แคสเปอร์สกี้ แลป เผยพ่อแม่กว่า 18% เสี่ยงสูญเงินและข้อมูล หลังจากละเลยลูกในช่วงเล่นอินเทอร์เน็ต ทั้งถูกลบข้อมูลสำคัญโดยไม่ตั้งใจ เสียเงินผ่านบัตรเครดิตจากการสั่งซื้อแอพพลิเคชั่นแบบไม่รู้ตัว...
เมื่อเร็วๆ นี้ แคสเปอร์สกี้ แลป ได้เปิดเผยผลการสำรวจ "Security in a multi-device world: the customer’s point of view" ซึ่งแคสเปอร์สกี้ แลป ร่วมกับบีทูบี อินเตอร์เนชั่นแนล โดยระบุว่า มีพ่อแม่เกือบ 1 ใน 5 ต้องสูญเงินและข้อมูลส่วนบุคคลสำคัญ เนื่องจากปล่อยให้เด็กใช้คอมพิวเตอร์ที่ขาดการดูแลจากผู้ปกครอง อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน การใช้งานอินเทอร์เน็ตนั้นกลายเป็นเรื่องง่ายไร้ขอบเขต เนื่องจากสามารถเข้าถึงได้ทั้งทางคอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ก แท็บเล็ต และสมาร์ทโฟน ซึ่งเว็บไซต์ต่างๆ นั้นก็มีทั้งที่เหมาะสมและไม่เหมาะสมกับเยาวชน รวมถึงเว็บไซต์ที่เป็นภัยคุกคาม
ทั้งนี้ ผลสำรวจระบุว่าในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา พ่อแม่จำนวน 27% กลัวว่าเยาวชนจะมีความเสี่ยงในการเล่นอินเทอร์เน็ต โดยมี 11% ระบุว่าลูกหลานของตนเข้าดูเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาไม่เหมาะสม และ 7% ระบุว่าลูกหลานพูดคุยออนไลน์กับคนแปลกหน้า นอกจากนี้ พ่อแม่จำนวน 10% แจ้งว่าลูกๆ ได้เผลอลบข้อมูลสำคัญขณะใช้คอมพิวเตอร์ ขณะที่ เด็กจำนวน 5% ก็แชร์ข้อมูลของพ่อแม่ลงระบบออนไลน์โดยไม่เจตนา ขณะเดียวกันยังมีผู้ปกครองยังออกมายอมรับว่า เจอบิลเรียกเก็บเงินที่ลูกสั่งซื้อแอพพลิเคชั่นจาก App Store ผ่านบัตรเครดิตของพ่อแม่ ทำให้โดยสรุป พบครอบครัวที่ร่วมสำรวจกว่า 18% ที่ระบุว่าสูญทั้งเงินและข้อมูลจากการใช้อินเทอร์เน็ตของเยาวชนในบ้าน
จิมมี่ ฟง ผู้อำนวยการด้านช่องทางการจัดจำหน่าย แคสเปอร์สกี้ แลป เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า ผลการสำรวจดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าทุกคนในครอบครัวล้วนตกอยู่ในความเสี่ยงจากการใช้อินเทอร์เน็ตร่วมกัน จึงจำเป็นต้องมีมาตรการป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ทั้งนี้ แคสเปอร์สกี้ แลปได้พัฒนาฟังก์ชั่น Parental Control ในผลิตภัณฑ์ Kaspersky Internet Security สำหรับวินโดวส์ และ Kaspersky Internet Security for Mac สำหรับเครื่องแมค โดยเน้นฟังก์ชั่นการใช้งานง่าย พร้อมมาตรการเพื่อความปลอดภัยสำหรับเด็กและเยาวชน
สำหรับฟีเจอร์หลักของ Parental Control ได้แก่ ความสามารถในการบล็อกเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาไม่เหมาะสม และลบรายชื่อเว็บออกจากผลการค้นหาผ่านเสิร์จเอ็นจิ้น ขณะเดียวกันยังจำกัดการโพสต์ข้อมูลลงในเว็บไซต์และโซเชียลเน็ตเวิร์ก พร้อมตั้งเวลาเปิด-ปิด เพื่อกำหนดระยะเวลาการใช้งานอินเทอร์เน็ตและคอมพิวเตอร์ได้ ควบคู่กับการกำหนดชนิดและประเภทของเกม กำหนดช่วงเวลาที่อนุญาตให้เล่นเกม รวมถึงเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาไม่เหมาะสม หรือจะกำหนดค่ามาตรฐานของเว็บไซต์ที่เหมาะสมสำหรับเด็กแต่ละวัย.
