ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศโดยรวมของศูนย์การค้าย่านปทุมวันและราชประสงค์ หลังจากที่กลุ่มผู้ชุนมุนยึดพื้นที่นั้น ส่งผลให้ขณะนี้มีผู้มาใช้บริการบางตาลงมาก โดยเฉพาะลูกค้าต่างชาติ ที่คาดว่าลดลง 20% รวมถึงพนักงานออฟฟิศ ที่เข้ามารับประทานอาหารกลางวัน ก็ลดลงเช่นกัน ขณะที่ร้านขายกระเป๋าแบรนด์ไทย ซึ่งเป็นที่นิยมของชาวต่างชาติ ก็มีผู้ใช้บริการลดลงเช่นกัน ซึ่งจากการสอบถามพนักงาน พบว่าลูกค้าลดลงมากตั้งแต่วันที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมา จากที่เคยมีลูกค้าเต็มพื้นที่ร้านค้าในย่านดังกล่าว ก็ลดเหลือเพียงเล็กน้อย แต่ขณะเดียวกันก็มีลูกค้าหลัก คือกลุ่มผู้ที่มาร่วมชุมนุม จากปกติที่มีชาวจีนเป็นลูกค้าหลักถึง 90%

นายศักดิ์ชัย เก่งกิจโกศล กรรมการผู้จัดการธุรกิจศูนย์การค้า บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด กล่าวว่า ตั้งแต่วันก่อนเริ่มต้นการชุมนุมในย่านราชประสงค์ ก็ทำให้ลูกค้าชาวต่างชาติซึ่งปกติ มีปริมาณกว่าครึ่งหนึ่งของลูกค้าทั่วไป ลดลงไป 80% หรือมีเพียง 8,500 คน จากเดิมที่ 42,500 คน เนื่องจากกังวลต่อสถานการณ์ทางการเมือง แต่อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ ก็เริ่มมีลูกค้ากลับมาใช้บริการเพิ่มขึ้น ยกเว้นแต่ลูกค้ากลุ่มทัวร์ ยังคงไม่กลับมาใช้บริการเลย

แหล่งข่าวจากบริษัท คิงส์ พาวเวอร์ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจร้านค้าจำหน่ายสินค้าปลอดภาษี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 13 ม.ค. ที่ผ่านมา จำนวนชาวต่างชาติที่มาใช้บริการลดลงอย่างเห็นได้ชัด จากเดิมที่จะมีลูกค้ากลุ่มทัวร์มาใช้บริการวันละ 30-40 คันรถ แต่เมื่อวานจนถึงวันนี้ แทบจะไม่มีลูกค้ามาใช้บริการเลย โดยลูกค้าหลักของร้านกว่า 50% เป็นชาวต่างชาติ ซึ่ง 90% เป็นชาวจีนที่อ่อนไหวต่อสถานการณ์ทางการเมือง ทำให้ตั้งแต่เริ่มมีการชุมนุมลูกค้าลดลงมาก

นายสตีฟ เฉิน นักท่องเที่ยวชาวสิงคโปร์ที่มาใช้บริการศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ กล่าวว่า ได้จองตั๋วเครื่องบินมาประเทศไทยก่อนที่จะเกิดการชุมนุม แต่กังวลกับสถานการณ์จึงเปลี่ยนแผนใช้เวลาในกรุงเทพฯ น้อยลง และซื้อแพ็กเกจเที่ยวต่างจังหวัดแทน ทั้งนี้ถ้ายังไม่ได้จองตั๋วเครื่องบินคงรอดูสถานการณ์ให้สงบก่อนแล้วตัดสินใจอีกครั้งหนึ่ง