทยจะแข่งขันกับสายการบินได้ง่ายขึ้น และทำตลาดได้ดีขึ้นแน่นอน โดยตั้งเป้าหมายลูกค้าเข้าใช้บริการชั้นธุรกิจ และชั้นหนึ่ง จะเพิ่มขึ้นอีก 7-8% จากปัจจุบันที่มีอัตราบรรทุกผู้โดยสารในชั้นดังกล่าวเฉลี่ย 70%

 “ที่ผ่านมาผลิตภัณฑ์ของการบินไทยแข่งขันกับสายการบินอื่นได้ยาก เนื่องจากสายการบินอื่นมีการปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องโดยสารดีกว่า แต่เมื่อมีการปรับปรุงใหม่แล้วก็เชื่อว่าจะสามารถเพิ่มจำนวนผู้โดยสารเข้าใช้บริการได้ง่ายขึ้น”