เปิดศักราชใหม่ ท่องเที่ยวที่ไหน ในวันแรกของปี
 


เปิดศักราชใหม่ ท่องเที่ยวที่ไหน ในวันแรกของปี


 เปิดศักราชใหม่ ท่องเที่ยวที่ไหน ในวันแรกของปี

โดย ทีมข่าวภูมิภาค

 
เปิดศักราชใหม่ ปี 2557 สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงาม ยังคงได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเดินทางไปท่องเที่ยวและพักผ่อนอย่างเนืองแน่น หลังจากเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานมาตลอดทั้งปี โดยหลายพื้นที่มีกิจกรรมการจัดงานเทศกาลต้อนรับศักราชใหม่ ขณะที่บางจังหวัดมีแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ เริ่มมีประชาชนเดินทางเข้าไปเที่ยวชมกันมากขึ้่น


แอ่ว"เจียงฮาย"-ชมดอกไม้เมืองหนาว


พื้นที่ทางภาคเหนือยังคงเป็นเป้าหมายของหลายๆ คน มีประชาชนนิยมเดินทางขึ้นไปท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ก่อนสิ้นปีต่อเนื่องถึงปีใหม่ เพื่อสัมผัสอากาศหนาวเย็นในช่วงฤดูหนาว โดยเฉพาะปีนี้สภาพอากาศหนาวเย็นกว่าทุกปีที่ผ่านมา เกิดปรากฏการณ์แม่คะนิ้งให้ชมอย่างจุใจ ทั้งยังเป็นช่วงที่ดอกไม้เมืองหนาวผลิดอกออกช่อสวยงาม


จ.เชียงราย เหนือสุดแดนสยาม ถือเป็นเมืองแห่งดอกไม้เมืองหนาวที่ขึ้นชื่อ ที่มีการจัดการแสดงดอกไม้เมืองหนาวเป็นเทศกาลประจำปีไปแล้ว สำหรับปีนี้มี 2 หน่วยงานหลักจัดงาน โดยเทศบาลนครเชียงราย เนรมิตสวนตุง และโคมเฉลิมพระเกียรติ บนถนนธนาลัย ต.เวียง อ.เมืองเชียงราย เป็นอุทยานแห่งดอกไม้ พื้นที่ 6 ไร่ โดยจัดแสดงดอกเมืองหนาวนานาพันธุ์นับแสนดอก ประดับประดาเต็มพื้นที่ ทั้งตกแต่งต้นไฟรูปดอกไม้ออกมาอย่างสวยงาม ไฮไลต์เป็นซุ้มประตูหัวใจบริเวณทางเข้า กำแพงดอกกล้วยไม้หลากหลายชนิดสูงกว่า 4 เมตร และกีตาร์ดอกไม้ขนาดยักษ์ ที่ขาดไม่ได้คือ แปลงดอกทิวลิปและลิลลี่ โดยเปิดให้ประชาชนเข้าชม ถ่ายภาพกันอย่างจุใจ ตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม - 20 มกราคม


อบจ.เชียงราย จัดงาน "มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2013" บนพื้นที่สวนไม้งามกว่า 20 ไร่ ริมน้ำกก ต.ริมกก อ.เมือง จ.เชียงราย ตกแต่งเป็นสวนดอกไม้เมืองหนาวกว่า 100 สายพันธุ์ บางชนิดเป็นพันธุ์ใหม่ เช่น ดอกรักแรกหน้าทารก ทิวลิปทูโทน ที่มี 2 สีในดอกเดียว หรือลิลลี่เตี้ยมีกลิ่นหอม ซึ่งห้อมล้อมพันธุ์ไม้ตัดไม้เลื้อย รวมทั้งจัดพื้นที่เป็นมุมถ่ายภาพที่สวยงามอีกหลายจุด ทั้งน้ำพุขนาดใหญ่กลางน้ำ นาฬิกาดอกไม้ สวนสัตว์มินิซู หมู่บ้านหิมะ นอกจากนี้มีจัดเวทีกลางน้ำ ซึ่งมีการแสดงประวัติเมืองเชียงราย เทิดพระเกียรติสมเด็จย่า และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ "ข่วงวัฒนธรรม" ซึ่งจำลองวิถีชนเผ่าต่างๆ การแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านของชาวเชียงรายและกลุ่มชาติพันธุ์


ย่ำเท้าทอดน่อง"ถนนนั่งยอง-ทองผาภูมิ"


พื้นที่ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ปีนี้ยังคงมีกิจกรรมสนุกๆ รับเทศกาลปีใหม่ โดยเทศบาลตำบลทองผาภูมิ ร่วมกับชุมชนวังท่าขนุน ชุมชนริมฝั่งแควน้อย และชุมชนพัฒนาทองผาภูมิ จัดงาน "ถนนนั่งยองทองผาภูมิ" ระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2556 - 1 มกราคม 2557 บริเวณถนนบุษปวณิช (ซอยธรรมะ) ในตลาดเทศบาลฯ


กิจกรรม "ถนนนั่งยองทองผาภูมิ" จำลองรูปแบบวิถีชีวิตดั้งเดิมของชาวตำบลท่าขนุน จัดนิทรรศการประวัติศาสตร์ของอำเภอทองผาภูมิ จำหน่ายสินค้าพื้นเมือง อาหารเอกลักษณ์ของชาวทองผาภูมิ เช่น ขนมทองโย๊ะ ขนมมงคล และอาหารว่างของชาวกะเหรี่ยง, การแสดงดนตรี วัฒนธรรมชนเผ่า การละเล่นพื้นบ้าน รวมทั้งช่วงเช้าวันที่ 1 มกราคม มีพิธีทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งแด่พระภิกษุสงฆ์ เพื่อความเป็นสิริมงคลต้อนรับศักราชใหม่ 2557
 

ในช่วงปีใหม่ สภาพอากาศในพื้นที่ค่อนข้างเย็นสบาย ทั้งมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงาม ช่วงเช้ามีสายหมอกปกคลุมทุกพื้นที่ นักท่องเที่ยวนอกจากเข้าชมธรรมชาติ เช่น เนินช้างศึก ต.ปิล๊อก จุดชมวิวที่สวยงาม เนินเสาธง จุดชมวิวชายแดนไทย-พม่า ที่มองเห็นธงไทยและธงพม่า ซึ่งปักแบ่งเขตแดนของสองประเทศ ที่มองเห็นทิวทัศน์ฝั่งประเทศพม่าในมุมกว้างมีผืนป่าอันเขียวขจี สถานีส่งแก๊สที่ ปตท.นำมาจากยาดานาในทะเลอันดามัน


ในช่วงเดียวกัน ที่ อ.สังขละบุรี มีกิจกรรม "ถนนคนเดิน สังขละบุรี" โดยอำเภอสังขละบุรี ร่วมกับ เทศบาลตำบลวังกะ และชาวอำเภอสังขละบุรี ร่วมกันจัดงานขึ้นบนถนนหน้า โรงพยาบาลสังขละบุรี ถึง ถนนหน้าโรงเรียนอุดมสิทธิศึกษา เน้นส่งเสริมการท่องเที่ยว กิน ช็อป บริเวณแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ในงานมีการจำหน่ายสินค้าผลิตผลทางการเกษตร และผลิตภัณฑ์ชุมชนจาก 20 หมู่บ้าน กว่า 200 ร้าน มีการแสดงทางวัฒนธรรมของชนเผ่ากลุ่มชาติพันธ์ในอำเภอสังขละบุรี ทั้งมอญ กะเหรี่ยง พม่า


นอกจากนี้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมสะพานอุตตมานุสรณ์ หรือสะพานไม้ (สะพานมอญ) ข้ามแม่น้ำซองกาเลีย ยาว 850 เมตร เชื่อมต่อหมู่บ้านชาวมอญ หรือบ้านวังกะ หมู่ 2 และบ้านไหล่น้ำ หมู่ 3 ต.หนองลู ซึ่งถูกกระแสน้ำพัดขาดเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2556 เป็นข่าวโด่งดัง ปัจจุบันยังไม่สามารถซ่อมแซมสะพานให้กลับสู่สภาพเดิมได้ เนื่องจากระดับน้ำยังสูง แต่มีสะพานลูกบวบข้ามแม่น้ำซองกาเลียซึ่งชาวบ้านและหน่วยงานต่างๆ ร่วมกันสร้างขึ้นใช้ทดแทน ปัจจุบัน นักท่องเที่ยวจำนวนมากนิยมถ่ายภาพเป็นที่ระลึก รวมทั้งสามารถล่องเรือสักการะพระอุโบสถ์ วัดวังก์วิเวการามหลังเก่าของพระราชอุดมมงคล หรือหลวงพ่ออุตตมะ อดีตเจ้าอาวาสวัดวังก์วิเวการาม ที่จมอยู่ใต้น้ำ เยี่ยมชมความงามของเจดีย์พุทธคยา กราบสรีระหลวงพ่ออุตตมะที่บรรจุในปราสาทเก้ายอด


เดินสายเที่ยววันเดียว 4 จุดที่ราชบุรี


ที่จ.ราชบุรี มี "ฟลาวเวอร์แลนด์ดินแดนภาพ 3 มิติ" แหล่งท่องเที่ยวของเอกชนแห่งใหม่ กำลังได้รับความนิยมจากประชาชนไม่น้อย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวกลุ่มครอบครัว


ฟลาวเวอร์แลนด์ ตั้งอยู่พื้นที่ 25 ไร่ หมู่ 5 ต.วัดแก้ว อ.บางแพ จ.ราชบุรี ภายในจัดแสดงภาพวาด 3 มิติ หลากประเภท ทั้งสัตว์นานาชนิด เปิดให้ถ่ายภาพหลากหลายอารมณ์ ทั้งตื่นเต้น ดีใจ ตื่นกลัว และ สนุกสนาน เช่น รถสภาพเก่าที่นำปรับปรุง และติดตั้งกับภาพเสมือนรถพุ่งออกมาจากกำแพง มีภาพไดโนเสาร์ไล่นักท่องเที่ยว ภาพหมีแพนด้าเกาะหลัง ภาพกระดานโต้คลื่น ซึ่งได้รับความสนใจจากเด็กๆไม่น้อย รวมทั้งกิจกรรมให้อาหารแกะ แพะ
 

"ฟลาวเวอร์แลนด์" ตั้งอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ เดินทางสะดวก ใช้เส้นทางถนนเพชรเกษม ผ่านจังหวัดนครปฐม เลี้ยวซ้ายตามถนนหน้าเทศบาลตําบลบ้านสิงห์ อ.โพธาราม - วัดแก้ว ตรงไปประมาณ 7 กิโลเมตร จะถึง "ฟลาวเวอร์แลนด์" ห่างกันประมาณ 600 เมตร ก่อนถึง "ฟลาวเวอร์แลนด์" สามารถเที่ยวชม "สุนทรีแลนด์แดนตุ๊กตา" แหล่งรวบรวมตุ๊กตาผ้าผลิตนานาชนิดฝีมือชาวบ้าน นอกจากนี้มี "อุทยานกล้วยไม้ หรือเดอะบลูมส์ ออร์คิดปาร์ค" แหล่งไม้ยืนต้นหาชมยาก และกล้วยไม้หลากสายพันธุ์สีสันสวยงาม โดยเฉพาะกล้วยไม้ตระกูลช้างกำลังผลิดอกบานอวดโฉม ท่ามกลางบรรยากาศร่มเย็นในพื้นที่ป่า ซึ่งอยู่ห่างกันไม่ถึง 3 กิโลเมตร และ "หุ่นขี้ผึ้งสยาม" ซึ่งแสดงวัฒนธรรมไทย 4 ภาค ประวัติบุคคลสําคัญของชาติ ในสวนป่าที่ร่มรื่น เพียงวันเดียว นักท่องเที่ยวสามารถแวะชมได้ถึง 4 แห่งในเส้นทางเดียวกัน


เยือน"เกาะงูจงอาง"กลางเขื่อนกระเสียว


"เกาะงูจงอาง" เป็นเกาะที่มีความสวยงามที่สุด ในจำนวนหมู่เกาะทั้ง 3 เกาะ ที่โผล่พ้นน้ำในเขื่อนกระเสียว อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี ในฤดูแล้ง เกาะงูจงอางมีเนื้อประมาณ 10 ไร่ มีหาดทรายขาว และน้ำล้อมรอบ แต่ช่วงฤดูฝนจะเหลือพื้นที่ ประมาณ 2 ไร่ เหตุที่ชื่อ "เกาะงูจงอาง" เนื่องจากในอดีต บนเกาะมีงูจงอางจำนวนมหาศาลอาศัยอยู่ เพราะเกาะนี้มีความสงบเงียบ จึงเป็นที่อาศัยของงูและสัตว์บก สัตว์น้ำ ปัจจุบันช่วงฤดูแล้ง จะมีชาวบ้านและนักท่องเที่ยวเข้าไปพักผ่อน เล่นน้ำ เนื่องจากมีหาดทรายน้ำจืดที่ขาวสะอาดและละเอียด


นายวิศรุต อินแหยม ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานสุพรรณบุรี บอกว่า พื้นที่เกาะงูจงอาง ทั้งหมดเป็นป่าไผ่ที่ยังอุดมสมบูรณ์ บริเวณโดยรอบ มีหมู่บ้านชาวประมงเลี้ยงปลากระชังอาศัยอยู่บ้าง ในช่วงฤดูฝนชาวบ้านจะออกหาปลาและแวะพัก ซึ่งเกาะงูจงอางจะเหลือพื้นที่เพียง 2 ไร่ และช่วงเดือนเมษายน หรือฤดูแล้ง ซึ่งน้ำแห้งลง จะมีพื้นที่เพิ่มขึ้นถึง 10 ไร่ โดยส่วนหนึ่งเป็นหาดทรายรอบเกาะ ในอนาคตเตรียมเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวยั่งยืน ให้เข้าชมความงดงามของธรรมชาติ


"เกาะงูจงอาง ตั้งอยู่กึ่งกลางของเขื่อนกระเสียวพอดี เป็นมุมที่สามารถถ่ายภาพเห็นเขื่อนทั้ง 2 ด้าน นับว่าเป็นอันซีนของจังหวัดสุพรรณบุรี ยังสามารถชมความงามของแสงพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า และแสงพระอาทิตย์ยามลับขอบฟ้าได้ เพราะเกาะเป็นรูปวงกลม เกาะแห่งนี้ เป็นจุดที่มีลมแรงตลอดทั้งวันตั้งแต่เช้าจรดเย็น อากาศเย็นสบาย ทิวทัศน์จะระยิบระยับไปด้วยคลื่นน้ำลูกเล็กลูกใหญ่รอบเกาะสลับกันตามแรงและทิศทางของลม การเดินทางสามารถเดินทางด้วยเรือใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ส่วนฤดูแล้งสามารถนำรถยนต์เข้าไปได้ถึงเกาะ โดยเฉพาะรถขับเคลื่อนสี่ล้อ ขณะนี้เตรียมพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวชมหมู่เกาะต่างๆที่กว่า 3 เกาะ รวมทั้งจัดโปรแกรมท่องเที่ยวกิจกรรมฤดูร้อน "หน้าร้อน นอนแช่น้ำ เขื่อนกระเสียว" โดยจะเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเต็มรูปแบบ


สัมผัสทะเลหมอก "ฟูจิเมืองเลย"


ภูป่าเปาะตั้งอยู่ที่ บ้านผาหวาย หมู่ 3 ต.ปวนพุ อ.หนองหิน จ.เลย สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 910 เมตร ห่างตัวอำเภอ 21 กิโลเมตร ห่างจากสวนหินผางาม (คุนหมิงเมืองไทย) 5 กิโลเมตร


"บุญลือ พรหมหาลา" ผู้ใหญ่บ้านผาหวาย ผู้บุกเบิกภูเป่าเปาะ บอกว่า ภูป่าเปาะเดิมเป็นป่าสงวนแห่งชาติ ป่าภูค้อ ภูกระแต ต่อมาถูกชาวบ้านบุกรุกเข้าทำกิน ทำให้เกิดปัญหาระหว่างชาวบ้านกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่ดูแลเป็นประจำ จึงไปปรึกษากับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ผู้รับผิดชอบว่าจะขอทำเป็นแหล่งท่องเที่ยว เพื่อแก้ปัญหาการบุกรุก ซึ่งกรมป่าไม้อนุญาต จึงเริ่มดำเนินการโดยหางบประมาณเพื่อสร้างทางขึ้นภู ห้องน้ำ และจุดชมวิวบนภูป่าเปาะ ปัจจุบัน นักท่องเที่ยวรู้จักมากขึ้นและชาวบ้านผาหวายให้ความร่วมมือในการอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว โดยร่วมกันนำรถสำหรับการเกษตรมาดัดแปลงรับนักท่องเที่ยวเดินทางขึ้นไปชมความสวยงามบนภูป่าเปาะ ราคาคนละ 60 บาท เมื่อชาวบ้านเริ่มมีรายได้จากการขายสินค้า ขายอาหาร และให้บริการขับรถรับ-ส่งนักท่องเที่ยว ทำให้หันมาอนุรักษ์ หวงแหนผืนป่า และเข้าร่วมกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ทำฝายชะลอน้ำบนภู รวมทั้งปลูกป่าทดแทนเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งป็นการเพิ่มป่า ส่งผลให้รุกป่าจะค่อยหมดไป


"จุดเด่นของภูป่าเปาะ คือ สามารถมองเห็นทัศนียภาพที่ชัดเจน สวยงาม ชมได้ในมุม 360 องศา 6 จังหวัด คือ มองเห็นอุทยานแห่งชาติภูผาม่าน จ.ขอนแก่น ชัยภูมิ เพชรบูรณ์ พิษณุโลก, อุทยานแห่งชาติภูเรือ ภูหอ ภูหลวง ภูกระดึง ภูค้อ-ภูกระแต จ.เลย และถ้ำเอราวัณ จ.หนองบัวลำภู นอกจากนี้ได้ชมทะเลหมอกบนยอดเขา เหมือนภูเขาไฟฟูจิ ของประเทศญี่ปุ่น ทำให้มีการเรียกชื่อภูป่าเปาะอีกชื่อว่า "ภูเขาไฟฟูจิเมืองเลย" ในช่วงเย็น มีเย็นสบาย และในยามเช้า มีเมฆลอยต่ำตามภูเขา-หุบเขา อากาศเย็นสบาย-หนาว แม้ในฤดูฝน ส่วนในฤดูหนาว อากาศจะหนาวเย็น น้ำค้างลงหนา และหมอกหนาปกคลุมขาวโพลนทั่วภูป่าเปาะ นักท่องเที่ยวสามารถชมดวงอาทิตย์ขึ้นและตก ที่สวยงามได้อย่างชัดเจน ด้านที่พักสำหรับนักท่องเที่ยวสามารถกางเต็นท์นอนค้าง คืนบนภูได้ แต่สถานที่จำมีจำกัด และจัดให้มี อพปร.คอยดูแลความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว นอกจากนี้มีรีสอร์ตด้านล่าง ส่วนในพื้นที่ใกล้เคียง มีสวนหินผางาม หรือบริเวณรอบคุณหมิงเมืองไทย แหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามอีกแห่งหนึ่ง"


ส่วนใครอยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยวจุดไหน สามารถแวะชมความงาม สัมผัสแสงแรกแห่งศักราชใหม่ ส่วนนักท่องเที่ยวที่ต้องการขึ้นไปชมภูป่าเปาะ สอบถามข้อมูลล่วงหน้าจาก "ผู้ใหญ่บุญลือ พรมหาลา" โทร.08-9764-6829 และ ททท. สำนักงานเลย 042-812812 เพื่อความสะดวกในการเดินทาง

หน้า 7

 

หนังสือพิมพ์มติชน หน้า 8 ฉบับวันที่ 1 มกราคม 2556

 



// //

Copyright (c) 2010 munjeed.com All rights reserved.