MERCEDES BENZ E200 COUPE AMG DYNAMIC (ตอนที่ 2)
 


MERCEDES BENZ E200 COUPE AMG DYNAMIC (ตอนที่ 2)


MERCEDES BENZ E200 COUPE AMG DYNAMIC (ตอนที่ 2)

ทดสอบขับขี่ยนตรกรรมตราดาวบนเรือนร่างสปอร์ตคูเป้สองประตู ตอนที่สอง กับการควบ Mercedes Benz E200-Coupe AMG Dynamic สุดหล่อขวัญใจไฮโซ...

E200 Coupe AMG Dynamic W212 Facelift 2014 คือรถสปอร์ตรุ่นใหม่ที่เมื่อก่อนเรารู้จักกันดีในชื่อ CLK กลยุทธ์ทางการตลาดในการกำหนดชื่อรุ่นของ Mercedes Benz เพื่อการปรับโมเดลแยกย่อยของรถยนต์ในตระกูล E-Class มันคือรถสองประตูที่กำลังเดินตามรอยความสำเร็จของรุ่นพี่ซึ่งเคยสร้างชื่อเสียงเอาไว้ในอดีต การเป็นรถสปอร์ต 2 ประตู 4 ที่นั่ง และถูกทำขึ้นใหม่ทั้งหมดเพื่อคงสายพันธ์ุในไลน์ผลิตเอาไว้อย่างเหนียวแน่น พื้นฐานที่ดีของ W212 ถูกปรับแก้ให้ดียิ่งขึ้นในรุ่น Facelift 2014 ความโดดเด่นที่มีดีมีด้อยกันไปคนละด้านกับ Series-4 ซึ่งสดใหม่กว่า หรือแม้แต่รถที่มีเทคโนโลยีและงานประกอบเริด อย่าง Audi A5 ทำให้ E-Coupe รุ่นล่าสุดเป็นศัตรูตัวฉกาจกับแบรนด์ร่วมชาติพันธ์ุเยอรมัน ทั้ง Audi และ BMW ชนิดไม่มีใครยอมใครอีกต่อไป


ด้วยชุดแต่งเสริมหล่อของ AMG กับรูปลักษณ์ใหม่ของไฟหน้ากับหน้ากระจังโหดๆ รวมกับไฟหรี่กลางวัน หรือ Daytime Runing เจ้า E200 Coupe AMG Dynamic W212 Facelift 2014 ยังคงครองใจผู้ใช้ทั้งชายและหญิงที่รักความสปอร์ตของ E-Class แบบประตูน้อยบาน บนการขับขี่ที่เน้นความสะดวกสบายผ่อนคลาย ในโลกแห่งยนตรกรรมสมัยใหม่ รูปทรงคือสิ่งสำคัญที่สุดในการเอาชนะใจลูกค้า กรณีของ E200 Coupe AMG Dynamic ถึงแม้มันจะใช้แพลตฟอร์มเดิมจากรุ่น W212 แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าตัวรถรุ่นใหม่ในตระกูล E-Coupe คันนี้ดูดีขึ้นมาก สัดส่วนของรุ่น Facelift 2014 ที่ถูกเน้นในบางตำแหน่งอย่างลงตัว ความสมดุลของเส้นสายรอบคันผสานความหรูและความประณีตในงานประกอบที่ยังคงความเป็นรถยนต์จากแบรนด์ตราดาว รถทดสอบคันนี้สวมใส่ชุดแต่งจาก AMG Sport ทำให้มันดูดุเกินความเป็นจริง ซึ่งจริงๆ แล้วมันมีเรี่ยวแรงจากเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรเทอร์โบเพียงแค่ 184 แรงม้าเท่านั้น สัดส่วนบั้นท้ายที่ลงตัวกับไฟท้ายแบบใหม่รวมชุดสปอยเลอร์หลังของ AMG ที่มีท่อระบายไอเสียสวยเว่อร์เกินเหตุ สปอยเลอร์หน้าที่มีชิ้นงานพลาสติกโครเมียมเงาวาว เดินหุ้มขอบชายล่างของสปอยเลอร์หน้าทั้งชิ้นซึ่งออกแบบให้มีมุมมองคล้ายใบมีดที่คมกริบ ยิ่งทำให้พวก BMW ถึงกับหงุดหงิดกันเลยทีเดียว


มิติตัวถังที่พอดิบพอดีกับรุ่นก่อนหน้าไม่ได้สร้างความแปลกใหม่มากนัก สัดส่วนความกว้าง 1,786 มิลลิเมตร ยาว 4,703 มิลลิเมตร และสูง 1,397 มิลลิเมตร พอฟัดพอเหวี่ยงกับ BMW Series-4 เมื่อเปิดประตูเข้ามานั่งในห้องโดยสาร อารมณ์และกลิ่นอายของ Mercedes Benz แผ่ซ่านไปทั่วทั้ง Cockpit คอนโซลที่ทำจากโฟมขึ้นรูปหุ้มหนังมีขนาดใหญ่กว่า C-Coupe เล็กน้อย การจัดวางอุปกรณ์ต่างๆ มีความใกล้เคียงกันอยู่บ้าง แต่ E-Coupe จะมีความหรูปะปนกับความหลากหลายที่ถูกยกระดับขึ้นให้มีความแตกต่างจากสปอร์ตรุ่นเล็กของค่ายตราดาวอยู่บ้าง พวงมาลัยสามก้านหุ้มหนังอันงดงามนั้นมีขนาดใหญ่ไปนิด แป้นเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ หรือ Paddle มีขนาดเล็กและทำจากพลาสติกสีดำ เบาะแบบปรับไฟฟ้าพร้อมหน่วยความจำ 3 ระดับนั่งได้สบายตัวจากความกระชับและรูปแบบของตัวเบาะที่ออกแบบให้รองรับ สรีระของผู้ขับขี่ เนื่องจากเป็นเบาะแบบสปอร์ตซึ่งแตกต่างจากทรงของเบาะในรุ่น 4 ประตู การนั่งขับหรือโดยสารทางไกลอาจไม่สบายเท่ากับรุ่น 4 ประตูที่มีพื้นที่ภายในมากกว่า ตำแหน่งท่านั่งครอบคลุมการมองเห็นได้ดี โดยเฉพาะกระจกบังลมบานหน้า คันเกียร์ที่โดนย้ายไปไว้ตรงคอพวงมาลัยทำให้รู้สึกแปลกๆ และต้องคอยเตือนตัวเองว่ามันไม่ใช่ตำแหน่งของไฟเลี้ยว ปรับตัวสร้างความคุ้นชินสักพัก การใช้งานบนสภาพการณ์ของคันเกียร์ลักษณะดังกล่าว คุณจะพบว่ามันใช้งานได้ง่ายไม่แตกต่างไปจากคันเกียร์แบบเก่า พูดง่ายๆ ก็คือคันเกียร์ที่ติดตั้งอยู่บริเวณคอพวงมาลัยแบบนี้ครั้งหนึ่งเคยได้รับความนิยมและสาบสูญไปนานหลายสิบปี จนกลับมาพบเห็นกันอีกครั้งในรถ E-Class รุ่นใหม่ ทั้งแบบสี่และสองประตู ลามไปถึง A-Class อีกด้วย


กระจกบังลมด้านข้างของ E-Coupe สามารถเลื่อนลงได้หมด ทำให้มันได้คะแนนเต็มสิบในจุดนี้ รวมถึงหลังคากระจกหรือหลังคาแก้วแบบ Panoramic ที่เลื่อนเปิดได้พื้นที่มากกว่า Sunroof แบบเก่า รถ Mercedes Benz E200 Coupe ถูกจัดเต็มด้วยชุดแต่ง AMG และมีย่านกำลังของเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรเทอร์โบ เพียงพอต่อการวิ่งหรือการซิ่งทำความเร็วที่ไม่มีคำว่าอืดอาด ชักช้า อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งวิศวกรของ Benz เคลมว่ามันไปได้ที่ 7.8 วินาที เอาเข้าจริงจากการจับเวลาเองด้วยการออกตัวจากจุดหยุดนิ่งไปจนถึงย่าน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้เวลาไป 8.1 วินาที เป็นการวิ่งด้วยโหมด ECO ซึ่งเป็นโหมดประหยัด การออกตัวหรือไหลไปตามสภาพการจราจรในเมือง พวงมาลัยไฟฟ้ารุ่นใหม่ยังคงให้สัมผัสที่เบาสบายมือในย่านความเร็วต่ำ ที่ทำได้อย่างยอดเยี่ยมไม่แตกต่างจากรถคู่แข่งคือประสิทธิภาพในด้านการเก็บกักเสียงแปลกปลอมจากภายนอก งานประกอบภายในที่ประณีต วัสดุซับเสียงรวมถึงยางขอบกระจกและยางขอบประตูช่วยทำให้ห้องโดยสารของ E-Coupe เงียบงันจนวังเวง Auto Stop/Start ของมันทำงานผ่านระบบ Mercedes Benz BlueEfficiency Technology ซึ่งสั่งให้เครื่องยนต์ดับตัวเองทุกๆ ครั้งที่รถหยุดนิ่งสนิท และสตาร์ตติดตัวเองพร้อมเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วเมื่อผมยกเท้าออกจากคันเร่ง การตัดต่อของเครื่องยนต์ยังคงมีแรงสะเทือนเล็กๆ พอให้ได้รับรู้แต่ไม่ถือว่ามากมายอะไร ข้อดีของ Auto Stop/Start คือความประหยัดและช่วยลดการปล่อย CO2 ขณะจอดเดินเบาติดเครื่องยนต์ สำหรับคนขี้รำคาญและไม่คุ้นชินกับการติดๆ ดับๆ ของเครื่องยนต์ขณะที่วิ่งใช้งานในเมืองยังมีสวิตช์สั่งยกเลิก ให้กดยกเลิกโหมด Auto Stop/Start อีกด้วย เปิดมันทิ้งไว้ก็ดีหากคุณเป็นคนที่ใส่ใจต่อสภาพแวดล้อมของโลกใบนี้


ออกทางไฮเวย์ข้ามจังหวัด หากเป็นรุ่น E400 Coupe มันจะเร่งจาก 0-100 ได้ในเวลาเพียงแค่ 5.2 วินาที แต่ย่านของกำลังจากเครื่องยนต์ในรุ่นเล็กสุดก็สามารถนำพา E200 Coupe พุ่งทะยานไปตามแรงกดของฝ่าเท้าได้อย่างสะดวกโยธินโดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนโหมดแต่อย่างใดทั้งสิ้น แรงบิด 300 นิวตันเมตร เหมาะสมกับสุภาพสตรีที่ต้องการรถหล่อแต่ไม่ได้ต้องการรถแรง เหตุผลที่ดีด้านความปลอดภัยทำให้ม้าทั้ง 184 ตัว ของ E-Coupe ควบคุมได้ง่ายราวกับรถเด็กเล่นจากพวงมาลัยไฟฟ้าเจนเนอเรชั่นล่าสุดที่ปรับตั้งมาเป็นอย่างดี ระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบตอบสนองต่อการเร่งความเร็วทุกครั้ง แต่คันเร่งไฟฟ้าค่อนข้างเฉื่อยชาในโหมด ECO ผมปรับโหมดการขับมาเป็น Sport Mode เพื่อทดสอบการตอบสนอง เมื่อหักเลี้ยวออกจากมอเตอร์เวย์แล้วมุ่งหน้าไปทางเส้นบ้านบึง-แกลง ที่ความเร็ว 120 - 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แม้สภาพผิวถนนในแถบนี้จะค่อนข้างย่ำแย่จากรถบรรทุกหนัก แต่ระบบกันสะเทือนของ New E-Class Coupe ซึมซับรองรับแรงสั่นสะเทือนจากหลุมบ่อ-ตะเข็บรอยต่อปรุประของผิวทางลาดยางมะตอยได้อย่างน่าทึ่ง โช้คอัพและสปริงของ E200 Coupe แปรอาการที่เลวร้ายของผิวถนนมาเป็นความนุ่มนิ่มนั่งสบาย หากเบาะนั่งหุ้มหนังแท้แบบสปอร์ตของมันนิ่มเท่ากับ Heico V40 Sportiv ความสบายจะเพิ่มขึ้นมาอีกเท่าตัว ช่วงล่างที่เน้นความนุ่มนวลตามแบบฉบับของค่ายตราดาวแปลกแยกจากช่วงล่างแบบ Sport ของ BMW Series-4 อยู่พอสมควร ใน BMW New Series-4 บางจังหวะมันจะส่งอาการหนึบแน่นจนรู้สึกกระด้างอยู่ในที แต่ใน E200 Coupe AMG Dynamic นั้นจะส่งถ่ายความรู้สึกแบบหนึบปนนุ่มที่บางครั้งล่อกันจนถึงกับเกิดอาการโช้คยัน เนื่องจากสภาพทางในเส้นบ้านบึง-แกลง บางช่วงบางตอนกลายเป็นลอนคลื่นและหลุมบ่อที่ต้องระมัดระวังหากใช้ความเร็ววิ่งผ่าน


พวงมาลัยไฟฟ้าแบบใหม่ของ E-Coupe ใช้อัตราทดแบบแปรผันไปตามความเร็ว ในโหมดประหยัด หรือ ECO Mode ให้น้ำหนักที่เบาสบายข้อมือ พอปรับมาเป็น Sport Mode ความรู้สึกตึงไม้ตึงมือจากน้ำหนักที่ถูกระบบปรับให้หน่วงมือขึ้นอีกนิด สร้างความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่ได้ดีเมื่อใช้ความเร็ว ช่วงล่างให้ความรู้สึกที่ปลอดภัยจากความนิ่งและเสถียร แม้บางครั้งถนนเอียง หรือตะปุ่มตะป่ำจากความเสียหายที่เกิดขึ้นมานานพอสมควร เกียร์ 7G Tronic Plus ปลดปล่อยม้าฝูงเล็กได้หมดจดผ่านฟันเฟืองแบบ Close-ratio ไดนามิกของช่วงล่างและชุดบังคับเลี้ยวทำงานในลักษณะตั้งรับเมื่อต้องผจญกับผิวทางแย่ๆ จนผมต้องลดความเร็วจาก 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ลงมาเหลือเพียงแค่ 90-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพื่อควบคุมการทรงตัวในขณะที่ต้องหักหลบหลุมบ่อจำนวนมาก ในโหมด Sport อัตราทดของเกียร์ 7G Tronic ทำงานได้กระฉับกระเฉงขึ้นเหมือนกับอัตราทดแบบแปรผันของพวงมาลัย มันเปิดโอกาสให้คุณได้ลากรอบมากยิ่งขึ้นด้วยการคารอบเครื่องยนต์เอาไว้ในคาบที่สามารถเรียกแรงบิดเพิ่มอย่างต่อเนื่อง เกียร์ 7G เจนเนอเรชั่นล่าสุดมีเครื่องหมาย + หรือ Plus ต่อท้าย ก่อนหน้านี้ 7G-Tronic Plus เป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่ติดตั้งอยู่ใน C-Class ถึง 4 รุ่น โดยล่าสุดได้เพิ่มฟังก์ชั่น 7G-Tronic Plus ในรุ่น E-Class ได้แก่ E 200 BlueEFFICIENCY ELEGANCE, E 250 BlueEFFICIENCY AVANTGARDE ESTATE, E 250 BlueEFFICIENCY Cabriolet และ E 250 BlueEFFICIENCY AVANTGARDE Coupe Sport AMG และเพิ่มฟังก์ชั่น COMAND Online ในรุ่น E-Class ได้แก่ E 200 NGT BlueEFFICIENCY, E 200 BlueEFFICIENCY ELEGANCE, E 250 CDI BlueEFFICIENCY และ E 250 BlueEFFICIENCY AVANTGARDE, E 300 AVANTGARDE Sports รวมทั้งเครื่องยนต์ใหม่แบบ BlueDIRECT ใน S-Class รุ่น S 500 BlueEFFICIENCY Long Wheelbase


7G-Tronic Plus จาก Mercedes Benz เป็นอุปกรณระบบส่งกำลังที่มีการเพิ่มปั๊มหล่อลื่นแรงดันสูงในระบบเพื่อควบคุมแรงดันของระบบหล่อลื่นด้วยน้ำมันไฮดรอลิก เมื่อระบบ Auto Stop/Start ทำการดับเครื่องยนต์เมื่อรถหยุดนิ่งและติดตัวเองขึ้นอีกครั้งอย่างรวดเร็ว เพื่อเคลื่อนที่ เกียร์ใหม่ลูกนี้สามารถทำงานได้อย่างทันท่วงทีจากปั๊มแบบใหม่ มันยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของแรงบิดได้ดีขึ้น ช่วยลดอาการลื่นไถลของคลัตช์บล็อกอัพ ปฏิกิริยาของเครื่องยนต์ดีขึ้นจากโปรแกรมการทำงาน ECU ที่ประสานกับเกียร์ชุดนี้ เกียร์ 7G ยังได้รับการแก้ไขปรับปรุงเพื่อช่วยในการลดความเร็วของรอบเครื่องยนต์ในโหมด ECO สำหรับการเร่งความเร็วมีการตอบสนองที่ดีขึ้นกว่าเดิม มาตรการลดการบริโภคเชื้อเพลิง ถูกนำมาปรับใช้โดยการออกแบบอัตราทดที่มีความเหมาะสมกับความประหยัด ในโหมด ECO เกียร์ลูกนี้จะปรับตัวเองโดยทดกำลังให้ขึ้นไปใช้เกียร์สูงหรือเกียร์ Overdrive อย่างรวดเร็วเพื่อลดรอบเครื่องยนต์ น้ำมันไฮดรอลิกที่ใช้ในการหล่อลื่นเบอร์ ATF134FE ยังมีความหนืดที่ลดลง การปรับปรุงทางเรขาคณิตในขบวนเฟืองบวกซอฟต์แวร์ที่คอยปรับแรงดันในระบบ ตำแหน่งของซีลภายในผนังเกียร์ที่ดีขึ้น ECU หรือสมองกลเกียร์ซึ่งเป็นหน่วยควบคุมอิเล็กทรอนิกส์สำหรับการส่งกำลังทำงาน กับซอฟต์แวร์ให้ปราศจากอาการกระตุกกระชากน่ารำคาญ ในโหมดประหยัด มันตัดต่ออัตราทดขึ้น-ลงได้เนียนพอๆ กับผ้าไหมและสร้างความพึงพอใจให้กับเศรษฐีที่รักความสบายได้เป็นอย่างดี


E200 Coupe AMG Dynamic นำเข้าโดย Mercedes Benz Thailand สามารถรับมือกับถนนแบบนี้ได้ดีโดยที่คุณไม่ต้องออกแรงปลุกปล้ำกับพวงมาลัยมากจนเกินไป ล้อขอบ 18 นิ้วกับยาง 255/35R18 ที่ล้อหลังเหมาะสมกับสภาพผิวถนนที่ไม่มีความสม่ำเสมอ แรงยึดเกาะ แม้จะด้อยกว่า BMW อยู่นิดๆ แต่ก็เต็มไปด้วยความง่ายในการควบคุม น้ำหนักตัว 1.6 ตัน ดูจะมากเกินไปเมื่อเปรียบเทียบกับ Series-4 ที่มีน้ำหนักตัวน้อยกว่า (BMWSeries-4 420i 1.5 ตัน) สำหรับการวิ่งบนถนนมันให้ความรู้สึกที่เบาเกินความเป็นจริงจากการแปรผันน้ำหนักของพวงมาลัยไฟฟ้าซึ่งเกิดจากพวงมาลัยที่มีอัตราทดแบบยิ่งยวดรุ่นล่าสุด ของแบรนด์ตราดาว จังหวะถ่ายน้ำหนักที่กระชั้นชิดดีขึ้นเล็กน้อยจากการทำงานของแชสซีซีที่เฉียบคม ซึ่งพอเหมาะพอดีกับอัตราส่วนของแรงบิด E200 Coupe เป็นจักรกลที่มีแฮนด์ลิ่งดีคันหนึ่งของวงการ ซึ่งทำให้ขับได้สนุกแต่ก็ยังไม่มันส์เท่ากับ BMW คุณต้องเลือกเอาเองระหว่างความสบายกับความแม่นยำที่ทั้งสองแบรนด์พยายามยัด มาให้ เมื่อมาถึงถนนโล่งๆ ที่สามารถทำความเร็วได้อย่างต่อเนื่อง ความเร็วบน E200 Coupe ยังคงไหลไปได้เรื่อยๆ จนไปถึงที่ 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หากมีถนนโล่งพอที่จะทำให้มันสามารถคายประสิทธิภาพที่แท้ จริงออกมา เมื่อมาถึงโค้ง ผมกระแทกเบรกเต็มแรงเพื่อลดความเร็วก่อนที่จะทำการหักพวงมาลัยเข้าสู่โค้ง การถ่ายเทน้ำหนักจากสภาพการณ์ดังกล่าวดีกว่ารถขับเคลื่อนล้อหน้าแบบเห็นๆ การปรับตัวเองให้เข้ากับสภาพแวดล้อมของถนนเป็นเรื่องสำคัญที่ควบคู่กับความปลอดภัยในการใช้รถยนต์ ESP ที่ไม่เปิดโอกาสให้คุณซ่ามากนัก ทำให้ E200 Coupe มีความปลอดภัยอยู่ในระดับแนวหน้าของวงการ


แป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift เล็กๆ ที่หลังพวงมาลัยเข้ามาจัดการกับอัตราทดตามการกดสั่งงานด้วยนิ้วซึ่งใช้เวลาไม่นานนักในการเรียนรู้เพื่อใช้งานและสร้างความเชื่อมั่นตลอดการขับทดสอบ มันไม่ใช่รถที่เกาะเป็นตุ๊กแกเหมือนพวกตัวแรงที่เป็นรุ่น AMG แท้ๆ ที่แรงสุดฉุดไม่อยู่ ระบบช่วยทรงตัว หรือ ESP ที่คอยประสานการทำงานกับ PRE-SAFE จะไม่เปิดโอกาสให้คุณทำในสิ่งที่เหนือความเป็นจริงด้านไดนามิก บูชยางจุดยึดที่เชื่อมต่อกับแชสซีจะแสดงตัวตนทุกครั้งที่คุณออกตัวอย่างรุนแรงหรือพยายามทำให้ท้ายกวาดด้วยการขับเข้าโค้งแบบความเร็วเกินนิดๆ การสื่อสารระหว่างคนขับกับพวงมาลัยมีลักษณะที่เป็นธรรมชาติ โดยมีความนุ่มละมุนที่บางคนชอบและบางคนบอกว่ามันน่าเบื่อเจือปนอยู่ ในบางจังหวะมันสร้างรอยยิ้มที่พึงพอใจเมื่อขับผ่านทางที่สวยงามในจังหวัดระยอง โดยเฉพาะตอนที่โดนอัดแบบไม่ยั้งเพื่อทดสอบประสิทธิภาพ สำหรับการเปลี่ยนทิศทางนั้นทำได้อย่างฉับไวแม้ช่วงล่างจะนุ่มและเนียนกว่า BMW หรือ Audi แรงเหวี่ยงหนีศูนย์กลางหรือแรงจีที่กระทำต่อร่างกายสร้างความรู้สึกสนุกสนาน ในอารมณ์ของการควบคุม ส่วนที่ขาดหายไปคือความดิบแบบรถสปอร์ตที่แท้จริงซึ่งมีให้อย่างเหลือเฟือใน E-Coupe รุ่นที่ทรงพลังมากกว่านี้


โหมดสูงสุด หรือ Sport Mode ใน E200 Coupe ให้ความรู้สึกนิ่มนวลกว่าทั้ง Audi A5 หรือ Series-4 หากจะให้คะแนนกับรถคันนี้ ผมขอยกความดีทั้งปวงให้กับพวงมาลัยไฟฟ้ารุ่นใหม่ของมัน พวงมาลัยแบบแปรผันตามความเร็วหรือ Speed - Sensitive variable rate electro mechanical steering ทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมท่ามกลางตัวช่วยซึ่งเป็นวงจรไฟฟ้านับสิบนับร้อยรายการ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ทำงานร่วมกับระบบเบรกจากเซนเซอร์ความเร็วสูง เหมาะสมกับระดับของราคาค่าตัวอย่างยิ่งยวด หากชอบขับรถเร็วคงต้องควักเพิ่มกับออปชั่นเสริมซึ่งหมายถึงช่วงล่างแบบสปอร์ตที่ปรับตั้งค่าได้ คุณภาพของงานประกอบเหนือคำบรรยายและสภาพการขับขี่แบบผู้ดีตีนแดง เจ้า E200 Coupe จะส่งเสริมให้ผู้ที่ขับมันดูดีมีสตางค์ถึงแม้จะไม่ใช่เจ้าของรถที่แท้จริงก็ตาม เครื่องยนต์ทำงานได้ดีแม้รอบเดินเบาในรถทดสอบคันนี้จะมีเสียงดังอยู่บ้างแต่ก็ไม่ใช่ปัญหาที่ใหญ่โตอะไรนัก ประโยชน์ของการใช้สอยจากพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังที่ใหญ่กว่าทั้ง BMW และ Audi ส่วนตำแหน่งของเบาะโดยสารตอนหลังนั้นแค่พอได้อาศัยเท่านั้น เนื่องจากรูปแบบ Coupe ของมันที่ด้อยกว่ารุ่น 4 ประตูอย่างชัดเจนในด้านพื้นที่เหนือศีรษะกับพื้นที่วางเท้า รถ E200 Coupe มีช่วงล่างที่นิ่มราวกับนั่งอยู่บนพรมซึ่งทำให้รู้สึกแปลกๆ และค่อนข้างขัดแย้งกับชุดแต่ง AMG ของมันที่ส่งมุมมองโหดๆ ราวกับรถบ้าพลัง สุดท้ายสิ่งที่คุณไม่สามารถปฏิเสธได้คือการพบเจอรถรุ่นนี้บนถนนของประเทศไทยมากกว่าคู่แข่งร่วมสัญชาติ ความนิยมชมชอบในแบรนด์ตราดาวยังคงมนต์เสน่ห์ไม่มีเสื่อมคลาย ราคาค่าตัวของ E200 Coupe AMG Dynamic ซึ่งโดนหั่นให้หันมาชนกับค่ายผู้นำเข้าอิสระยิ่งทำให้มันโดนขับออกจากโชว์รูมในเครือ Mercedes Benz Thailand ได้เร็วยิ่งขึ้น การรับประกันและการบริการหลังการขายที่ดีตอกย้ำให้ลูกค้าเบนทิศทางในการตัดสินใจบนความเชื่อมั่นที่เหนือกว่า


หากคุณเป็นแมนเต็มตัวและชอบอะไรที่ดิบกว่านี้และไปไหนมาไหนคนเดียวโดดๆ ขอให้เลือกไปที่ SLK200 AMG Dynamic ในราคา 3.4 ล้าน ซึึ่งเหลือเงินทอนมาให้อีกถึงเกือบ 4 แสนบาท หากคุณชอบเดินทางไกลพร้อมๆ ไปกับการขนคนในครอบครัว วิ่งยาวเหนือจดใต้คงต้องเลือก E300 BlueTec Hybrid AMG Dynamic น้ำมันถังเดียวไปได้ไกลเกือบ 1,000 กิโลเมตร บนราคาค่าตัว 4 ล้านนิดๆ หรือหากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบความสปอร์ตที่ให้ความรู้สึกนิ่มนวลนั่งสบายขับสนุกทุกขณะ คงต้องหันมามอง E200 Coupe AMG Dynamic ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง E200 รุ่นประตูน้อยบานตกแต่งด้วยอุปกรณ์ของ AMG น่าจะสร้างความพึงพอใจให้กับคุณได้บ้างไม่มากก็น้อย จำนวนของรถ Benz รุ่น E- Coupe บนท้องถนนน่าจะเป็นคำตอบในเรื่องค่านิยมการใช้รถยนต์ของกลุ่มคนมีเงินในประเทศไทยได้ดีที่สุด ไม่ต้องลองขับ ถ้าคิดว่าชอบก็เดินไปโชว์รูมในเครือของ Mercedes Benz Thailand ได้เลย ราคา 3.8 ล้าน ไม่แพงเกินไปสำหรับสปอร์ตคาร์จากแบรนด์ตราดาวที่หล่อเหลือกำลังลากแบบนี้.

อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail [email protected]
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom

 



// //

Copyright (c) 2010 munjeed.com All rights reserved.