เปิดตำนาน เทพเจ้ากรีก-โรมัน
 


เปิดตำนาน เทพเจ้ากรีก-โรมัน


เปิดตำนาน เทพเจ้ากรีก-โรมัน

บรรดาเทพเจ้ากรีกทั้งหลาย ในตำนานถ้าไม่ฆ่าฟันก็เป็นเรื่องชิงรักหักสวาท

ทุกวันนี้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีต่างๆ ก้าวหน้าไปมากเมื่อเทียบกับศตวรรษก่อน แต่ทั้งที่มีความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโน-โลยีที่รุดหน้าไปมาก ชาวตะวันตกกลับไม่ทิ้งเรื่อง ราวของเทพเจ้าโดยเฉพาะ ของกรีกและโรมัน (Greek and Roman Mythology) โดยเฉพาะการนำชื่อมาใช้ในเชิงสัญลักษณ์ มนุษย์ยุคนี้รับรู้ชื่อต่างๆ ที่นำมาจากตำนานเทพจำนวนมาก โดยเฉพาะชื่อที่เกี่ยวกับดาราศาสตร์ อาทิ ชื่อดาวเกือบทั้งหมดในระบบสุริยะของเรา เช่น Mercury (ดาวพุธ), Venus (ดาวศุกร์), Mars (ดาวอังคาร), Jupiter (ดาวพฤหัส), Saturn (ดาวเสาร์), Uranus, Neptune

รวมทั้งชื่อดวงจันทร์บริวารของดาว เคราะห์แทบทั้งหมดในระบบสุริยะ (ยกเว้น โลก เพราะคำว่า Earth นั้นมาจากคำว่า erthe ซึ่งเป็นภาษาอังกฤษโบราณ ใกล้เคียงกับคำว่า ertho ของเยอรมัน และคำว่า eraze ของกรีก ซึ่งแปลว่า บนพื้นดิน ส่วนดวงจันทร์ นั้นมีชื่อเป็นภาษาละติน (โรมัน) เช่นกัน คือ Lunar แต่นิยมใช้น้อยกว่าคำว่า Moon มากกว่า สำหรับคำว่า Sun หรือดวงอาทิตย์นั้น มาจากภาษาอังกฤษโบราณเช่นกัน คือ คำว่า Sunne เป็นที่น่าสังเกตว่า คำที่ใช้เรียกดวงอาทิตย์ในภาษาอื่นก็มีเสียงใกล้เคียงกัน เช่น Surya (สุริยะ) ในภาษาสันสกฤต, Sulis ในภาษาของชาวเคลต์, Saule ในภาษาลิทัวเนียน, Solntse ในภาษาสลาฟ ถึงแม้จะมีสุริยเทพในตำนานเทพเจ้ากรีกคือ Helios แต่ก็ไม่นิยมที่จะใช้เรียกกัน) นอกจากนั้น ชื่อในตำนานเทพกรีก-โรมัน ยังถูกนำไปใช้ตั้งแต่ยานอวกาศไปจนถึงชื่อบริษัทและสินค้าชื่อดังมากมาย ตัวอย่างที่เป็นยานอวกาศ เช่น Apollo, Artemis, Clypso, Phoenix, Mars Odyssey เป็นต้น ชื่อบริษัทและชื่อสินค้าที่นำชื่อเทพเจ้ากรีกมาใช้นั้นมีนับไม่ถ้วน ขอยกตัวอย่างบริษัทขนาดใหญ่และคุ้นเคยกันมาเป็นตัวอย่าง ได้แก่ Amazon, Nike, Nyx (เครื่องสำอาง), Hermes, Olympus, Orion, Trident ฯลฯ

ภาพจากบทประพันธ์มหากาพย์กรีกโบราณ Odyssey ของ Homer

ภาพจากบทประพันธ์มหากาพย์กรีกโบราณ Odyssey ของ Homer

Greek and Roman Mythology นั้น จัดเป็นวิชาหนึ่งที่ศึกษาเรื่องราวตำนานเทพเจ้าทั้งหลายของชาวกรีก โดยมากจะเรียกรวมกันว่า เทพเจ้ากรีก-โรมัน เพราะชาวโรมันรับอารยธรรมกรีกมาใช้พร้อมกับเอาความเชื่อเรื่องเทพเจ้าไปด้วย ถึงแม้จะเปลี่ยนชื่อให้เป็นชื่อแบบโรมัน แต่เรื่องราวของเทพแต่ละองค์ยังมีความคล้ายคลึงกัน เทพเจ้ากรีก-โรมันมีมากมาย เทพบางองค์มีความสัมพันธ์กับทั้งเทพและมนุษย์ ทำให้เกิดทายาทเป็นมนุษย์ครึ่งเทพและอมนุษย์อีกจำนวนมาก ผู้ที่สนใจเรื่องความสัมพันธ์เกี่ยวโยงกันของเทพทั้งหลายสามารถศึกษาแผนภูมิ หรือ Family Tree ที่เริ่มต้นจาก Chaos เพียงหนึ่งเดียว แผนภูมินี้แสดงถึงต้นกำเนิดของเทพแต่ละองค์ว่ามาจากไหน ใครเป็นผู้ให้กำเนิด ฯลฯ จึงเกิดอีกวิชาขึ้น คือ Genealogy of Greek-Roman Mythology เป็นการศึกษาแผนภูมิเหล่านั้นอีกต่อหนึ่ง

เช่นเดียวกับตำนานต่างๆ ของอารยธรรมอื่นๆ บนโลก ที่คงบอกได้ยากถึงต้นกำเนิดว่ามาได้อย่างไร แต่เชื่อกันว่าตำนานเทพกรีก-โรมัน ส่วนใหญ่มาจากบทกวีของโฮเมอร์ (Homer กวีชาวกรีกผู้มีชีวิตอยู่ราว 800 ปีก่อนคริสตกาล) เรื่องราวในตำนานนี้ยาวมาก แต่ขอนำจุดเริ่มต้นมาให้อ่านกันเพลินๆ สักเล็กน้อย

ประติมากรรม Gaia เทพแห่งโลก โดย Marcel Mayer

ประติมากรรม Gaia เทพแห่งโลก โดย Marcel Mayer

ย้อนกลับไปในช่วงที่จักรวาลยังไม่มีอะไรเลย นอกจากความเวิ้งว้างมืดมิดหาขอบเขตมิได้ สภาพนั้นเรียกว่า เคออส (Chaos) ต่อมาอีกนานแสนนานก็เกิดเทพแห่งความว่างเปล่า นามว่า เอเรบัส (Erabus) และเทพีแห่งความมืด นามว่า นิกซ์ (Nyx) ทั้งสองร่วมกันให้กำเนิดเทพและเทพีแห่งแสงสว่าง นามว่า เอเธอร์ (Aether) กับเฮเมรา (Hemera) รวมทั้งเทพแห่งความรัก นามว่า อีรอส (Eros หรือ Cupid) ต่อมาทั้งสามร่วมมือร่วมใจกันจัดการกับสิ่งวุ่นวายเหล่านั้นให้เป็นรูปเป็นร่างขึ้น ทำให้เกิดเป็น จีอา (Gaia) เทพีแห่งโลกขึ้น ซึ่งเริ่มแรกนางยังคงหลับไหลเป็นเพียงพื้นดินทรายที่แห้งแล้ง แต่เมื่ออีรอสยิงธนูศรรักปักลงบนเทพีจีอาแล้ว นางก็ตื่นจากนิทรา เป็นจอมมารดาของสรรพสิ่ง ต่อมา จีอาก็บันดาลให้เกิดแผ่นฟ้าที่ดาษดาไปด้วยดวงดาวขึ้นปกคลุมเหนือผืนแผ่นดิน เรียกว่า อูรานอส หรือ ยูเรนัส (Uranus) ซึ่งถือเป็นจอมบิดาของสรรพสิ่งคู่กัน จากนั้นทั้งสองกลายเป็นเทพอยู่ที่โอลิมปัส (Olympus) ภูเขาสูงตั้งอยู่กลางแผ่นดินสูงเสียดฟ้า แล้วให้กำเนิดเทพ 6 องค์ คือ โอเซียนัส (Oceanus), ซีอัส (Coeus), ครีอัส (Creus), ไฮเพอร์เรียน (Hyperion), ไอแอพิทัส (Iapetus) และโครนัส (Cronus) และเทพี 6องค์ คือ เธีย (Thea), รีอา (Rhea), ธีมิส (Themis), ธีทิส (Thetis), เนโมซินี (Nemosyne) และฟีบี (Phoebe) ทั้ง 12 องค์นี้มีขนาดร่างกายใหญ่มหึมา เรียกว่า ไททัน (Titan) แต่ร่างกายที่ใหญ่โตนี้เอง ทำให้อูรานอสกลัวว่าจะถูกลูกๆ ยึดอำนาจ จึงจับเทพไททัน ทั้งหมดโยนลงไปขังไว้ในทาร์ทารัส (Tartarus) ขุมนรกที่ลึกที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้เทพไททันแข็งข้อกับตน

ภาพจากโปสเตอร์ภาพยนตร์ เพอร์ซีย์ แจ็กสัน ตอนอาถรรพ์ทะเลปีศาจ

ภาพจากโปสเตอร์ภาพยนตร์ เพอร์ซีย์ แจ็กสัน ตอนอาถรรพ์ทะเลปีศาจ

ต่อมาจีอาให้กำเนิดลูกเป็นยักษ์ที่ดุร้าย แปลกประหลาดยิ่งกว่าพวกไททันอีก คือ เป็นยักษ์ 50 หัว 100 แขน มี 3 ตน คือ คอตทัส (Cottus) เบรียรูส (Briareus) และไกจีส (Gyges) ซึ่งทั้งหมดก็ถูกอูรานอสโยนลงไปขังในทาร์ทารัสอีก ไม่เพียงเท่านั้น จีอายังให้กำเนิดลูกเป็นยักษ์ตาเดียวอีก 3 ตน เรียกยักษ์พวกนี้ว่า ไซคลอปส์ (Cyclops) ประกอบด้วย บรอนทีส (Brontes) สเทอโรพีส (Steropes) และอาจีส (Arges) นอกจากจะมีตาเดียวแล้วคุณสมบัติพิเศษอย่างหนึ่งของยักษ์พวกนี้คือมีแสงสว่างออกจากตัว ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ไซคลอปส์จะถูกโยนลงไปในทาร์ทารัสหรือไม่ แต่การถูกโยนไปไว้ที่นั่นกลับเป็นผลดีต่อลูกๆ ของอูรานอสเอง เพราะแสงสว่างจากไซคลอปส์ทำให้ไททันทั้งหลายมองเห็นกันได้ แต่ก็ยังหาทางออกจากทาร์ทารัสไม่ได้ จนกระทั่งเมื่อจีอาซึ่งไม่พอใจที่ลูกของนางถูกส่งตัวไปลงนรกหมด จึงลงไปที่นั่นและยุยงให้พวกไททันแย่งอำนาจจากอูรานอส แต่ทั้งหมดนั้นมีเพียงโครนัสที่อาจหาญพอ โดยได้เคียวเป็นอาวุธจากจีอา ในที่สุดอูรานอสก็ถูกโครนัสชิงบัลลังก์สำเร็จและครอบครองโอลิมปัสได้ เทพไททันทั้งหมดเป็นอิสระจากทาร์ทารัส และพร้อมใจกันยกให้โครนัสเป็นผู้ปกครองสูงสุดในโอลิมปัส จากนั้นโครนัสก็เอาเรอา (Rhea) มาเป็นคู่และให้กำเนิดลูกออกมาหลายองค์แต่ถูกโครนัสจับกินหมด จนกระทั่งเมื่อเรอาให้กำเนิด ซูส (Zeus) จึงเอาไปซ่อน ภายหลังซูสนั่นเองที่เป็นผู้ชิงอำนาจจากโครนัสบิดาของตนและตั้งตนเป็นใหญ่ในโอลิมปัสแทน ส่วนพวกไททันก็ถูกขังไว้ที่ทาร์ทารัสตามเดิม....

ที่เขียนมาทั้งหมดนั้นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น แต่ขอบอกไว้ก่อนว่า เรื่องที่เป็นตำนานมักจะมีความแตกต่างกันบ้างจากแหล่งที่มา ตำนานเทพกรีก-โรมันนี้ก็เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะในช่วงเริ่มต้นก่อนที่จะเกิดจีอาขึ้นมา

Family Tree ของเหล่าบรรดาเทพเจ้ากรีก

Family Tree ของเหล่าบรรดาเทพเจ้ากรีก

เนื่องจากเทพกรีกสามารถไปมีความสัมพันธ์กับมนุษย์ได้ด้วย ดังนั้นลูกที่เกิดออกมาจึงเป็นมนุษย์พิเศษ เพราะมีคุณสมบัติบางอย่างของเทพด้วย เรียกว่า Demigods ลูกครึ่งพวกนี้ส่วนใหญ่กลายเป็นวีรบุรุษและวีรสตรีของกรีกด้วย (The Heroes and Heroines) และมีจำนวนมากพอๆ กับพวกเทพเจ้า ซึ่งเรื่องราวของลูกครึ่งพวกนี้ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์และซีรีส์ทางโทรทัศน์ แล้วนับไม่ถ้วน แต่มีหลายเรื่องที่นำมาสร้างกันบ่อยครั้งคือ เรื่องของจอมพลังเฮอร์คิวลิส (Hercules), ยูลิซิส (Ulysses), Jason and the Argonauts (อภินิหารขนแกะทองคำ), Troy, Clash of the Titan ท่านที่ชอบเรื่องราวแนวอภินิหารนี้ก็สามารถหาอ่านได้ไม่ยาก หรือถ้าขี้เกียจอ่านก็ไปหาแผ่น DVD ที่สร้างจากนวนิยายขายดีเรื่อง เพอร์ซีย์ แจ็กสัน กับอาถรรพ์ทะเลปีศาจ (Percy Jackson : Sea of Monsters) มาดู เป็นภาคสองที่สานต่อมหากาพย์การเดินทางผจญภัยของหนุ่มน้อยมนุษย์กึ่งเทพเพอร์ซีย์กับผองเพื่อน ที่ต้องออกค้นหาขนแกะทองคำวิเศษในตำนานเพื่อปกป้องโลก เสี่ยงอันตรายจากเหล่าสัตว์ประหลาดอัน น่าสะพรึงกลัว กองทัพผีดิบ จ้าวแห่งปิศาจ ล่องเรือสู่น่านน้ำลึกลับแห่งทะเลปีศาจ

ซึ่งทะเลแห่งปีศาจแห่งนี้ก็คือสถานที่ที่พวกเรารู้จักกันดีในนามของสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้านั่นเอง.


โดย ลุงดำ
ทีมงานนิตยสารต่วยตูน



// //

Copyright (c) 2010 munjeed.com All rights reserved.