"เอเซอร์" เปิดตัวแท็บเล็ตระบบปฏิบัติการวินโดวส์ รุ่นล่าสุด "ไอโคเนีย ดับบลิว 4" คาดผู้บริโภคเลือกแท็บเล็ตแทนกำลังซื้อตลาดโน้ตบุ๊กหด หวังตลาดรวมแท็บเล็ตปีนี้แตะ 3 แสนเครื่อง...
นายนิธิพัทธ์ ประวีณวงศ์วุฒิ รองผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันผู้ใช้แท็บเล็ตให้ความสำคัญกับแบตเตอรี่ที่สามารถรองรับการใช้งานได้นานและประสิทธิภาพเครื่องเป็นหลัก ซึ่งในปีที่ผ่านมาบริษัทเป็นผู้นำตลาดแท็บเล็ตระบบปฏิบัติการวินโดวส์ ด้วยส่วนแบ่งตลาดราว 45% อย่างไรก็ตาม แม้สถานการณ์ตลาดไอทีจะหดตัวลง แต่บริษัทเชื่อว่าผู้บริโภคยังมีความต้องการใช้งานอย่างต่อเนื่อง แม้จะเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานจากเดิม เช่น เปลี่ยนจากโน้ตบุ๊กเป็นแท็บเล็ต โดยไอดีซี (บริษัทวิจัยและสำรวจ) ระบุว่าในปี 2556 ทั่วโลกมียอดจำหน่ายแท็บเล็ตกว่า 221 ล้านเครื่อง คิดเป็นอัตราเติบโตกว่า 53% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งคาดว่ายอดจำหน่ายแท็บเล็ตในปีนี้จะอยู่ที่ราว 270 ล้านเครื่อง หรือเติบโตขึ้น 22%
รองผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ กล่าวต่อว่า ในปีที่ผ่านมาแท็บเล็ตได้เข้ามาทดแทนกำลังซื้อในกลุ่มโน้ตบุ๊ก ซึ่งแท็บเล็ตระบบปฏิบัติการวินโดวส์ในปีที่ผ่านมานั้น มียอดจำหน่ายต่ำกว่า 100,000 เครื่อง เนื่องจากสินค้าทยอยเปิดตัวในช่วงปลายปี แต่คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตเป็นเท่าตัวในปีนี้ หรือมียอดจำหน่ายราว 100,000-150,000 เครื่อง ส่วนแท็บเล็ตระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์นั้น คาดว่าจะมียอดจำหน่ายราว 150,000 เครื่อง ส่งผลให้ยอดจำหน่ายแท็บเล็ตรวมในปีนี้อยู่ที่ 300,000 เครื่อง
"ราคาเฉลี่ยแท็บเล็ตวินโดวส์ในปีนี้น่าจะอยู่ที่ 15,000-20,000 บาท ขณะที่แท็บเล็ตแอนดรอยด์นั้นสามารถทำราคาได้ถูกกว่า โดยอาจเห็นเริ่มต้นตั้งแต่ 3,000 บาท ส่วนแท็บเล็ตที่สามารถรองรับการใช้งาน 3จี ได้ ก็จะมีราคาเพิ่มขึ้นจากรุ่นปกติราว 3,000 บาท" นายนิธิพัทธ์ กล่าว
รอง ผอ.ฝ่ายการตลาด บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ กล่าวอีกว่า ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวแท็บเล็ตบนระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 8.1 รุ่นไอโคเนีย ดับบลิว 4 (Iconia W 4) หน้าจอ 8 นิ้ว ความละเอียด 1280x800 พิกเซล ใช้หน่วยประมวลผล Intel Bay Trail SOC-Z3740 ความเร็ว 1.8 GHz น้ำหนัก 430 กรัม บาง 1.75 ซม. หน่วยความจำ 2GB กล้องหน้าความละเอียด 2 ล้านพิกเซล กล้องหลังจับภาพใบหน้าอัตโนมัติความละเอียด 5 ล้านพิกเซล แบตเตอรี่สามารถใช้ได้นาน 8 ชั่วโมง เพื่อรองรับการใช้งานทั้งความบันเทิงและการทำงาน โดยจะวางจำหน่ายในราคาประมาณ 17,000 บาท
นายนิธิพัทธ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับภาพรวมตลาดคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (พีซี) ในช่วงไตรมาสที่ 1-3 ของปี 2556 นั้น บริษัทยังคงเป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่งที่ 19% ด้วยยอดจำหน่ายราว 3.1 ล้านเครื่อง ลดลงจากปี 2555 ที่มียอดจำหน่าย 3.7 ล้านเครื่อง ขณะที่ภาพรวมตลาดโน้ตบุ๊กในปี 2556 บริษัทก็อยู่ในตำแหน่งผู้นำอันดับ 1 ด้วยส่วนแบ่งตลาด 28% จากยอดจำหน่าย 1.5 ล้านเครื่อง แม้ว่ายอดจำหน่ายจะลดลงจากปี 2555 ที่จำหน่ายได้กว่า 2.5 ล้านเครื่อง แต่เชื่อว่าผู้บริโภคจะเลือกซื้อแท็บเล็ตและสมาร์ทโฟนเพื่อทดแทนกำลังซื้อกลุ่มโน้ตบุ๊กที่ลดลง
ด้าน นายสนธิญา หนูจีนเส้ง ผู้อำนวยการฝ่ายขายและพัฒนาธุรกิจ บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า กระแสความนิยมแท็บเล็ตแอนดรอยด์ราคาถูก เป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมเมื่อปีที่ผ่านมา แต่เมื่อผู้บริโภคมีประสบการณ์ใช้งานแล้วก็จะเริ่มต้องการเครื่องที่มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ซึ่งหมายถึงราคาที่สูงขึ้นด้วย สำหรับไอโคเนีย ดับบลิว 4 เป็นความร่วมมือระหว่างเอเซอร์และอินเทล โดยนำเสนออินเทล อะตอม ซีรีส์ Z3000 โปรเซสเซอร์ ซึ่งกินไฟต่ำทำให้อายุการใช้งานแบตเตอรี่ยาวนานขึ้น ขณะเดียวกันยังให้ประสิทธิภาพการแสดงภาพกราฟิกดีกว่ารุ่นก่อนถึง 3 เท่า ทั้งยังให้ประสิทธิภาพในการใช้งานอินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดียต่างๆ ได้รวดเร็วกว่าเดิม 2 เท่า
ผอ.ฝ่ายขายและพัฒนาธุรกิจ บ.อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) กล่าวอีกว่า สำหรับสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบันนั้น เชื่อว่าจะมีผลกระทบต่อตลาดรวมไอทีอย่างแน่นอน เนื่องจากผู้บริโภคไม่กล้าใช้จ่ายตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา แต่ก็จะไม่ส่งผลให้ตลาดชะลอตัวไปมากกว่าในปีที่ผ่านมา.
