สงครามในตลาดสมาร์ทโฟน เราคงไม่ต้องอรรถาธิบายกันมากถึงความดุเดือดที่แต่ละค่ายต่างขนทัพมือถือออกมาห้ำหั่นแย่งกระแสนิยมกันอย่างดุเดือด สัปดาห์นี้ผมมีตัวเลขยอดขายของโทรศัพท์มือถือซึ่งจะเห็นภาพได้ชัดเจนว่า แต่ละค่ายและระบบปฏิบัติการใดที่ครองใจผู้ใช้งานทั่วโลก

ในช่วงไตรมาสที่ 3 ที่ผ่านมา (ส.ค.-ต.ค.) ทาง “เอบีไอ รีเสิร์ช” รายงานว่า ตัวเลขยอดขายของโทรศัพท์มือถือของทุกค่ายจำหน่ายได้ถึง 438 ล้านเครื่อง ซึ่งสมาร์ทโฟนกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่มียอดขายสูงสุดเป็นสัดส่วนกว่า 56% หรือจำนวน 244 ล้านเครื่อง ทำสถิติยอดขายสูงสุดเพิ่มติดต่อกัน 3 ไตรมาสอย่างต่อเนื่อง

เมื่อแบ่งตามระบบปฏิบัติการพบว่า แอนดรอยด์มียอดขายเพิ่มเป็นสัดส่วน 81% ทิ้งห่างไอโอเอสของแอปเปิ้ล ที่มีสัดส่วนที่ 14% ลดลงจากในระดับ 22.6% ในช่วงไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว แม้ว่าแอปเปิลจะแนะนำไอโฟนรุ่นใหม่ซึ่งคาดว่าจะได้รับการต้อนรับอย่างดีจากผู้บริโภค  แต่คาดว่าสัดส่วนจะเพิ่มอยู่ในระดับที่ 18.7% ในช่วงไตรมาสุดท้ายของปีนี้

สาเหตุที่แอนดรอยด์มียอดขายเพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ นอกเหนือจากยอดขายของซัมซุงที่ทำสถิติสูงสุดแล้ว ผู้ผลิตจากประเทศจีนคือหัวเหว่ย, เลอโนโวและเสี่ยวหมี่ ทำยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ที่น่าสนใจก็คือระบบปฏิบัติการวินโดว์สโฟนของโนเกีย เริ่มจะเห็นตัวเลขชัดเจน มียอดขายในสัดส่วน 4% มีอัตราเติบโตถึง 165% เมื่อเทียบกับยอดขายช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ส่วนแบล็กเบอร์รี่เหลืออยู่ในระดับ 2%

เมื่อดูยอดขายตามผู้ผลิตแต่ละค่าย พบว่าซัมซุงมีส่วนแบ่งยอดขายในตลาดสมาร์ทโฟนถึง 35% มากกว่ายอดขายของคู่แข่งรวมกัน โดยไอโฟน, โนเกีย และแบล็กเบอร์รี่ มียอดขายรวมกันแล้วอยู่ในสัดส่วน 20% เท่านั้น และยังมียอดขายมากกว่าผู้ผลิตค่ายแอนดรอยด์อื่นๆ รวมกันอีก แม้ว่าจะไม่มีรายละเอียดตัวเลขยอดขาย แต่เมื่อดูส่วนแบ่งตลาดแล้วก็พอเห็นภาพได้ชัดเจน

เว็บไซต์  androidcentral.com  วิเคราะห์ว่า  นอกเหนือจากซัมซุงจะทุ่มไปกับ all-in กับแอนดรอยด์แล้ว การบุกตลาดองค์กรด้วยการทุ่มทุนเพื่อทำให้การใช้งานด้านธุรกิจกับสมาร์ทโฟนกลายเป็นเรื่องปกติ จะยิ่งช่วยให้ยอดขายเติบโตขึ้น รวมทั้งระบบปฏิบัติการอื่นๆที่ซัมซุงแม้จะไม่ได้ให้ความสำคัญแต่ก็ยังคงเก็บไว้และมีการปรับปรุงตลอดเวลา

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สุดท้ายขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละบุคคลว่าจะชื่นชอบผู้ผลิตค่ายไหนมากกว่ากัน!

หนุ่มดิจิตอล
[email protected]