ล้วงแคะแกะเกา ระบบ Hybrid IMA หรือ Integrated Motor Assist ระบบขับเคลื่อนแบบพลังงานผสมเครื่องยนต์บวกมอเตอร์ไฟฟ้าของค่าย Honda...

พลังงานผสมระหว่างเครื่องยนต์เบนซินเสริมแรงด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังได้รับความนิยมและจะเข้ามาแทนที่ระบบขับเคลื่อนแบบเก่า ในอีกไม่นานนับต่อจากนี้ จากความประหยัดและการคายมลพิษที่ต่ำกว่า รวมถึงประสิทธิภาพของการใช้งาน ในยุคทีี่พลังงานอยู่ในรูปของเชื้อเพลิงแบบฟอสซิล มีราคาถีบตัวสูงขึ้น ทุกภาคส่วนกำลังมุ่งไปที่การลดค่ามลพิษที่เกิดจากการทำงานของเครื่องยนต์ ขุมกำลังแบบ Hybrid ของ Honda ได้ผ่านการพัฒนาอย่างเข้มข้น เพื่อเข้ามาแทนที่เครื่องยนต์แบบเก่าในปัจจุบัน

วิสัยทัศน์ที่วางไว้ถึงปี 2020 ซึ่ง Honda ประกาศไปเมื่อปี 2010 เป็นการกำหนดทิศทางการดำเนินธุรกิจ Honda เพื่ออนุรักษ์พลังงานและลดการปล่อยของเสีย ที่สร้างมลพิษทางอากาศ บริษัท Honda จึงกำหนด Blue Skies For Our Children เป็นวิสัยทัศน์ด้านสิ่งแวดล้อมที่ Honda พยายามปรับผลิตภัณฑ์ของตนเองให้มีการปล่อยมลพิษที่ลดลง ในเดือนมิถุนายน 2011 Honda ประกาศต่อสื่อมวลชนทั่วโลก ในการที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซด์ CO2 ลง 30% จากผลิตภัณฑ์ทุกชนิดของ Honda ได้แก่ รถยนต์ รถจักรยานยนต์ รวมถึงเครื่องยนต์อเนกประสงค์ภายในปี 2020

รวมถึงลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซด์ จากกระบวนการผลิต และในทุกๆ กิจกรรมที่ดำเนินงานโดย Honda การคิดค้นนวัตกรรมพลังงานสะอาด และการใช้พลังงานทางเลือก คือเป้าหมายของ Honda Automobile วิศวกรของค่ายได้คิดค้นเครื่องยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยก๊าซธรรมชาติ เครื่องยนต์ลูกผสมเบนซินบวกมอเตอร์ไฟฟ้าเสริมแรง แบบ Hybrid รถยนต์พลังงาน Fuel Cell แบตเตอรี่อิเล็กทริกกับรถยนต์แบบ Plug-In Hybrid รวมถึงการคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น อุปกรณ์พลังงานจากแสงอาทิตย์ของ Honda

สำหรับ Accord PHEV (Plug in Hybrid Electric Vehicle) ยนตรกรรมซีดานขนาดกลางที่กำลังทำตลาดอยู่ในญี่ปุ่น ยุโรป และสหรัฐอเมริกานั้น คือรถ Accord รุ่นเครื่องยนต์ลูกผสมเบนซินบวกมอเตอร์ไฟฟ้า หรือ Hybrid รุ่นใหม่ล่าสุด จากค่าย Honda หลังประสบความสำเร็จกับรถ Hybrid ในรุ่นอื่นๆ ก่อนหน้านี้ เช่น Honda CRZ / Honda Jazz Hybrid / Honda Civic Hybrid รถ Accord รุ่นล่าสุดที่พ่วงมอเตอร์ขับเคลื่อนกับแบตเตอรี่ พร้อมสายชาร์จของชุด Hybrid นั้น เป็นระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานผสมแบบใหม่ ที่มาพร้อมกับโหมดการขับขี่ 3 ระดับ ซึ่งถูกออกแบบและพัฒนามาจากรถ Hybrid ของ Honda โดยเน้นไปที่การขับขี่ใช้งานในเมืองเป็นหลัก โหมดการขับขี่ 3 ระดับของ Honda Accord Hybrid ได้แก่

1 -All Electric โหมดการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าแต่เพียงอย่างเดียวที่ย่านความเร็วต่ำ

2 - Gasoline + Electric โหมดการขับเคลื่อนแบบผสม ทำงานพร้อมกันทั้งมอเตอร์และเครื่องยนต์

3 -Diract drive โหมดการขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ล้วนๆ ในย่านความเร็ว สำหรับการเดินทางไกล

ขุมกำลังของ Honda Accord PHEV (Plug in Hybrid Electric Vehicle) วางเครื่องยนต์ Earth Dreams 2.0 ลิตร พร้อมกับกลไกวาล์วแปรผัน i-VTEC เป็นเครื่องยนต์ที่ใช้วัฏจักรการเผาไหม้แบบ Ackinson - cycle เครื่องยนต์มีแรงม้าประมาณ 137 ตัว ที่ 6200 รอบต่อนาที ผสานการทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ซึ่งเป็นมอเตอร์ของระบบขับเคลื่อนแบบ Maintenance - free ให้กำลังรวม 124 kW เมื่อทั้งสองระบบขับเคลื่อนทำงานไปพร้อมๆ กัน รถ Accord PHEV (Plug in Hybrid Electric Vehicle) จะมีกำลัง 196 แรงม้า เครื่องยนต์ Earth Dreams ขนาด 2.0 ลิตร ตัวนี้ วิศวกรของ Honda เคลมว่ามันจะให้สมรรถนะที่เหนือกว่าเครื่องยนต์ Hybrid ทุกรุ่นที่ Honda เคยผลิตออกขาย!!

มาดูที่สปอร์ตคาร์ไฮบริด 3 ประตูทรงล้ำ ในรุ่น CRZ เครื่องยนต์ของ Honda CRZ Hybrid เป็นเครื่องเบนซินแถวเรียงสี่กระบอกสูบ ปริมาตรความจุ 1,497 ซีซี 16 วาล์ว iVTEC อัตราส่วนกำลังอัด 10.4:1 ความกว้างกระบอก 73.0 มิลลิเมตร กับช่วงชักที่ 89.4 มิลลิเมตร เป็นเครื่องยนต์ขนาดเล็กสมรรถนะดีที่ยกมาจาก Honda Jazz เวอร์ชั่นอเมริกา เครื่องยนต์ขนาดเล็กรุ่นนี้ทำงานในระบบ Hybrid IMA หรือ Integrated Motor Assist ร่วมแกนกับมอเตอร์ไฟฟ้าเสริมแรง ตัวมอเตอร์เสริมกำลังถูกติดตั้งระหว่างเครื่องยนต์และชุดเกียร์ ส่วนชุดแบตเตอรี่ของ CRZ ซึ่งรับหน้าที่จ่ายพลังงานในรูปของกระแสไฟฟ้านั้น เป็นแบตเตอรี่แบบ Matal Hydride จัดวางอยู่ส่วนท้ายของรถใต้ห้องเก็บสัมภาระ

เครื่องยนต์ของ CRZ ให้กำลัง 113 แรงม้า ที่ 6,100 รอบต่อนาที กับแรงบิด 144 นิวตันเมตร หรือ 14.7 กิโลกรัมเมตร ที่ 4,800 รอบต่อนาที เมื่อรวมการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าเสริมแรง กำลังของ Honda CRZ จะเพิ่มขึ้นเป็น 124 แรงม้า มอเตอร์ไฟฟ้ามีเรี่ยวแรงประมาณ 13 แรงม้า และมีแรงบิดสูงสุด 92 นิวตันเมตร สำหรับระบบส่งกำลัง หรือเกียร์ของ CRZ ใช้เกียร์ CVT ซึ่งเป็นระบบอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง ออกแบบมาเพื่อให้อารมณ์ของการขับขี่ใกล้เคียงกับเกียร์อัตโนมัติ แบบทอร์คคอนเวอร์เตอร์ ซึ่งเชื่อมโยงรูปลักษณ์และการขับขี่แบบสปอร์ตได้เป็นอย่างดี

ระบบขับเคลื่อนหลักของ CRZ ซึ่งเป็นรถ Hybrid ในแบบที่กำลังของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า จะถูกส่งไปขับเคลื่อนล้อคู่หน้าพร้อมๆ กัน หรือตัดการทำงานเหลือเพียงการส่งถ่ายกำลังด้วยเครื่องยนต์เพียงอย่างเดียว พร้อมกับโหมด Auto Start-Stop ที่จะดับเครื่องยนต์ทุกครั้งขณะตัวรถจอดสนิท การควบคุมที่ดีของ CRZ เกิดจากจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำในตำแหน่งของการวางเครื่องยนต์ รถทั้งคันมีน้ำหนักรวม 1,147 กิโลกรัม น้ำหนักของ CRZ อยู่ในระดับเดียวกันกับรถยนต์ขนาดเล็กทั่วไป แถมยังมีคาแรกเตอร์แบบสปอร์ต ที่เน้นความสนุกสนานในด้านการขับขี่ควบคุมจากสัมผัสของพวงมาลัย ผนวกระยะของฐานล้อและการกระจายน้ำหนัก

ทั้งนี้ วิศวกรของ Honda ได้ให้ความสำคัญในด้านความเสถียรของตัวรถอย่างสูงสุด โดยวางชุดแบตเตอรี่ไว้ให้ต่ำมากที่สุด เครื่ีองยนต์ของมันมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำมากกว่า Civic Type R และวางตัวเองอยู่ในระดับที่ต่ำมากที่สุดเท่าที่จะวางลงไปได้ ฝาสูบแบบสี่วาล์วต่อสูบของมันยังมีกลไกพิเศษ ในรอบต่ำวาล์วไอดีจะเปิดเพียงตัวเดียวเท่านั้น และกลายเป็นเครื่ีองยนต์ 12 วาล์ว เพื่อช่วยในการเผาไหม้และการใช้เชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยระบบ Hybrid IMA หรือ Integrated Motor Assist

โหมดการขับขี่สามรูปแบบของ CRZ มีให้เลือกใช้งานตามระดับของความเหมาะสม และอารมณ์ของผู้ขับ ในโหมด ECON หรือ ECO ซึ่งเป็นโหมดขับเคลื่อนแบบประหยัด คันเร่งไฟฟ้าจะถูกหน่วงให้ตอบสนองน้อยลง รอบเครื่องยนต์ที่ต่ำกว่าปกติประมาณ 2,000-2,400 รอบต่อนาทีเมื่อใช้ความเร็วเดินทางในระดับ 100-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ช่วยให้อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมีตัวเลขที่หรูหรากว่ารถ Honda เครื่องยนต์ 1.5 ลิตรในรุ่นอื่นๆ ที่ไม่มีระบบไฮบริด

ในโหมด ECON จอแสดงผล MID - Multi Information Display ของรถ CRZ จะโชว์สถานะของความประหยัดเป็นรูปดอกไม้ หากผู้ขับขี่ใช้ระดับของคันเร่งไฟฟ้าได้เหมาะสมกับค่าที่ตั้งไว้จำนวนของ ดอกไม้จะเพิ่มขึ้น หรือลดลงไปตามลักษณะของการขับ จอ MID ยังสามารถปรับตั้งให้แสดงอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงแบบลิตรต่อกิโลเมตร รวมถึงคำนวนระยะทางที่สามารถวิ่งไปถึงจากน้ำมันเชื้อเพลิงที่เหลืออยู่ในถัง มาตรวัดรอบจะเปลี่ยนมาเป็นสีเขียวก็ต่อเมื่อรอบเครื่องยนต์อยู่ต่ำกว่าระดับ ที่เริ่มมีการใช้เชื้อเพลิงมากขึ้นกว่าปกติ สำหรับการเร่งความเร็วในโหมดนี้ สีของมาตรวัดรอบจะเปลี่ยนมาเป็นสีน้ำเงินเข้มทันทีที่คันเร่งถูกกดลงลึกๆ โหมด ECON หรือ ECO เหมาะกับการวิ่งใช้งานภายในเมืองที่มีการจราจรติดขัดและเป็นโหมดที่ประหยัด เชื้อเพลิงได้สูงสุดของ Hybrid IMA ใน CRZ

โหมดต่อมาเป็นโหมด Normal คันเร่งไฟฟ้าแบบ Drive By Wire จะปรับตัวเองให้ตอบสนองได้ดีขึ้นกว่าโหมด ECON และเชื่อมโยงการขับในแบบปกติทั่วไป การตอบสนองของตัวรถดีขึ้นมาอีกนิด เพื่อทำให้ผู้ขับขี่รับรู้ถึงกำลังแรงบิดที่กระชับและฉับไวขึ้น ระบบ Hybrid บริหารการใช้เชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีแหล่งพลังงานจากเครื่องยนต์เป็นหลัก พร้อมการเสริมเพิ่มเติมกำลังด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าในช่วงออกตัว เครื่องยนต์จะทำหน้าที่หลักในการสตาร์ตและเสริมแรงด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าสำหรับ การเคลื่อนตัวในย่านความเร็วต่ำ

ส่วนช่วงของการขับขี่แบบปกตินั้น เครื่องยนต์ของ CRZ จะทำงานแบบเต็มกำลัง และในช่วงของการเร่งแซง มอเตอร์ไฟฟ้าจะส่งกำลังเสริมทันทีให้กับเครื่องยนต์ เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดในการเร่งแซง และทุกครั้งผู้ขับขี่ชะลอความเร็วโดยการแตะเบรก มอเตอร์ของ CRZ จะชาร์จพลังงานไฟฟ้ากลับคืนสู่แบตเตอรี่ เพื่อกักเก็บพลังงานแล้วนำมาหมุนเวียนใช้งานในครั้งต่อไป เมื่อรถหยุดนิ่ง เครื่องยนต์จะดับลงทันที แต่ระบบปรับอากาศ เครื่องเสียง และระบบไฟฟ้าทั่วทั้งคัน ยังคงทำงานตามปกติด้วยกระแสไฟฟ้าที่ส่งมาจากแบตเตอรี่

รถ Honda CRZ แตกต่างจาก Toyota Prius ตรงที่ความไวของระบบ Auto Stop-Start เพียงแค่ผู้ขับขี่ถอนเท้าออกจากแป้นเบรก เครื่องยนต์จะสตาร์ตตัวเองติดขึ้นมาทันทีอย่างรวดเร็ว มันเร็วกว่าเจ้า Prius เล็กน้อย ซึ่งใน Prius นั้น ผู้ขับต้องแตะคันเร่งไฟฟ้าเล็กน้อยเครื่องยนต์ถึงจะติดตัวเองขึ้นมา ความว่องไวและการตอบสนองของระบบ Auto Stop-Start ใน Honda CRZ ช่วยทำให้การออกตัวจากจุดหยุดนิ่งเต็มไปด้วยประสิทธิภาพ แม้ระดับของความประหยัดจะสู้กับ Toyota Prius ไม่ได้ก็ตาม

โหมด Sport ให้ทั้งอารมณ์และความรู้สึกที่แตกต่างอย่างชัดเจน สำหรับการเร่งความเร็ว โหมด Sport ของ CRZ สามารถชักนำคนขับให้เข้าสู่อารมณ์สปอร์ตด้วยการตอบสนองของพวงมาลัย คันเร่งไฟฟ้า และระบบเกียร์ CVT ที่สามารถแปรผันอัตราทดได้ด้วยแป้นเปลี่ยนเกียร์ หรือ Paddle Shift หลังพวงมาลัย มันมีระดับให้ผู้ขับสามารถเปลี่ยนอัตราทดด้วยตัวเองมากถึง 7 สปีด ทั้งๆ ที่เป็นเกียร์สายพาน CVT แต่มีการทำงานที่คล้ายคลึงกับเกียร์ออโต้แบบ Torque Converter มันจะปรับอัตราทดทันทีที่ผู้ขับขี่กดแป้นเปลี่ยนเกียร์ ส่วนคันเร่งไฟฟ้าก็จะตอบสนองได้ไวขึ้น

ในโหมดนี้อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่ระบบคำนึงถึง มันกระชากตัวเองทันทีที่กดคันเร่งลงลึก และเพิ่มความเร็วอย่างต่อเนื่องด้วยความว่องไวโดยมอบความสนุกบนความเร็วที่เพิ่มขึ้นทันทีที่รอบเครื่องยนต์เริ่มกวาดไปยังขีด 5,000 รอบต่อนาที และไหลอย่างต่อเนื่องขึ้นไปเรื่อยๆ เมื่อกลไกของระบบวาล์วแปรผัน แบบ i-VTEC เปิดการทำงานอย่างเต็มที่ ประสานพลังในรูปของแรงบิดด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งรับกระแสไฟฟ้ามาจากแบตเตอรี่

Civic Hybrid วางเครื่องยนต์เบนซินแบบแถวเรียง 4 กระบอกสูบ ขนาด 1.5 ลิตร ปริมาตรความจุ 1,497 ซีซี ซิงเกิลโอเวอร์เฮตแคมชาร์ป (SOHC) ระบบวาล์วแปรผัน iVTEC + มอเตอร์ไฟฟ้า IMA หรือ Integrated Motor Assist จ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดอีเล็กทรอนิกส์ PGM-F1 เครื่องยนต์มีเรี่ยวแรง 91 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 132 นิวตันเมตรที่ 2,800 รอบต่อนาที ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้าเสริมแรงนั้น ให้แรงม้า 23 แรงม้า ที่ 1,546-3,000 รอบต่อนาที กับแรงบิด 106 นิวตันเมตรที่ 500-1,546 รอบต่อนาที

สำหรับเครื่องยนต์จะทำหน้าที่หลักในการขับเคลื่อนและเสริมแรงบิดด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ผ่านพลังงานจากแบตเตอรี่ที่ส่งไปยังมอเตอร์ เพื่อประสิทธิภาพในการออกตัวและจังหวะของการเร่งแซงที่ดี เมื่อขับขี่ที่ย่านความเร็วต่ำ เครื่องยนต์จะหยุดทำงาน และเข้าสู่โหมด EV Mode โดยมอเตอร์ไฟฟ้าจะเข้ามารับหน้าที่ในการขับเคลื่อนช่วงสั้นๆ ขณะที่เครื่องยนต์หยุดทำงานและเข้าสู่วงจรของ EV Mode การปล่อยมลพิษจะมีค่าเท่ากับศูนย์ สำหรับการลดความเร็ว หรือการเบรก เครื่องยนต์จะหยุดการทำงานแบบอัตโนมัติ ระบบจะนำพลังงานที่ได้จากการเบรกแปรเปลี่ยนไปเป็นพลังงานไฟฟ้า เพื่อประจุกลับคืนเข้าไปเก็บยังแบตเตอรี่ เพื่อนำมาหมุนเวียนใช้ต่อไป

เมื่อรถหยุดนิ่งสนิท เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าจะหยุดทำงานแบบอัตโนมัติ และเข้าสู่โหมด Idling Stop เพื่อลดการใช้เชื้อเพลิงโดยไม่จำเป็น และลดการปล่อย CO2 สำหรับระบบส่งกำลังใน New Civic Hybrid วางเกียร์อัตโนมัติแบบแปรผันต่อเนื่อง CVT โดยทำการฝังมอเตอร์ไฟฟ้าเสริมแรงเอาไว้ในเกียร์เหมืิอนกับรถยนต์ Hybrid ทั่วไป

1-ในช่วงออกตัว เครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง 1.5 ลิตร จะเข้ามารับหน้าที่ในการขับเคลื่อนตัวรถ และมีการเสริมแรงด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า เพื่อประสิทธิภาพในการออกตัว เนื่องจากใช้การเครื่องยนต์ที่มีขนาดเล็กและเบาเมื่อเทียบกับขนาดของตัวถัง ในจุดนี้ เมื่อขับใช้งานในเมืองที่ต้องจอดๆ วิ่งๆ ไปตลอดทาง ความคล่องแคล่วของพลังจากการประสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์กับมอเตอร์ไฟฟ้าทำใด้เหมือนกับรุ่น 1.8 ลิตร เพียงแต่ Civic 1.8 รุ่นที่ไม่มีระบบ Hybrid นั้น มีอัตราสิ้นเปลืองมากกว่า กดคันเร่งเร็วๆ รถจะพุ่งออกไปโดยไม่มีคำว่าชักช้า แม้จะคาอยู่ที่โหมด ECON ซึ่งเป็นโหมดประหยัด แต่ทุกครั้งที่ต้องการกำลัง ผู้ขับเพียงแค่กดคันเร่งลงไปให้สุด การออกตัวอย่างรวดเร็วที่เกิดขึ้นนั้น จะช่วยให้ขับใช้ในเมืองได้อย่างคล่องตัว

2-เมื่อขับขี่ด้วยความเร็วต่ำแบบคงที่ บางจังหวะเครื่องยนต์จะหยุดการทำงาน โดยมอเตอร์ไฟฟ้าเข้ามารับหน้าที่การขับเคลื่อนต่อจากเครื่องยนต์เป็นเวลาสั้นๆ เนื่องจากแบตเตอรี่ของ Civic Hybrid ไม่ได้มีขนาดใหญ่โตอะไร การเข้ามาเสริมแรงขับเคลื่อนนั้นเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ ผ่านคอมพิวเตอร์ควบคุมของระบบ Hybrid IMA ซึ่งจะทำการสั่งงานแบบต่อเนื่อง ส่วนใหญ่มอเตอร์จะรับหน้าที่คอยเสริมแรงบิดให้กับ Civic Hybrid และสามารถขับเคลื่อนตัวรถเพียงแค่ช่วงสั้นๆ เท่านั้น

3-เมื่อต้องการเร่งความเร็วเพื่อแซงรถช้า มอเตอร์ไฟฟ้า Integrated Motor Assist จะทำงานควบคู่ไปกับเครื่องยนต์ทันที แม้จะมีกำลังไฟในแบตเตอรี่ไม่มาก ระบบจะสั่งให้มอเตอร์เข้ามาช่วยเสริมแรงอย่างฉับพลัน เมื่อได้รับสัญญาณจากลิ้นปีกผีเสื้อไฟฟ้า หรือคันเร่งแบบ Drive By Wire ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเร่งความเร็ว เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร SOHC i-VTEC มีรอบสูงสุดของการทำงานที่ 5,500 รอบ โดยความเร็วของตัวรถจะค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ เป็นการเร่งในลักษณะต่อเนื่องจากระบบส่งกำลังแบบ CVT

4-ทุกครั้งที่ทำการเบรก ระบบ Hybrid IMA จะนำเอาพลังงานที่สูญสียไปขณะที่เบรกแปรเปลี่ยนมาเป็นพลังงานไฟฟ้า แล้วประจุเข้าไปที่แบตเตอรี่หลังเบาะผู้โดยสารตอนหลัง ซึ่งมีขนาดที่บางและกะทัดรัด เพื่อเก็บสำรองพลังงานไฟฟ้าไปหมุนเวียนใช้งานสำหรับมอเตอร์เสริมแรง

5-เมื่อจอดติดสัญญาณไฟจราจร หรือเมื่อผู้ขับขี่เหยียบเบรกจนรถหยุด เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าเสริมแรงจะหยุดการทำงานทันทีแบบอัตโนมัติ ระบบ Hybrid IMA จะเข้าสู่โหมด Idling Stop เพื่อลดการใช้เชื้อเพลิง ขณะที่ระบบนี้ทำงาน มลพิษที่เกิดจากเครื่องยนต์ของ Civic Hybrid จะเท่ากับศูนย์ทันที ระบบปรับอากาศดิจิตอลและระบบให้ความบันเทิง หรือจอภาพ รวมถึงระบบไฟส่องสว่างทั้งหมดของรถยังคงทำงานต่อไป

เครื่องยนต์ ของ Jazz Hybrid เป็นเครื่องยนต์แถวเรียง 4 กระบอกสูบ ปริมาตรความจุ 1.3 ลิตร หรือ 1,339 ซีซี 16 วาล์ว iVTEC ให้กำลังสูงสุด 88 แรงม้าที่ 5,800 รอบต่อนาที แรงบิด 89 ปอนด์-ฟุตที่ 4,500 รอบต่อนาที บวกมอเตอร์ไฟฟ้า IMA กำลัง 14 แรงม้ากับแรงบิดอีก 58 ปอนด์-ฟุต รวมเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าจะได้แรงม้า 102 ตัว แรงบิดรอบต่ำเกิดขึ้นตั้งแต่ 1,000 รอบต่อนาทีทำให้เป็นรถยนต์ที่ออกตัวได้อย่างรวดเร็ว อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรใน 12.1 วินาที ความเร็วสูงสุด 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติแบบสายพาน CVT ชุดควบคุม IPU มีขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา จัดวางไว้ในบริเวณพื้นที่ของห้องเก็บสัมภาระส่วนท้ายของรถ

ในส่วนรูปแบบของห้องโดยสารและการจัดวางอุปกรณ์ต่างๆ ยังคงคล้ายกับ Jazz รุ่นปกติ เครื่องยนต์ขนาด 1.3 ลิตร 88 แรงม้า เมื่อทำงานผสานไปกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลัง 14 แรงม้า ที่ 1,500 รอบต่อนาที เพียงพอและตอบสนองต่อการขับขี่ ทั้งการเดินทางในเมือง หรือการขับทางไกลได้ดี เครื่องยนต์ให้แรงบิดสูงสุด 121 นิวตันเมตร ที่ 4,500 รอบต่อนาที มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังในรูปของแรงบิดสูงสุด 78 นิวตันเมตร ที่ 1,000 รอบต่อนาที เครื่องยนต์จะรับหน้าที่หลักในการขับเคลื่อนและเสริมแรงด้วยพลังงานจากมอเตอร์ไฟฟ้า เพื่อเพิ่มเติมประสิทธิภาพในการออกตัว รวมถึงการเร่งแซง เมื่อผู้ขับขับขี่ด้วยความเร็วต่ำแบบการใช้งานภายในเมือง เครื่องยนต์จะหยุดการทำงาน และเข้าสู่โหมด EV โดยมอเตอร์ไฟฟ้าจะเข้ามารับหน้าที่ในการขับเคลื่อนแทน

ขณะที่เครื่องยนต์เข้าสู่โหมด EV จะไม่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาแม้แต่น้อย การลดความเร็ว หรือเบรก เครื่องยนต์จะหยุดการทำงานระบบจะนำพลังงานความร้อนขณะเบรกแปรเปลี่ยนมาเป็นพลังงานไฟฟ้า ส่งกลับคืนไปเก็บยังแบตเตอรี่ Hybrid เพื่อกักเก็บพลังงานไฟฟ้าไว้ใช้งานต่อไปและเมื่อทำการหยุดรถ เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าจะหยุดการทำงานโดยอัตโนมัติ โดยจะเข้าสู่โหมด Idling Stop เพื่อช่วยให้ประหยัดเชื้อเพลิงและช่วยลดมลพิษ

ทั้งนี้ เทคโนโลยี Hybrid ของ Honda Jazz ช่วยในการประหยัดเชื้อเพลิงได้ถึง 19 กิโลเมตรต่อลิตร ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เพียงแค่ 110 กรัมต่อ 1 กิโลเมตร

ระบบ Hybrid IMA ของ Honda ผสมผสานการทำงานของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า แบตเตอรี่ขนาดกะทัดรัดและเกียร์อัตโนมัติแบบแปรผันต่อเนื่อง CVT Continuously Variable Transmission ในช่วงออกตัวเครื่องยนต์ จะทำหน้าที่หลักในการขับเคลื่อนและเสริมแรงด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ช่วงการขับขี่ด้วยความเร็วต่ำ เครื่องยนต์จะหยุดการทำงานและเข้าสู่โหมด EV-Electric Vehicle Mode โดยมอเตอร์ไฟฟ้าจะรับหน้าที่ขับเคลื่อนแต่เพียงอย่างเดียว (ที่ความเร็วต่ำและระยะทางประมาณ 1-3 กิโลเมตร) ช่วงเร่งแซง มอเตอร์ไฟฟ้าจะผสานการทำงานกับเครื่องยนต์

ส่วนในระหว่างการเบรก ระบบจะนำพลังงานที่สูญเสียไปขณะเบรกมาเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้า แล้วส่งไปเก็บยังแบตเตอรี่ Hybrid เพื่อกักเก็บพลังงานไว้ใช้ต่อไป และเมื่อรถหยุดนิ่ง เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าจะปรับตัวเองเข้าสู่โหมด Auto Start-Stop โดยหยุดทำงานทันทีแบบอัตโนมัติ เพื่อช่วยประหยัดเชื้อเพลิงและลดมลพิษ

เช่นเดียวกันกับมาตรวัดของ Honda CRZ ซึ่งเป็นยนตรกรรมแบบสปอร์ต มาตรวัดของ Jazz Hybrid จะเปลี่ยนมาเป็นสีเขียวทันทีที่ผู้ขับใช้คันเร่งอย่างระมัดระวัง และจะเปลี่ยนมาเป็นสีน้ำเงินทันทีที่กดคันเร่งเพื่อแซง หรือต้องการใช้ความเร็ว จอแสดงผล MID หรือ Multi Information Display จะแสดงรูปสัญลักษณ์ดอกไม้ หากขับแบบเรื่อยๆ โดยไม่ใช้คันเร่งอย่างต่อเนื่อง แม้มันจะมีเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าเหมือนกันกับรุ่น Insight แต่รถ Jazz Hybrid ให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป มันทำตัวได้เหมาะสมกับการเป็นรถยนต์ของคนเมือง จากการวิ่งด้วยไฟฟ้าเพียวๆ ที่ไร้เสียงและมลพิษ

รถ Hybrid ของ Honda ทุกรุ่นนั้น มีการรับประกันระบบการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้า อุปกรณ์ควบคุม และแบตเตอรี่ Hybrid รวมถึงสายไฟของ Hybrid System โดยรับประกันทั้งระบบ เป็นระยะเวลานาน 5 ปี แบบไม่จำกัดระยะทางของการใช้งานอีกด้วย.

อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail [email protected]
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom