สธ.เผย 5 สถาบันทั่วโลกเร่งศึกษา วัคซีนไข้เลือดออก
 


สธ.เผย 5 สถาบันทั่วโลกเร่งศึกษา วัคซีนไข้เลือดออก


สธ.เผย 5 สถาบันทั่วโลกเร่งศึกษา วัคซีนไข้เลือดออก

กรมควบคุมโรคเผยขณะนี้มี 5 สถาบันอยู่ระหว่างดำเนินการศึกษาและพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออก โดย 1 ใน 5 สถาบัน มีการศึกษาและพัฒนาอยู่ในขั้นตอนการศึกษาในกลุ่มอาสาสมัครกลุ่มใหญ่ขนาด 13,000 คน ในประเทศแถบเอเชียและละตินอเมริกา คาดว่าการศึกษาในระยะที่ 3 จะสิ้นสุดในปี พ.ศ. 2557

วันที่ 27 ต.ค. 56 นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับผลการประชุมโรคไข้เลือดออกนานาชาติครั้งที่ 3 ว่า ในการประชุมครั้งนี้หลายประเทศได้เสนอปัญหาของโรคไข้เลือดออก โดยพบว่า สถานการณ์โรคในปีนี้เพิ่มขึ้น และที่ประชุมได้มีบรรยายทางวิชาการเกี่ยวกับความคืบหน้าขององค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เพื่อพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออก (Basic science behind the dengue vaccines development) โดยขณะนี้มีวัคซีนไข้เลือดออกที่กำลังพัฒนาทั้งหมด 2 ชนิด  เป็นชนิดเชื้อเป็น (Live attenuated) และชนิดเชื้อตาย (Inactivated) โดยวัคซีนชนิดเชื้อเป็นนั้นมีสถาบันที่พัฒนา 3 แห่ง คือ บริษัทซาโนฟี ปาสเตอร์ บริษัททาเคดะ และสถาบันสุขภาพแห่งชาติแห่งสหรัฐอเมริกา ส่วนวัคซีนชนิดเชื้อตายมีสถาบันที่ทำการศึกษา 2 แห่ง คือ บริษัทแกลกโซสมิทธ์ไคลน์ และบริษัทเมิร์ค วัคซีนแต่ละชนิดยังคงต้องใช้เวลาอีกสักระยะในการที่จะพิสูจน์ว่า วัคซีนนั้นสามารถสร้างภูมิต้านทานต่อโรคไข้เลือดออกทั้ง 4 สายพันธุ์ (Den1, Den2, Den3 และ Den4) ได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ และยังต้องอาศัยการศึกษาเพิ่มเติมในเรื่องของโครงสร้างและปฏิกิริยาระหว่างภูมิต้านทานกับไวรัสโรคไข้เลือดออก

ทั้งนี้ ในการประชุมครั้งนี้ ได้มีการกล่าวปาฐกถารำลึกถึงศาสตราจารย์นายแพทย์ณัฐ ภมรประวัติ ซึ่งเป็นผู้ที่มีคุณูปการต่อวงการพัฒนาวัคซีนไข้เลือดออกในประเทศไทยและในระดับโลก โดยท่านเป็นนักวิทยาศาสตร์คนแรกของไทยและของโลกที่คิดค้นพัฒนาวัคซีนไวรัสไข้เลือดออกมาตั้งแต่ปี 2523 ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งจะสามารถมองเห็นผลความสำเร็จของการพัฒนาวัคซีนไข้เลือดออกได้ในระยะอันใกล้นี้ โดยประเทศไทยได้เริ่มพัฒนาวัคซีนไข้เลือดออกมาตั้งแต่พ.ศ. 2541 โดยใช้เทคโนโลยีไคเมอริกซ์ วัคซีน (Chimerix vaccine) และในขณะนี้การศึกษาอยู่ในระยะที่ 3 คือการศึกษาประสิทธิภาพของวัคซีนไข้เลือดออกในกลุ่มอาสาสมัครกลุ่มใหญ่ จำนวน 31,000 คน ในประเทศแถบเอเชีย รวมทั้งประเทศไทยและในกลุ่มประเทศแถบละตินอเมริกา เพื่อดูประสิทธิภาพในการป้องกันโรค โดยคาดว่าการศึกษาในระยะที่ 3 จะสิ้นสุดใน พ.ศ. 2557 หากการศึกษาประสบผลสำเร็จ ความหวังที่จะได้มีวัคซีนไข้เลือดออก เป็นเครื่องมือในการป้องกันโรคไข้เลือดออกจะเป็นจริงมากขึ้น

สำหรับสถานการณ์ของโรคไข้เลือดออกนั้น นักระบาดวิทยาในหลายประเทศได้รายงานว่า จำนวนผู้ป่วยไข้เลือดออกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มวัยรุ่นและผู้ใหญ่ตอนต้น ซึ่งปัจจัยที่ทำให้มีการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ป่วยไข้เลือดออกนั้นมีอยู่หลายประการ เช่นการเพิ่มขึ้นของชุมชนเมือง การเคลื่อนย้ายประชากร การเปลี่ยนแปลงของสัดส่วนไวรัสเดงกี่ ซึ่งมาตรการหลักในการควบคุมโรคนั้นยังเน้นการกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลาย และระบบการเฝ้าระวังโรคในพื้นที่โดยการแจ้งเตือน รวมทั้งการสอบสวนโรคและการควบคุมการระบาดของโรคไข้เลือดออกอย่างทันเวลา จะทำให้สามารถจำกัดการแพร่กระจายของโรคและลดจำนวนผู้ป่วยไข้เลือดออกลงได้.

 




// //

Copyright (c) 2010 munjeed.com All rights reserved.