ผู้ให้บริการเอทีเอ็มในสหรัฐฯ เผชิญเส้นตายต้องอัพเกรดระบบปฏิบัติการของเอทีเอ็ม ให้ใหม่กว่า วินโดว์ เอ็กซ์พี ซึ่งกำลังจะหมดอายุในช่วงต้นเดือนเม.ย.นี้...
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 16 ม.ค. ว่า ธนาคารผู้ให้บริการตู้กดเงินสดอัตโนมัติ หรือ เอทีเอ็ม จำเป็นต้องอัพเกรดระบบปฏิบัติการณ์วินโดว์ที่ติดตั้งในเอทีเอ็มในความดูแลของตัวเอง สู่ระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่กว่า วินโดว์ เอ็กซ์พี ภายในวันที่ 8 เม.ย. ซึ่งไมโครซอฟท์ บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ยักษ์ใหญ่ของโลก เตรียมยุติการสนับสนุนทั้งหมดแก่ระบบปฏิบัติการดังกล่าว
นับตั้งแต่เอทีเอ็มกำเนิกขึ้นมาเมื่อราว 40 ปีก่อนจนกระทั่งวันนี้ สหรัฐฯมีเอทีเอ็มราว 420,000 เครื่องทั่วประเทศ และเกือบทั้งหมดยังใช้ระบบปฏิบัติการวินโดว์ เอ็กซ์พี ซึ่งเปิดตั้วเป็นครั้งแรกในปี 2001 หรือ เกือบ 13 ปีก่อน โดยการยุติการสนับสนุนไมโครซอฟท์ หมายความว่า เอทีเอ็มที่ยังใช้งานระบบปฏิบัติการนี้อยู่ จะไม่ได้รับการอัพเดตแพตช์ใดๆ รวมถึงแพตช์ความปลอดภัย และไม่สามารถปฏิบัติตามมาตรฐานการป้องกันของธนาคารได้
เครือข่ายเอทีเอ็มอันยุ่งเหยิงในสหรัฐฯ ตั้งแต่ที่ร้านสะดวกซื้อที่ให้บริการเอทีเอ็มเครื่องเดียว ไปจนถึงธนาคารใหญ่ที่ดูแลเอทีเอ็มหลายหมื่นเครื่อง มีความรู้สึกเกี่ยวกับเส้นตายนี้ต่างกัน เอทีเอ็มรุ่นใหม่กว่าสามารถอัพเกรดวินโดว์ได้ผ่านเครือข่ายของตัวเอง ขณะที่เอทีเอ็มรุ่นเก่าต้องอัพเกรดทีละเครื่อง หรือต้องเปลี่ยนใหม่หากไม่สามารถรองรับระบบปฏิบัติการที่ใหม่กว่าได้
อราวินดา โคราลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท เคเอแอล ผู้ผลิตซอฟท์แวณืเอทีเอ็มคาดว่า จะมีเอทีเอ็มของธนาคารในสหรัฐฯเพียง 15% เท่านั้นที่อัพเกรดระบบปฏิบัติการณ์เป็นวินโดว์ 7 ทันเส้นตายในเดือนเม.ย. "โลกของเอทีเอ็มยังไม่พร้อมนัก และนั่นก็ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ เพราะเอทีเอ็มีการเคลื่อนไหวช้ากว่าคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล" นายโคราลากล่าว และเสริมว่า แม้จะเห็นเอทีเอ็มอยู่ทุกหนแห่ง แต่จริงจำนวนเอทีเอ็มทั่วโลกมีประมาณ 3 ล้านเครื่องเท่านั้น
นายโคราลาเผยอีกว่า ไมโครซอฟท์กำลังขาย ข้อตกลงสนับสนุนการปรับปรุงทางเทคนิค ซึ่งจะขยายอายุของวินโดว์เอ็กซ์พีออกไป โดยธนาคาร เจพี มอร์แกน ซื้อข้อตกลงขยายอายุวินโดว์เอ็กซ์ออกไปอีก 1 ปี และจะเริ่มกระบวนการเปลี่ยนระบบปฏิบัติการในเอทีเอ็มของตัวเองเป็นวินโดว์ 7 ในเดือน ก.ต. แต่เอทีเอ็มอย่างน้อย 3,000 จาก 19,000 เครื่องของพวกเขา จำเป็นต้องได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น ก่อนเริ่มกระบวนการดังกล่าว
ขณะเดียวกัน โฆษกหญิงของธนาคาร เวลส์ ฟาร์โก ระบุว่า พวกเขากำลังทำงานร่วมกับไมโครซอฟท์และบริษัทผู้ผลิตเอทีเอ็ม ในการอัพเกรดเอทีเอ็มของพวกเขา
ทั้งนี้ จากการเปิดเผยของ ดีม สจ๊วต ผู้บริหารของบริษัทผู้ผลิตเอทีเอ็ม ไดโบลด์ เอทีเอ็มของผู้ให้บริการที่เพิกเชยต่อเส้นตายในวันที่ 8 เม.ย. จะยังทำงานได้อยู่ แต่จะเสี่ยงต่อการได้รับมัลแวร์ หรือการโจมตีทางไซเบอร์อื่นๆที่เล็งเล่นงานจุดอ่อนที่จะปรากฏออกมาเรื่อยๆของวินโดว์เอ็กซ์พี