ผู้ประกอบการรถยนต์มือสองเชื่อ ตลาดยังเติบโตต่อเนื่อง เหตุกลไกตลาดทำรถมือสองถูกลงร้อยละ 20 ขณะที่ลิสซิ่งให้ความมั่นใจพร้อมปล่อยสินเชื่อให้ง่ายขึ้น คาดปีหน้าภาพรวมเติบโตร้อยละ 10...
เมื่อวันที่ 10 ต.ค. นางสาวกิตติธรา รวมธรรม นายกสมาคมผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว กล่าวว่า ปัจจุบันราคารถยนต์ป้ายแดงเทียบกับราคารถยนต์มือสอง ที่มีช่องว่างหากกันประมาณ 1-2 แสนบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 25 ถือว่าเป็นราคาที่กลับสู่ภาวะสมดุล หรือรถยนต์มือสองถูกลงร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับราคาในปี 2554 และ 2555 ที่รถยนต์ขาดตลาดเนื่องจากผู้ผลิตรถบริษัทญี่ปุ่นได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์สึนามิในประเทศญี่ปุ่นและอุทกภัยในประเทศไทย ทำให้เชื่อว่าช่องว่างราคานี้น่าจะส่งผลให้ตลาดรถยนต์มือสองในช่วงปลายปีนี้ ให้กลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง
ยอดขายรถยนต์มือสองในเดือน ต.ค.นี้ ขยายตัวร้อยละ 5 จึงคาดว่าไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ยอดขายจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 10 จากช่วง 3 ไตรมาสที่ผ่านมา ยอดขายลดลงร้อยละ 20 ซึ่งมีแนวโน้มดีต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาสแรกของปี 2557 จากความร่วมมือกับสถาบันการเงิน จัดแคมเปญกระตุ้นการขาย ดังนั้น จึงเชื่อว่ายอดขายรถยนต์ใช้แล้วตลอดทั้งปี 2557 จะเติบโตร้อยละ 10 ตามทิศทางราคารถยนต์มือสองที่ถูกลง
“ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ประกอบการและประชาชนที่ต้องการซื้อรถยนต์ และปัจจุบันมีรถมือสองอยู่ในตลาดประมาณ 3 ล้านคัน ขณะที่คนไทยมีรถใช้แค่ร้อยละ 10 ของจำนวนประชากร ตลาดรถมือสองจึงน่าจะเติบโตได้ในระยะยาว” นายกสมาคมผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว กล่าว
ทั้งนี้ สมาคมผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว เพิ่งจัดตั้งขึ้นกว่า 1 เดือนที่ผ่านมา มีสมาชิก 200 ราย และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 300 รายในสิ้นปีนี้ จากจำนวนผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้วทั้งหมด 5 พันราย โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการให้เข้มแข็งและพัฒนาธุรกิจ รถยนต์มือสองให้มีมาตรฐานสากลเกิดประโยชน์ต่อผู้บริโภค
นายกสมาคมผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว ยังแนะให้ผู้ประกอบการปรับวิธีบริหารจัดการสต๊อกรถยนต์มือสอง ซึ่งไม่ควรสต๊อกสินค้ามากเกินไป โดยเฉพาะรถยนต์ขนาดเล็ก หรืออีโคคาร์
นายวนกานต์ กาญจนศูนย์ หัวหน้าฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ ธนาคารเกียรตินาคิน มองว่า ในช่วง 1 ปีนี้ เป็นจังหวะดีที่ประชาชนจะหันมาซื้อรถยนต์ใช้แล้ว เพราะช่วงนี้ราคาถูกลงมาก และตลาดเช่าซื้อรถยนต์ใช้แล้วทั้งรถยนต์มือสองและรถป้ายแดง ปีนี้ยังเติบโตร้อยละ 5 ถึงแม้หลายฝ่ายประเมินว่าเศรษฐกิจปีนี้เติบโตไม่มากนัก แต่กำลังซื้อของประชาชนยังดีอยู่ ขณะที่อัตราหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือเอ็นพีแอล อยู่ที่ร้อยละ 3.4 อยู่ในระดับที่ธนาคารควบคุมได้ โดยมองว่าความต้องการรถมือสองจะเติบโตตามจำนวนรถป้ายแดง ซึ่งจะทำให้ภาพรวมยอดขายรถยนต์ปีละ 1 ล้านคัน กลายเป็นเรื่องปกติ
ด้านนายอนุชาติ ดีประเสริฐ ผู้อำนวยการอาวุโส การตลาดเช่าซื้อและสินเชื้อ Auto Dealer ธนาคารธนชาต กล่าวว่า พร้อมให้การสนับสนุนสินเชื่อให้กับประชาชนที่ต้องการซื้อรถยนต์มือสองให้ขอสินเชื่อง่ายขึ้น เพราะเชื่อมั่นว่าความต้องการรถยนต์มือสองยังเติบโตตามจำนวนรถยนต์คันแรก โดยการอนุมัติสินเชื่อ จะพิจารณาว่าลูกค้ามีตัวตนจริงหรือไม่ และความสามารถในการผ่อนชำระ ซึ่งต้องไม่ติดเครดิตบูโร.
