ศิษย์เอกหลวงปู่เฒ่าเกวาลัน แห่งเทือกเขาหิมาลัย หรือโหรคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (โหร คมช.)

ได้เปิดนิมิตดูดวงประเทศในปี 2557 ว่า ประเทศไทยคงต้องมีการสังคายนา เหมือนอย่างที่หลายๆ กลุ่มต้องการให้มีการสมานฉันท์ โดยรัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม คงจะอยู่อีกสักระยะและจะหมดหน้าที่ไป เพื่อให้ประเทศกลับมาเริ่มต้นกันใหม่ ตามที่ได้ดูตามจิตของหลวงปูเกวาลัน โดยภาพแรกได้เห็นควานวุ่นวายในบ้านเมือง อาจต้องมีจุดเปลี่ยนอีกครั้ง โดยมีอัศวินม้าขาวเข้ามาช่วยให้เหตุการณ์ต่างๆ นั้นคลี่คลาย เป็นตัวกลางช่วยไกล่เกลี่ยปัญหาของชาติบ้านเมือง ให้ประเทศกลับคืนสู่ความสงบของชาติบ้านเมือง ซึ่งภาพที่เห็นนั้นเหมือนว่าการปกครองของประเทศนั้นจะนำความร่มเย็นคืนสู่บ้านเมือง แต่ไม่ใช่ระบอบของผู้ใด เป็นที่พอใจของทุกฝ่าย เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยตามที่คนส่วนใหญ่ต้องการ อำนาจต่างๆ จะถูกกระจายไปโดยไม่รวมอยู่ที่จุดเดียว กลุ่มเดียว เหมือนที่ผ่านมา แต่กว่าจะเกิดตรงนี้ผมก็เห็นภาพความวุ่นวายเกิดขึ้นซึ่งผมกังวลในเรื่องนี้

ทั้งนี้ ในปี 2557 ผมยังกังวลว่าจะมีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้น เพราะยังมีกลุ่มที่เห็นด้วย และกลุ่มที่ไม่เห็นด้วย ผมอยากชี้แนะในเรื่องปัญหาที่เกิดขึ้นว่า หากจะให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยดีควรต้องหันหน้าเข้าหากัน มีการพูดคุยกันเพื่อให้เกิดความสมัครสมานสามัคคีของชาติบ้านเมือง อยากให้ตรงนี้เป็นทางออก เพราะเราเชื่อในเรื่องของศาสตร์ต่างๆ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในเรื่องบุญบารมีที่ได้ร่วมทำกันในชาติหนึ่ง เช่น ข่วงพระเจ้าล้านนา (พุทธมณฑลลานนา) บริเวณอ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ที่ได้จัดสร้างและมอบให้กับแผ่นดิน เป็นส่วนหนึ่งที่บรรเทาในเรื่องของกรรมของประเทศในระดับหนึ่ง เป็นบุญที่ช่วยค้ำประเทศ แต่กรรมของชาติบ้านเมืองอาจจะเกิดเหตุการณ์ขึ้นและน่าเป็นครั้งสุท้าย และความร่มเย็นจะกลับมา อำนาจจะเป็นของปวงชนชาวไทย อำนาจการบริหาร ตุลาการ นิติบัญญัติ จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม ช่วยประคับประคองให้บ้านเมืองเดินต่อไปได้ และทุกอย่างจะค่อยๆ ดีขึ้น

วันนี้บ้านเมืองยังมีเคราะห์กรรม เป็นสิ่งที่ผมยังกังวล เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นนี้เกิดจากนักการเมืองบางคนทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย แต่เมื่อผ่านพ้นวิกฤตไปทุกอย่างน่าจะดีขึ้น หากมีการเจรจาและตกลงกันได้ เหตุการณ์ก็จะไม่เกิด แต่เมื่อดูในนิมิตแล้ว ยังไม่มีการเจรจาที่ลงตัวเพราะบางคนไม่ยอมกัน คงต้องรอคนกลาง คือ อัศวินม้าขาวที่เข้ามาเป็นคนกลางจะเป็นทหาร หรือบุคคลใดนั้น ขอให้ได้ภาพนิมิตที่ชัดเจนก่อน แต่อัศวินม้าขาวคนนี้จะเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย ทั้งหน้าที่การงานบารมี สามารถช่วยไกล่เกลี่ย เป็นคนกลางในการปฏิรูปบ้านเมือง ภายหลังการปฏิรูปในปี 2557 และปี 2558 ทุกอย่างจะดีขึ้น

อาจารย์ภิญโญ พงศ์เจริญ

นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติและประธานสภาโหราจารย์ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม

ทำนายว่า ดวงกรุงรัตนโกสินทร์ หลังจากวันที่ 21 เมษายน 2557 จะย่างสู่ปีที่ 233 ดาวสำคัญๆ โคจรเคลื่อนที่หลายดวง เช่น ดาวอังคาร ดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ และราหู ทำให้ช่วงต้นปีจะไม่ค่อยดี มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งจะคลี่คลายในช่วงกลางปี แต่จะให้มั่นใจได้ก็ต้องรอให้ดาวเสาร์ย้ายในช่วงปลายปี โดยดาวพฤหัสบดีมีอิทธิพล คือ คุ้มครองดวงเมือง

ดาวพฤหัสบดี ช่วงแรกต้นปีถึง 16 มิถุนายน 2557 ดาวพฤหัสอยู่ราศีเมถุน มาตรฐานไม่ค่อยดี หมายถึง ผู้ใหญ่ในบ้านเมือง กฎหมาย หรือร่างกฎหมายมีปัญหา แต่เมื่อโคจรมาอยู่ในราศีกรกฎ ได้มาตรฐานเป็น "มหาอุจจ์" ในภพที่ 4 ของดวงเมืองเป็น "ปทุมเกณฑ์" ซึ่งส่งผลดี โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 16 มิถุนายน-กรกฎาคม 2557 จะเริ่มทำให้สถานการณ์ด้านต่างๆ ดีขึ้น อาทิ 1.ด้านการเมืองจะเริ่มดีและคลี่คลายขึ้น 2.ด้านศาสนา จะมีการสถาปนาบุคคลสำคัญๆ เข้าดำรงตำแหน่งในวงการศาสนา 3.ด้านความสัมพันธ์กับประเทศแดนไกลจะดีขึ้น การท่องเที่ยวก็จะดีขึ้น 4.ด้านการศึกษา ได้รับการพัฒนาปรับปรุงทั้งเรื่องวิชาการ หลักสูตร การเรียนการสอน ให้ดีขึ้น

ดวงเมืองช่วงต้นปีจะไม่ค่อยดี เพราะดาวเสาร์กับราหูเล็งลักขณาดวงเมือง จุดตรงนี้เรียกว่า จุดพินทุบาทว์ หมายถึง จุดเสีย จุดแตก เพราะฉะนั้นจะทำให้ดวงเมืองร้าว ซึ่งมีมาตั้งแต่ปลายปี 2555-2556 และในขณะนี้ก็ยังเล็งอยู่ โดยกว่าราหูจะเคลื่อนตัวก็คงจะเป็นช่วงเดือนมิถุนายน 2557 นับตั้งแต่สร้างกรุงเทพฯมา ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ที่ดาวเสาร์กับราหูโคจรสวนกันมาตรงราศีตุลย์ ต้องใช้เวลาพอสมควรที่จะทำให้คลายตัว เมื่อคลายตัวก็จะทำให้ปัญหาต่างๆ คลี่คลาย ซึ่งจะวางใจได้จริงๆช่วงวันที่ 26 พฤศจิกายน 2557 อย่างไรก็ตาม เมื่อมีดวงดาวมีการเคลื่อนย้ายแล้ว ก็จะมีปัญหาอื่นๆ เช่น เมื่อราหู ย้ายเข้าราศีกันต์ หรือจะไปเล็งดาวสำคัญในดวงเมือง เช่น ดาวศุกร์ ดาวพุธ และเล็งราหูเดิม ส่งอิทธิพล ให้ดาวทั้ง 3 ดวง โดยเฉพาะดาวศุกร์ เป็นเจ้าเรือนที่ 2 ของดวงเมือง ถือเป็นดาวเศรษฐกิจ การเงิน การคลัง ดังนั้นจะส่งผลกระทบให้เกิดปัญหาทางเศรษฐกิจ ลีลาปี 2557-2558 ราหูอยู่ราศีกันต์ ดาวเสาร์อยู่ราศีพิจิก และดาวมฤตยูจะอยู่ตรงราศีมีนจะทำให้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ ปี 2557-2558 นี้ลึกลับซับซ้อนมาก นอกจากนี้ผลจากดาวพฤหัสบดีก็จะทำให้ความรุนแรงของวิกฤตทางเศรษฐกิจของประเทศ ในปี 2557-2558 น่าจะอึมครึม กัดกร่อน เนิ่นนาน ลึกลับซับซ้อน

ต่อมาคือ ดาวเสาร์ เป็นเจ้าเรือนที่ 10 ของดวงเมือง โหรไทยเรียก กัมมะ แปลว่า การงาน หรือการบริหารราชการแผ่นดิน นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี เป็นต้น เพราะฉะนั้นจะเห็นว่า พระเสาร์กับพระราหูโคจรมากุมกันในราศีตุลย์ เกิดการสุมหัวกัน ช่วยกัน จะเกิดการเลี่ยนแปลงประเทศ ที่ทำให้ดวงเมืองร้าวและแตก ประชาชนจะออกมาคัดค้าน ดังได้เห็นในช่วงที่ผ่านมา เป็นลีลาของดาวเสาร์และราหู ซึ่งกินมาตั้งแต่ปลายปี "55 และจะกินเวลาไปถึงปี "57 ราหูเป็นเจ้าเรือนที่ 11 ซึ่งในที่นี้หมายถึงรัฐสภา เพราะฉะนั้น ดาวเสาร์กับราหูสุมหัวกัน หมายถึงรัฐบาลและรัฐสภาสุมหัวกันออกกฎหมายเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศนั่นเอง เมื่อดาวเสาร์ย้ายในช่วงปลายปี 2557 โดยย้ายเข้าราศีพิจิก ถือเป็นภพมรณะของดวงเมือง ฉะนั้นคณะผู้บริหารราชการแผ่นดิน คณะรัฐมนตรี ย้ายเข้าภพมรณะ จะเกิดการเปลี่ยนแปลง อาจะเกิดรัฐบาลเฉพาะกิจ ชั่วคราว เพื่อแก้ปัญหาบ้านเมือง และดาวเสาร์เป็นดาวที่โคจรช้า ทำให้กิจการที่เกี่ยวกับดาวเสาร์ ล่าช้า ยกเลิก หรือเปลี่ยนแปลง เพราะฉะนั้นการบริหารราชการแผ่นดินหรือการงานต่างๆ ก็ปรับเปลี่ยน แปรสภาพ และโครงการใหญ่ๆ เช่น รถไฟความเร็วสูง หรือบางโครงการอาจสะดุด ทำไม่ได้ ต้องใช้เวลา ยืดเวลา

สำหรับ ดาวอังคาร ถือเป็นดาวเกี่ยวกับ อุบัติเหตุเพศภัย กองทัพ การใช้กำลัง ซึ่งปี 2557 โคจรวิปริตมาก ทำให้อุบัติเหตุเพศภัยมีมาก โดยตั้งแต่ 16 กุมภาพันธ์ - 14 มิถุนายน 2557 ดาวอังคารจะถอยหลังอยู่ตรงราศีตุลย์กับราศีกันต์ ห้วงเวลานี้ อุบัติเหตุเพศภัย การปะทะ ความรุนแรง การใช้กำลังและอารมณ์ของคนจะมีมาก โดยเฉพาะปลายเดือนมิถุนายนกับเดือนกรกฎาคมจะเกิดอุบัติเหตุชุก ความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อบ้าน การปะทะ และโรคภัยไข้เจ็บ และตอนปลายปี คือ ช่วง 25 พฤศจิกายน 2557 - ต้นปี 2558 เป็นช่วงที่อาจจะมีภัยธรรมชาติ หรือภัยจากคนก่อให้เกิดการใช้อารมณ์ที่รุนแรงได้

สิ่งที่อยากจะฝาก คือ การประพฤติ ปฏิบัติ และการที่จะดำเนินชีวิตเพื่อประเทศชาติท่ามกลางวิกฤตความขัดแย้งในปัจจุบัน โดยการกระทำของคนนั้น ถ้ามันออกมาจากจิตใจที่ดี หรือทำสิ่งที่ดีๆ อดีตจะเป็นรากฐานของปัจจุบัน ปัจจุบันจะเป็นรากฐานของอนาคต ดังนั้นถ้าเริ่มสิ่งดีตั้งแต่บัดนี้ เป็นเริ่มต้นก็จะส่งผลดี การเลือกผู้ปกครองก็เหมือนกัน ถ้าเลือกผู้ปกครองที่ดี มีความรู้ มีความสามารถ มันก็จะได้อะไรดีๆ จากผู้ปกครอง

หนังสือพิมพ์มติชน หน้า 8 ฉบับวันที่ 1 ม.ค. 2557