สีผสมอาหารในน้ำทับทิม
 


สีผสมอาหารในน้ำทับทิม


สีผสมอาหารในน้ำทับทิม

ปัจจุบันเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพและเครื่องดื่มจากธรรมชาติ เป็นที่ต้องการของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะชนิดที่สามารถช่วยป้องกันโรค หรือลดความเสี่ยงจากการเป็นโรคต่างๆได้

พ่อค้าแม่ค้าบ้านเราสามารถตอบโจทย์ถึงความต้องการของผู้บริโภคได้ ด้วยการสรรหาเครื่องดื่มธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นน้ำผัก น้ำผลไม้ น้ำธัญพืชนานาชนิดมาวางขาย ที่เห็นอยู่ทั่วไปคงหนีไม่พ้นน้ำผลไม้คั้นสด เช่น น้ำแครอท น้ำส้ม น้ำผลไม้รวม น้ำทับทิม

ทับทิม มีถิ่นกำเนิดจากทางตะวันออกของประเทศอิหร่าน และทางตอนเหนือของเทือกเขาหิมาลัย จึงเป็นผลไม้ที่ชอบอากาศหนาวเย็น ยิ่งอากาศหนาวเนื้อทับทิมจะมีสีแดงเข้มมากขึ้น

ทับทิม เป็นผลไม้ที่มีสรรพคุณขึ้นชื่อด้านการมีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิดและมีประสิทธิภาพสูง ในน้ำคั้นจากเมล็ดทับทิม จะประกอบไปด้วย น้ำตาล กรดที่เป็นประโยชน์ วิตามินเอ ซี อี ธาตุเหล็ก แคลเซียม และแมกนีเซียม แร่ธาตุสำคัญที่ร่างกายต้องการ

หากดื่มน้ำคั้นจากเมล็ดสดๆ ร่างกายก็จะได้รับสารอาหารจากผลทับทิมตามที่กล่าวไปเต็มๆ แถมยังช่วยเพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกายด้วย

แต่ปัจจุบันมีพ่อค้า แม่ค้า พยายามนำสีผสมอาหารสังเคราะห์ที่ให้สีแดง เช่น สีคาร์โมอีซีน เติมลงไปในน้ำทับทิมคั้นสด เพื่อให้มีสีสันสดใสดึงดูดใจผู้บริโภค

วันนี้สถาบันอาหาร จึงทำการสุ่มตัวอย่างน้ำทับทิมคั้นสดบรรจุขวดพลาสติกที่ขายตามรถเข็นและตลาดสด จำนวน 5 ตัวอย่างจาก 5 ย่านการค้าในเขตกรุงเทพฯ เพื่อนำมาวิเคราะห์การปนเปื้อนของสีคาร์โมอีซีน

ผลการวิเคราะห์พบว่า มีน้ำทับทิม 2 ตัวอย่าง ที่พบว่ามี สีคาร์โมอีซีน ปนเปื้อน และปนเปื้อนเกินค่ามาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่ 281 เรื่องวัตถุเจือปนอาหาร ที่กำหนดให้ใช้สีคาร์โมอีซีนในเครื่องดื่มได้ไม่เกิน 70 มิลลิกรัม/กิโลกรัม

อย่างที่กล่าวแล้วว่า เครื่องดื่มธรรมชาติควรต้องทำจากวัตถุดิบธรรมชาติ ไม่ควรมีสารสังเคราะห์ปะปนอยู่ แม้ว่าจะมีอยู่ในปริมาณเล็กน้อยก็ตาม

วันนี้ขอเตือนว่า ก่อนซื้อต้องรู้จักสังเกตสิ่งผิดปกติ เช่น สี กลิ่น และรสที่ผิดเพี้ยนไปจากเดิม เช่น น้ำทับทิมที่มีสีแดงจัด หรือน้ำส้มที่มีสีส้มจัด ควรหลีกเลี่ยง

หากเป็นไปได้ทานผลสดจะดีกว่า ขึ้นอยู่กับคุณว่าจะเลือกหรือไม่เลือกเพื่อสุขภาพของตัวคุณเอง.


ไทยรัฐ+สถาบันอาหารโครงการอาหารปลอดภัย



// //

Copyright (c) 2010 munjeed.com All rights reserved.