เมื่อวันที่ 13 ต.ค. พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) รับผิดชอบงานจราจร เปิดเผยว่า การเตรียมพร้อมการยกรถที่จอดในที่ห้ามบนถนน 10 สาย ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหารถติด ขณะนี้อยู่ระหว่างให้แต่ละ บก.น.1-9 ทำแผนเรื่องที่พื้นที่นำรถไปจอด และรถยกทั้งของแต่ละสน. ที่นำมาใช้งานได้ รวมถึงการประสานงานกับบริษัทรถยกเอกชน ขอความร่วมมือเข้าร่วมโครงการโดยให้คิดค่าใช้จ่ายยกรถราคา 500 บาท เท่ากับค่ายกของ สน. เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ส่วนพื้นที่จอดรถนั้นจะใช้ สน.เป็นที่จอดได้แห่งประมาณ 5 คัน แต่ก็รองรับไม่ได้ทุก สน. ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลพื้นที่ที่ยังไม่มีที่จอด เพื่อให้พื้นที่ข้างเคียงมาช่วย ซึ่งแผนทั้งหมดจะได้ข้อสรุปภายในสัปดาห์นี้ ก่อนวันเริ่มดีเดย์กวดขันเข้มข้น 21 ต.ค. ซึ่งตนจะลงพื้นที่ไปดูด้วยตนเอง อย่างไรก็ตามไม่คิดว่าจะต้องหาที่จอดรถที่จะยกมาไว้มากๆ เพราะไม่อยากให้จับกุมมาก อยากให้ผู้ขับขี่ช่วยกันปฏิบัติตามกฎหมาย เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย จะได้ไม่ต้องถูกจับกุม

พล.ต.ต.อดุลย์ กล่าวต่อว่า ในการกวดขันวินัยจราจร แม้จะเน้นการจับรถจอดที่ห้าม แต่ก็ไม่ได้ละเลยไม่จับกุมข้อหาอื่นๆ เพราะส่งผลต่อปัญหาการจราจรและอุบัติเหตุเช่นกัน ได้มอบนโยบายให้ผู้ปฏิบัติเข้มงวดกวดขันในข้อหาอื่นด้วย เช่น ฝ่าไฟแดง ฯลฯ ซึ่งจากการรวบรวมสถิติการกระทำผิดกฎหมายจราจรในกรุงเทพฯ ปี 2556 ตั้งแต่เดือน ม.ค.-ส.ค. พบว่า มีผู้กระทำความผิดและถูกออกใบสั่งมากถึง 690,925 ราย มาชำระค่าปรับเพียง172,731 ราย คิดเป็น 20%เท่านั้น โดยข้อหาที่มีผู้กระทำผิดมากเป็นอันดับ 1 คือ จอดรถในที่ห้ามจอด มีมากถึง 217,967 ราย รองลงมาคือ ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่สวมหมวกนิรภัย 64,528 ราย ใช้รถส่วนประกอบไม่ครบถ้วน 60,714 ราย ไม่มีใบขับขี่ 44,697 ราย ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร 43,939 ราย จอดรถกีดขวางการจราจร 34,891 ราย เลี้ยวหรือกลับรถในที่ห้าม 33,863 ราย เดินรถในเวลาห้าม 24,390 ราย จอดรถบนทางเท้า 23,514 ราย ขับรถย้อนศร 22,477 ราย ฝ่าไฟแดง 19,066 ราย ขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด 14,827 ราย และแซงในที่คับขัน 14,549 ราย จากสถิติการจับกุมที่มีมากเช่นนี้ แสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอของการบังคับใช้กฎหมาย ทำให้มีคนกล้าทำผิดมาก แต่ไปจ่ายค่าปรับน้อย.