โดย นายพล



ขึ้นชื่อว่ารถอเนกประสงค์แล้ว สิ่งสำคัญคือความสะดวกสบายในการเดินทาง ทั้งที่นั่ง ห้องโดยสาร อุปกรณ์อำนวยความสะดวก การเข้า-ออก โดยเฉพาะสมรรถนะของเครื่องยนต์

นิยามรถอเนกประสงค์ดังกล่าวนี้ สำหรับ ค่ายฮอนด้า ที่มีจุดเด่นเรื่องการออกแบบภายในห้องโดยสารให้มีความเป็นอเนกประสงค์อยู่แล้ว และไม่ใช่เฉพาะรถประเภทนี้เท่านั้น แต่ไล่มาตั้งแต่รถรุ่นเล็ก อย่าง แจ๊ซ เรื่อยมาจนถึงรุ่นล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อปลายปีที่แล้วอย่าง ฮอนด้า โอดิสซีย์ ใหม่ จึงกลายเป็นการเข้าทางสำหรับค่ายฮอนด้า ในการผลิตยนตรกรรมอเนกประสงค์ระดับหรูที่มาพร้อมรูปลักษณ์ใหม่

ฮอนด้า โอดิสซีย์ ใหม่ โดดเด่นตั้งแต่ไฟหน้า แบบ LED เลนส์โปรเจ็กเตอร์คู่ (เฉพาะรุ่น 2.4EL) สามารถปรับระดับสูง/ต่ำอัตโนมัติให้ความสว่างในยามค่ำคืน และไฟท้ายแบบ LED ประตูข้างไฟฟ้าแบบสไลด์ ซ้าย-ขวา พร้อมควบคุมด้วยรีโมตติดตั้งเป็นครั้งแรกในโอดิสซีย์ใหม่ ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการเข้า-ออกในที่แคบ พร้อมมือเปิดประตูที่ทำงานได้อย่างรวดเร็ว ช่วยผ่อนแรงขณะเปิด ซันรูฟ พร้อมระบบ One-touch (เฉพาะรุ่น 2.4EL) เปิดรับความโปร่งโล่งสบายจากบรรยากาศภายนอก

ภายในห้องโดยสารใหญ่กว่ารุ่นเดิม แนวคิดการออกแบบสไตล์ โมเดิร์น สูท (Modern Suite) ให้อารมณ์เสมือนอยู่ในห้องสูทของโรงแรมระดับหรู เมื่อมาผสมผสานกับขนาดและมิติที่ใหญ่กว่ารุ่นเดิม เพิ่มความสูงของตัวรถ ทำให้นั่งสบายในทุกตำแหน่ง โดยเฉพาะเบาะนั่ง แถวที่ 3

ส่วนเบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทางและสามารถบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งได้ 2 ตำแหน่ง (เฉพาะรุ่น 2.4 EL) ส่วนเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้าได้ 4 ทิศทาง

เบาะนั่งแถวที่ 2 ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษ โดยในรุ่น 2.4 EL มี 2 ที่นั่งแบบเฟิร์สคลาส ปรับได้ถึง 10 ทิศทาง เพื่อรองรับกับทุกอิริยาบถของผู้โดยสาร โดยปรับที่นั่งแบบแยกอิสระซ้าย-ขวา ให้เดินผ่านได้แบบ วอล์ก ทรู (Walk Through) และปรับองศาของเบาะรองขาและพนักพิงหลังช่วงบน รวมทั้งยังปรับให้รองรับต้นคอ เพื่อความผ่อนคลาย ส่วนในรุ่น 2.4 E เป็นเบาะยาวแบบ 3 ที่นั่ง และยังสามารถแยกปรับพนักพิงหลังได้แบบ 40:20:40

มีม่านบังแดดกระจกของประตูสไลด์ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Tri-zone พร้อมแผงควบคุมแบบสัมผัสและแผงควบคุมระบบปรับอากาศสำหรับเบาะนั่งแถวที่ 2 และ 3 พร้อมสวิตช์ควบคุมอุณหภูมิ มอบความเย็นสบายทั้งห้องโดยสาร

โอดิสซีย์ใหม่ขนาดเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC i-VTEC ให้กำลังสูงสุด 175 แรงม้าที่ 6,200 รอบต่อนาที และให้แรงบิดสูงสุดที่ 225 นิวตัน-เมตร (23 กก.-ม.) ที่ 4,000 รอบต่อนาที มาพร้อมเทคโนโลยี Earth Dreams ที่ได้รับการพัฒนาบนพื้นฐานของเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและประหยัดน้ำมัน

เกียร์อัตโนมัติแบบ CVT พัฒนาใหม่ ทำให้เกียร์มีน้ำหนักเบาขึ้นยิ่งไปกว่านั้น จากการออกแบบระบบเปลี่ยนเกียร์แบบ G-Design Shift ทำงานร่วมกับลิ้นปีกผีเสื้อไฟฟ้า (Drive-By-Wire-DBW)

เกียร์ CVT จะตอบสนองการทำงานแบบเรียลไทม์ ส่งผลให้อัตราเร่งของโอดิสซีย์ ให้อารมณ์ราวกับรถเก๋ง ทั้งที่รูปร่างไม่เบาเลยทีเดียว

มีระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Paddle Shift) มีระบบไอดลิ้ง สต๊อป (Idling Stop) ระบบช่วยลดการใช้พลังงานขณะรถหยุดนิ่ง พร้อมสวิตช์เปิด-ปิด

มีรัศมีวงเลี้ยวแคบลงอยู่ที่ 5.4 เมตร เมื่อรวมกับการปรับรูปทรงของเสาหลังคา และส่วนอื่นๆ ของตัวรถ ทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นดีขึ้น

มีระบบกล้องส่องภาพรอบทิศทาง (Multi-view Camera System) จะทำงานผ่านกล้องที่ติดตั้ง 4 จุดรอบคัน ทั้งด้านหน้า ด้านหลัง ด้านซ้าย และด้านขวา โดยสามารถแสดงภาพแต่ละด้าน หรือภาพจำลองจากมุมสูงเพื่อให้เห็นทุกทิศทางรอบคันช่วยเพิ่มทัศนวิสัยให้มองเห็นได้อย่างชัดเจนในขณะขับขี่และขณะจอด (เฉพาะรุ่น 2.4 EL)

ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ (Honda Smart Parking Assist System) จะควบคุมพวงมาลัยอัตโนมัติ โดยเพียงแค่เดินหน้าหรือถอยหลังไปตามคำแนะนำ และตามตำแหน่งที่ระบุบนหน้าจอ ช่วยอำนวยความสะดวก ทั้งการจอดรถแนวขนานและการถอยหลังเข้าจอดอย่างง่ายดาย (เฉพาะรุ่น 2.4 EL) ระบบเตือนมุมอับสายตา (Blind Spot Information System) จะใช้เรดาร์ที่กันชนท้ายในการตรวจจับทิศทางของรถยนต์ที่แล่นตามมาด้านหลัง และตรวจสอบรถยนต์ที่อาจจะอยู่ในตำแหน่งที่เป็นมุมอับ ผู้ขับขี่ไม่สามารถมองเห็นได้ (เฉพาะรุ่น 2.4 EL)

ระบบเตือนเมื่อรถยนต์เคลื่อนผ่านขณะถอย (Cross Traffic Monitor) ติดตั้งครั้งแรกในรถฮอนด้าโดยขณะขับรถถอยหลัง หากมีรถวิ่งผ่านด้านหลัง เรดาร์จะทำงานโดยมีไฟเตือนพร้อมแสดงภาพบนหน้าจอ เพื่อเตือนให้ผู้ขับขี่ขับรถถอยหลังได้อย่างปลอดภัย (เฉพาะรุ่น 2.4 EL)

มีระบบไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED (Daytime Running Lights) ระบบไฟส่องสว่างด้านข้างอัตโนมัติ Active Cornering Light (ACL) เพิ่มความสว่างขณะเลี้ยวรถในเวลากลางคืน (เฉพาะรุ่น 2.4 EL)

ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสแบบ Advance Touch ขนาด 7 นิ้วและพวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่นควบคุมได้ง่ายดายและปลอดภัย ไม่ต้องละสายตาระหว่างขับขี่ นอกจากนี้ ยังมีหน้าจอแสดงผลในโหมดเครื่องเสียง หน้าจอแสดงผลการเชื่อมต่อโทรศัพท์ไร้สาย หน้าจอแสดงผลอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง รองรับระบบสั่งการด้วยเสียง SIRI Eye Free Mode (รองรับ iPhone รุ่น 4s ขึ้นไป)/ รองรับช่องเชื่อมต่อ HDMI และ USB 2 ตำแหน่ง / รองรับการเชื่อมต่อ Honda Link Navigation Application (เฉพาะ Smart Phone บางรุ่น)

โอดิสซีย์ ใหม่ มีให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น 2.4E (8 ที่นั่ง) ราคา 2,750,000 บาท และรุ่น 2.4EL (7 ที่นั่ง) ราคา 2,950,000 บาท โดยอุปกรณ์มาตรฐานแตกต่างเฉพาะรุ่น

เป็นรถคุณภาพอีกรุ่นของฮอนด้าที่ยังคงความอเนกประสงค์ไว้อย่างครบครัน

(ที่มา:มติชนรายวัน 11 มกราคม 2557)

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟซบุ๊กกับมติชนออนไลน์
www.facebook.com/MatichonOnline