ค่ายรถยนต์ ยืนยัน สถานการณ์อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยปีนี้ ไม่น่าเป็นห่วง มองคนไทยซื้อรถ ไม่สนชุมนุมการเมือง ยอดขายแตะ 1.3 ล้านคัน...
วันที่ 29 พ.ย. นายสฤษฏ์พร สกลรักษ์ ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายการตลาดและลูกค้าสัมพันธ์ ฮุนได มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยไทยรัฐออนไลน์ ว่า การชุมนุมทางการเมืองที่ยืดเยื้อ ถือเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นกับไทยในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา เชื่อว่า คนไทยจะมีวิวัฒนาการ ภาคธุรกิจจะปรับตัวได้ไม่เกิดภาวะชะงักงัน ส่วนภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ไม่มีผลกระทบต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย
สำหรับ อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยปีนี้ ยอดจองลดลง เพราะมีการจองซื้อมากเมื่อปี 2555 จากโครงการรถยนต์คันแรก ปีนี้ค่ายรถจึงออกแคมเปญดึงดูดใจผู้ซื้อมากเป็นพิเศษ ส่วนปีหน้า คาดว่าผู้ซื้อรถยนต์มีความต้องการซื้อตามความเป็นจริง การออกแคมเปญจะลดลง การแข่งขันจะเข้าสู่ภาวะปกติ
นายสฤษฏ์พร กล่าวว่า ฮุนได เป็นรถนำเข้าจึงมีกลุ่มลูกค้าแน่นอน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น สังเกตได้จากยอดจองสูงขึ้นทุกปี แต่ปีนี้เศรษฐกิจไม่ดีจึงคาดว่ายอดจะเท่าเดิม โดยช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ มียอดจองกว่า 3,000 คัน จากปีที่ผ่านมา มียอดจองประมาณ 4,000 คัน แต่เชื่ือว่าในเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม จะมียอดจองสูงเป็นปกติ คาดว่าตัวเลขการจองจะได้เท่าปีที่แล้ว
สำหรับ ตลาดรถยนต์พรีเมียมเกรด A ถึง A+ ของไทย มีส่วนแบ่งตลาด 30-40% ของตลาดรถยนต์ในประเทศ ไม่มีผลกระทบจากเศรษฐกิจทั่วโลกแต่ในส่วนของฮุนได มีอุปสรรคเรื่องการส่งมอบรถให้ทันใจลูกค้า
แต่ปีหน้ายังประเมินว่า จะเติบโต 15% มากกว่าเป้าหมายในปีนี้ที่ 4,000 คัน
นางสาวปนัดดา เจณณวาสิน รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ประเมินว่า ภาพรวมตลาดรถยนต์ปีนี้ จะมียอดขาย 1.28-1.29 ล้านคัน ลดลงจากปีที่แล้ว ที่มียอดขาย 1.4 ล้านคัน ส่วนปีหน้าจะลดต่ำลงเหลือประมาณ 1.2 ล้านคัน
ส่วน รถกระบะอีซูซุปีนี้ตั้งเป้าหมายยอดขาย 2 แสนคัน โดยช่วง 10 เดือนแรกของปี ขายได้แล้วประมาณ 1.8-1.9 แสนคัน ถือว่าอยู่ในภาวะปกติ เพราะปีที่แล้วไตรมาสแรกยอดส่งมอบเยอะ เพราะค้างส่งมอบมาจากปี 2554 ที่ไตรมาสสุดท้ายเกิดน้ำท่วมใหญ่
รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด กล่าวว่า อีซูซุส่งออก 45% ตลาดหลักอยู่ที่ประเทศจีน หากเศรษฐกิจโลกมีปัญหา ต้องติดตามสถานการณ์ตลาดจีนอย่างใกล้ชิด เพราะหากเศรษฐกิจชะลอตัว ยอดสั่งซื้อจะมีปัญหาได้ ส่วนอีก 55% อยู่ภายในประเทศ ซึ่งยังเป็นปกติอยู่ แม้ว่าเศรษฐกิจไทย และโลก จะยังชะลอตัว โดยปัจจัยเสี่ยงที่ติดตามคือ ภัยธรรมชาติ ไม่กังวลเรื่องการเมือง
นายตวัน คำฤทธิ์ ผจก ฝ่ายการตลาด ซูบารุ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยไทยรัฐออนไลน์ว่า แม้เศรษฐกิจโลกจะไม่ดี และการเมืองไทยไม่นิ่ง แต่ยอดจองรถกลุ่มรถซูบารุ ได้รับการตอบรับมาก เพราะได้รับความนิยมและเป็นกลุ่มที่ลูกค้ามีความสามารถในการซื้อ ล่าสุดมียอดจองแล้ว 2,000 คัน เป้าหมายทั้งปีอยู่ที่ 3,000 คัน ส่วนปีหน้าจะโตอีก 30% น่าจะถึง 4,000 คัน
“ปัญหาการเมืองนั้นกระทบด้านอารมณ์การจับจ่ายมากกว่า ไม่ได้ทำให้กำลังซื้อลดลง เมื่อสถานการณ์ผ่านไปได้ คนกลุ่มนี้จะกลับมาซื้ออีก ส่วนใหญ่กลุ่มลูกค้าจะเป็นคนที่มีรถอยู่แล้ว จะเป็นรถคันที่ 2 หรือ 3 ดังนั้นลูกค้าจะมีความพร้อมอยู่แล้ว”
นายตวัน กล่าวว่า กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ในไทยถือว่ามีเสถียรภาพมาก หากเศรษฐกิจในปีหน้าดี จะเป็นปัจจัยผลักดันให้ยอดขายสูงตามไปด้วย
ขณะที่ นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม ผู้จัดการทั่วไป และฝ่ายการตลาด ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า อุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วไปในไตรมาสแรกปี 2556 ได้รับอานิสงส์จากการค้างส่งมอบ ทำให้ยังมียอดขายได้ 1.3 ล้านคัน จากเดิม 1.24 ล้านคัน จนถึงกลางปีกำลังซื้อเริ่มหดหาย จากเศรษฐกิจโลกไม่ดี การเมืองเริ่มขัดแย้ง ค่ายรถต่างๆ จึงมีเคมเปญออกมามากเพื่อกระตุ้นยอดจอง ส่วนปีหน้ามองว่าภาพรวมจะได้มากกว่า 1 ล้านคัน เพราะเศรษฐกิจ และการเมืองจะมีเสถียรภาพขึ้น
สำหรับ อีโคคาร์ เมืองไทยขยายตัวเป็น 27% เนื่องจากผู้ขับขี่ต้องการความประหยัด รักษาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และรัฐบาลก็มีโครงการ อีโก้คาร์เฟส 2 ขึ้น ทุกค่ายก็จะเริ่มแข่งขันกันมากขึ้น ปีนี้ตั้งเป้าไว้ก่อน 5 หมื่นคัน จากงานนี้จะกระตุ้นยอดได้อีก 1,500 คัน แม้สถานการณ์การเมืองยังวุ่นวายจะไม่กระทบอีโคคาร์
นายกฤษฎา อุตตโมทย์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร BMW (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า อุตสาหกรรมในตลาดพรีเมียมเติบโตขึ้นจากปีที่ผ่านมา ไม่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจภายในประเทศ เพราะมีฐานผู้สนใจในผลิตภัณฑ์อยู่แล้ว ปีนี้คาดว่าเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว จากปีที่แล้วยอดจอง 6,100 คัน
ส่วน 9 เดือนที่ผ่านมาเติบโตขึ้น 38% แม้ว่าปีนี้ไตรมาส 3-4 จะชะลอตัวลงบ้าง หวังโค้งสุดท้ายงานมอเตอร์เอ็กซ์โป ประเมินยอดจองที่ 1,000 คัน เท่ากับยอดจองปีที่ผ่านมา
"เศรษฐกิจโลกอาจไม่ดี และสถานการณ์การเมืองไทยส่งผลให้ลูกค้าเข้าโชว์รูมน้อยลงบ้าง แต่เป็นเพียงปัญหาระยะสั้นเท่านั้น เชื่อว่าตลาดรถยนต์พรีเมียมในประเทศไทย ยังเติบโตได้อีกมากในระยะยาว"