LEXUS CT200h ประหยัดในมาดสปอร์ต (ตอนที่2)
 


LEXUS CT200h ประหยัดในมาดสปอร์ต (ตอนที่2)


LEXUS CT200h ประหยัดในมาดสปอร์ต (ตอนที่2)

ตอนที่สองกับการทดสอบ Lexus CT200h ขับยาวๆ หลังจากเปิดตัวมาสองปีกับรีวิวตอนที่สอง ลองกันยาวๆ...

ราคาค่าตัว 2.3 ล้านบาทของ Lexus CT200h F-Sport ทำให้มันมีคู่แข่งโดยตรงคือ BMW 320i F30 2.2 ล้านบาท / Volvo S60 Drive-B E85 1.91 ล้านบาท / Honda CRZ 1.97 ล้านบาท MINI Cooper Look 2 ราคา 2,290,000 บาท และ Mazda MX-5 2.4 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวว่าจะเลือกเอาแบบไหน Lexus CT200h F-Sport ทำตัวเป็นยนตรกรรมแบบ Sport-Hybrid ซึ่งวางระบบ Hybrid เต็มรูปแบบเป็นจุดขายที่เน้นความประหยัดบนสมรรถนะของการขับเคลื่อน กำลังจากเครื่องยนต์ 1.8 ลิตรและมอเตอร์ไฟฟ้า เมื่อทั้งสองระบบทำงานพร้อมกันแล้วถูกส่งถ่ายไปยังล้อขับเคลื่อนซึ่งเป็นล้อคู่หน้าแบบ Full Hybrid เครื่องยนต์ระบบ Atkinson ขนาด 1.8 ลิตร 1,798 ซีซี เป็นเครื่องยนต์เบนซินคล้ายคลึงกับ Toyota Prius แต่ Lexus ได้เพิ่มเติมโหมดการขับขี่แบบสปอร์ตลงไป เพื่อสร้างความเร้าใจและความแตกต่างในการใช้งานบนรูปแบบแฮตช์แบคที่ร้อนแรงด้วยชุดแต่ง F-Sport เครื่องยนต์ให้กำลัง 99 แรงม้าที่ 5,200 รอบต่อนาที กับแรงบิด 142 นิวตันเมตรที่ 2,800-4,400 รอบต่อนาที ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงของ Lexus CT200h F-Sport ถูกพัฒนาหน่วยควบคุมกำลังไฟฟ้าขึ้นใหม่ทั้งหมด เพื่อประสิทธิภาพในการแปลงพลังงานไฟฟ้า ชุด Hybrid ยังประกอบไปด้วยมอเตอร์กำลังสูงที่ทำหน้าที่ทั้งส่งถ่ายแรงบิดกับแปลงกระแสไฟฟ้ากำลังสูงจากหน่วยควบคุมกำลังไฟฟ้าให้เป็นพลังงานสำหรับการขับเคลื่อน มอเตอร์ไฟฟ้าของ CT200h มีแรงเคลื่อนไฟฟ้าสูงสุดที่ 650 โวลต์ ให้กำลังสูงสุด 60 กิโลวัตต์ กับมีแรงบิดในระดับ 207 นิวตันเมตร เมื่อควบรวมการทำงานของทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์เข้าด้วยกัน CT200h จะมีเรี่ยวแรง 134 แรงม้า โดยมีอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 10.3 วินาที


เปิดฝากระโปรงสำรวจตรวจตราเครื่องยนต์ Atkinson Cycle Engine คุณจะพบกับห้องเครื่องที่วางเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบโดยใช้ฝาสูบพลาสติกสีเงินแปะตรา Lexus Hybrid ห้องเครื่องยนต์ของเจ้า CT200h ยังอัดแน่นไปด้วยระบบส่งกำลังแบบ E-CVT - Continuously Variable Transmission โดยฝังมอเตอร์พลังสูงเอาไว้ภายในเกียร์ CVT มอเตอร์ไฟฟ้า เจนเนอเรเตอร์ที่ใช้สตาร์ตหรือดับเครื่องยนต์ชั่วขณะรวมถึงการชาร์จไฟให้กับแบตเตอรี่ที่อยู่ด้านหลัง รวมถึงอุปกรณ์จ่ายไฟที่จำเป็นในระบบ Hybrid ระบบส่งกำลังหรือเกียร์แบบแปรผันต่อเนื่องควบคุมด้วยไฟฟ้า Electrically Controlled Continuously  Variable Transmission รับงานผสมผสานแรงบิดของเครื่องยนต์และมอเตอร์ โดยส่งถ่ายกำลังในรูปแบบ Split Device ผ่านมอเตอร์และเจนเนอเรเตอร์ ทำให้มันสามารถวิ่งด้วยความเร็ว 40 กิโลเมตรไปได้ไกล 2 กิโลเมตรโดยใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเพียวๆ เมื่อผู้ขับขี่ต้องการกำลังเพิ่ม เครื่องยนต์ VVT-i จะเข้ามารับหน้าที่แทน ระบบ Hybrid ของ Lexus CT200h F-Sport ถูกออกแบบมาเพื่อเน้นการทำงานด้านพลังงานไฟฟ้าให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ทำให้มันกลายเป็นยนตรกรรมที่ประหยัดเชื้อเพลิงและปล่อยมลพิษน้อยมาก สิ่งที่พิเศษกว่ารถคู่แข่งคือเจ้า CT200h F-Sport คันนี้แทบจะไม่มีการปล่อยก๊าซไนโตรเจนออกไซด์ และสิ่งเจือปนอื่นๆ ที่เป็นพิษต่ออากาศ


ผมรับรถทดสอบคันนี้จาก Lexus Thailand หลังจากเคยควบไปเมื่อตอนเปิดตัวใหม่ๆ เมื่อกว่า 2 ปีก่อน มาในวันนี้คงต้องจัดการกับการวิ่งทดสอบ CT200h แบบเต็มระบบทั้งในเมืองและนอกเมือง เมื่อคุณอยู่ในห้องโดยสารของยานยนต์ตระกูล Lexus ในปัจจุบัน สิ่งแรกที่คุณสามารถสัมผัสได้คือความหรูหราของวัสดุและอุปกรณ์ภายในซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับแบรนด์ Toyota ตำแหน่งท่านั่งที่ดีจากการจัดวางพวงมาลัย เบาะไฟฟ้าและแป้นคันเร่งกับแป้นเบรก แผงคอนโซลโฟมขึ้นรูปห่อหุ้มด้วยวัสดุประเภทหนังสีเทาเข้ม ที่แปลกตาทุกครั้งเมื่อขับขี่ใช้งานรถยนต์รุ่นนี้ก็คือหัวเกียร์ CVT ทรงประหลาดคล้ายกับพัตเตอร์ของนักกอล์ฟ หัวเกียร์โลหะสีเงินสั้นกุดใช้งานโดยโยกคันเกียร์ซึ่งควบคุมการทำงานด้วยระบบไฟฟ้าทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการเข้าตำแหน่ง D เพื่อเดินหน้า ตำแหน่ง N สำหรับการปลดเป็นเกียร์ว่างและตำแหน่ง R เพื่อการถอยหลังรวมถึงตำแหน่ง B เพื่อลดความเร็ว เมื่อโยกคันเกียร์ มันจะเด้งกลับมาคาที่ตำแหน่งเดิมทุกครั้งซึ่งทำให้มีความสะดวกต่อการใช้งาน แต่สำหรับผู้ที่ไม่คุ้นชินกับคันเกียร์ในลักษณะนี้คงต้องใช้เวลาปรับตัวกันบ้างแต่ไม่นานนัก ความสะดวกที่ได้รับผ่านการใช้งานจะทำให้เกิดความพึงพอใจ เกียร์แบบจอยสติ๊กที่คล้ายคลึงกันกับ Prius เนื่องจากรถยนต์ทั้งสองรุ่นใช้เครื่องยนต์และชุดส่งกำลังที่เหมือนกัน เมื่อกดปุ่มสตาร์ตเครื่องยนต์ เจ้า CT200h ก็พร้อมที่จะแล่นไปข้างหน้าด้วยกำลังไฟฟ้าหากมีประจุไฟมากพอในแบตเตอรี่ Hybrid ความเงียบและไร้มลพิษเมื่อมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานที่ความเร็วต่ำเป็นจุดเด่นของระบบ Full Hybrid ที่ Lexus เลือกใช้ สำหรับอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเมื่อลองทดสอบขับขี่ในกรุงเทพมหานครท่ามกลางสภาพการจราจรที่สาหัสสากรรจ์ด้วยโหมด ECO-EV มันทำอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยได้ถึง 19.7 กิโลเมตรต่อลิตร ไม่น้อยหน้ารถยนต์ Hybrid อย่าง Prius แต่อย่างใดทั้งสิ้น ที่เจ๋งมากคือคอมเพรชเซอร์แอร์ไฟฟ้าที่ยังคงทำงานแม้ระบบจะสั่งให้เครื่องยนต์ดับตัวเองเมื่อจอดนิ่งสนิท คอมฯแอร์ไฟฟ้า อย่างที่เคยบอกว่ามันมีความเหมาะสมกับสภาพอากาศในเมืองไทยที่ร้อนทะลุโลกขึ้นทุกวัน


วิศวกรของค่ายหัวลูกศรใช้เวลาพัฒนาระบบ Hybrid มาได้ระยะหนึ่งแล้ว ในปัจจุบันบริษัทผลิตยานยนต์หรูหราของประเทศญี่ปุ่นเจ้านี้จึงมีผลิตภัณฑ์ในรูปแบบยานยนต์พลังงานผสมอยู่หลายรุ่น โดยเฉพาะตลาดรถหรูในสหรัฐอเมริกาที่ Lexus ได้รับความนิยมค่อนข้างสูงจากคนอเมริกันที่ชอบใช้รถยนต์คุณภาพดีที่ผลิตโดยค่ายรถแดนปลาดิบ เครื่องยนต์และระบบ Hybrid ถูกออกแบบให้มีการทำงานที่สอดคล้องกันอย่างสมบูรณ์แบบ การใช้งานด้วยการขับเคลื่อนที่ย่านความเร็วต่ำด้วยแบตเตอรี่เพียวๆทำได้อย่างลื่นไหลเป็นธรรมชาติและว่องไวในแบบที่มันควรจะเป็น การเร่งความเร็วในโหมดประหยัด แม้คันเร่งจะถูกปรับให้ลดการตอบสนองในโหมดนี้ แต่ย่านของกำลังแรงบิดทันทีที่คันเร่งไฟฟ้าถูกกดลงจนสุด มันจะทะยานออกตัวในแบบรถยนต์แฮตช์แบคที่วางเครื่อง 1.8 ลิตรทั่วไป มันคล่องแคล่วและปราดเปรียวมากยิ่งขึ้นเมื่อปุ่มปรับโหมดการขับขี่ถูกหมุนไปทางขวาสุดเพื่อเข้าสู่โหมดสปอร์ต ในโหมดนี้ทุกอย่างบน CT200h F-Sport จะตอบสนองเร็วขึ้น พลังในรูปของแรงบิดจากเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าจะทำงานประสานกันไปทั้งสองระบบเพื่อสร้างอัตราเร่งที่ทันอดทันใจไปตามรูปแบบสปอร์ตแฮตช์แบคของตัวรถ มีเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้มันแปรสภาพเป็นรถสปอร์ตได้ไม่ถนัดนัก นั่นก็คือระบบส่งกำลังแบบ CVT ที่ราบเรียบลื่นไหลไร้รอยต่อจนบางครั้งเหมือนดูอาการน่าเบื่ออยู่บ้างเหมือนกัน ความเป็นยนตรกรรมแบบ Hybrid ทำให้มันต้องวางมอเตอร์ไว้ในเกียร์ CVT ด้วยเหตุผลของพื้นที่และค่าทางกลศาสตร์ของเกียร์แบบนี้ซึ่งมีความเหมาะสมกับรถยนต์ Hybrid ส่วนสิ่งที่ค่อนข้างขัดแย้งกับพลังงานของมันก็คือช่วงล่างแบบสปอร์ตที่ออกแบบมาเพื่อรองรับแรงม้าในระดับ 250 ตัวมากกว่าที่จะเอามาใส่ในรถ Hybrid ซึ่งมีเรี่ยวแรงเพียงแค่ 134 แรงม้า ทั้งแข็งกระด้างในย่านความเร็วต่ำแต่หนึบแน่นที่ความเร็วสูง มันดูเหมือนขัดแย้งแต่ก็มีความกลมกลืนกันอย่างแปลกประหลาดตาม Concept ของผู้บริหารจาก Lexus ที่ต้องการรถยนต์สองบุคลิกในร่างเดียวกันนั่นเอง


ฝรั่งนักทดสอบรถยนต์ของนิตยสารรถในอังกฤษวิพากษ์วิจารณ์รถคันนี้อย่างหนักในด้านของกำลังที่มีความขัดแย้งกับรูปลักษณ์แบบสปอร์ต แต่ผมกลับมีความเห็นที่แตกต่างออกไป รถ CT200h นอกจากจะมีเรือนร่างที่สวยงามสมส่วนแล้ว มันยังมีระบบ Hybrid ที่เป็นเลิศด้านเทคโนโลยีประหยัดเชื้อเพลิงของวงการยนตรกรรม สิ่งที่ขัดแย้งอย่างรุนแรงใน CT200h F-Sport คันนี้คือช่วงล่างแบบสปอร์ตที่ไม่เคยเข้ากันได้กับกำลัง 134 แรงม้า ช่วงล่างออกแนวหนึบมากจนบางครั้งส่งถ่ายความกระด้างให้รู้สึกอย่างชัดเจน มันควรจะเป็นช่วงล่างของรถท่ี่มีกำลัง 250 แรงม้ามากกว่ารถ Hybrid แบบนี้ เมื่อใช้ความเร็วบนไฮเวย์การปรับมันให้เข้าสู่โหมดสปอร์ตคุณจะได้การตอบสนองที่ทันอกทันใจมากยิ่งขึ้น คันเร่งไฟฟ้าที่เคยทำงานแบบเรื่อยๆ มาเรียงๆ ในโหมด ECO เปลี่ยนตัวเองทันทีด้านความรู้สึก กดลงไปมันจะลากรอบให้ไหลขึ้นไปอย่างต่อเนื่องและทำให้รับรู้ได้ว่ามันก็มีฟิวส์สัมผัสแบบสปอร์ตแฝงอยู่พอตัว หน้าปัดที่เปลี่ยนเป็นสีแดง หน่วยวัดพลังงานที่มาตรวัดด้านซ้ายของกรอบหน้าปัดในโหมด ECO กลายสภาพเป็นวัดรอบสีแดงส้มที่เร้าและคอยกระตุ้นให้คุณลงคันเร่งลึกลงไปอีก ยาวนานและต่อเนื่อง ช่วงล่างที่เคยแข็งเป็นหินในย่านความเร็วต่ำแปรเปลี่ยนความรู้สึกและสัมผัสกลับมาเหมาะเจาะพอดิบพอดีกับการใช้ความเร็วในย่าน 140-170 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มันหนึบแน่น ถ่ายโอนแรงกดและดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้อย่างสมบูรณ์แบบแม้จะอัดผ่านผิวถนนที่ไม่เรียบ ช่วงล่างแบบสปอร์ตที่หลายคนไม่ชอบของ CT200 คายพิษสงไปตลอดทางหากคุณไม่ยอมผ่อนคันเร่ง มันจะกินเชื้อเพลิงมากขึ้นจนถึงขั้นขัดแย้งกับระบบ Full Hybrid แต่คนที่ซื้อรถยี่ห้อนี้ส่วนใหญ่ ผมแน่ใจว่ามันไม่ได้มีเอาไว้แค่คลาน เชื่อเถอะ เจ้าของ Lexus แทบจะคลั่งกันทุกรายหากเจอถนนโล่งๆ แบบที่ผมกำลังควบอยู่ในตอนนี้


เกียร์ CVT ที่มีมอเตอร์ไฟฟ้าอยู่ข้างในพยายามผลักดันตัวเองในโหมดสปอร์ตแต่ทำไม่ได้เต็มที่นักจากรูปแบบของมันเองที่เน้นความไหลลื่นราบเรียบมากกว่าความรู้สึกถึงพลังและแรงดึงที่ดีแบบเกียร์ทอร์คคอนเวอร์เตอร์ซึ่งยุ่งยากมากกว่าในการใช้งานร่วมกับระบบ Full Hybrid มีเพียง BMW ที่กล้าหาญพอในการใช้เกียร์ 8 สปีดทอร์คคอนเวอร์เตอร์ฝังมอเตอร์ไฟฟ้าสำหรับ ActiveHybrid ทุกรุ่นที่มีราคาของเกียร์ทั้งลูกแพงมากกว่าเกียร์ CVT หลายเท่าตัว สำหรับการยึกเกาะที่กระทำผ่านยาง Yokohama รุ่น Advan ไซส์ 205/55/R16 ให้สัมผัสที่ดีของพวงมาลัยนอกเหนือไปจากระบบบังคับเลี้ยวแบบไฟฟ้าที่มีอัตราทดแปรผันซึ่งค่อนข้างกระชับ จังหวะและระยะตลอดจนมุมของการหมุนมีความเป็นธรรมชาติ พวงมาลัยที่เซตตัวเองให้นิ่งในย่านความเร็วสูงและเบาสบายมือเมื่อต้องถอยเข้า-ออก ให้สภาพการใช้งานที่ดีน่าพึงพอใจ พวงมาลัยที่ไวแต่หนักเมื่อขับเร็วคือรสชาติของ Lexus ทุกรุ่นในปัจจุบัน ลดหลั่นกันไปตามโมเดลและราคาค่าตัวแต่ทุกคันให้สัมผัสที่ดีเทียบเท่ายนตรกรรมจากยุโรป ช่วยไม่ได้ที่ฝรั่งนักทดสอบจะไม่ค่อยชอบของดีจากเอเชียที่พยายามทำตัวเทียบเคียงรถยุโรปอย่างเจ้าหัวลูกศรคันนี้ หากคุณเปิดใจของตัวเองให้กว้างมากขึ้น สิ่งที่ไม่ดีในรถคันนี้ก็มีเพียงแค่ราคาของมันเท่านั้นที่สามารถซื้อ Toyota Prius รุ่นถูกสุดได้ถึงสองคันสองสี มันแพงหูดับตับทะลุอย่างไร้สาเหตุ ค่าตัว 2.3 ล้านทำให้มันไปได้ไม่ค่อยดีนักในตลาดรถหรูแบบ Hybrid


งานประกอบตัวถังและแชสซีส์ที่ดี (มาก) ทำให้ขับแล้วรู้สึกได้ถึงความหนักแน่น ทั้งน้ำหนักของการเปิดปิดประตูที่แตกต่างจากรถญี่ปุ่นทั่วไป วิศวกรรมโครงสร้างที่ดี กับงานออกแบบตัวถังที่ลงตัว เจ้า CT200h F-Sport มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานของอากาศ 0.28 รูปทรงของรถลู่ลมมากพอที่จะช่วยให้มอเตอร์และเครื่องยนต์ไม่ต้องรับภารกรรมมากนัก สำหรับอัตราเฉลี่ยค่าสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงนอกเมืองทำได้ 21.5 กิโลเมตรต่อลิิตร เป็นการขับแบบปกติที่ไม่เน้นความเร็วต่อเนื่อง ส่วนในเมืองทำได้ 18.6 กิโลเมตรต่อลิตร แต่ขับได้ระยะทางไม่มากนักเนื่องจากสภาพการจราจร มันเป็นรถที่ขับเข้าโค้งได้ดีในกลุ่มรถ Hybrid จากช่วงล่างแบบสปอร์ตและพวงมาลัยแปรผันไฟฟ้า ยนตรกรรม CT200h F-Sport เป็นรถที่ดูแล้วไม่เหมือนใคร มีความเป็นตัวตนสูงจากแบรนด์ที่ค้ำอยู่ซึ่งหมายถึงยานยนต์พรีเมี่ยมที่แตกต่างไปจากยนตรกรรมยี่ห้ออื่นๆ ซึ่งถูกสร้างขึ้นโดย Lexus และมันถูกอกถูกใจคนอเมริกันเนื่องจากถือกำเนิดและถูกทดสอบที่นั่นก่อนที่จะผลิตออกขาย ห้องโดยสารที่อาจดูคล้ายรถทั่วไป แต่มองให้ดีคุณจะเห็นและสัมผัสได้ถึงความแตกต่างทั้งดีไซน์และวัสดุที่ใช้ตกแต่ง รวมถึงตำแหน่ง b บนคันเกียร์ CVT น่าตาประหลาดที่ช่วยหน่วงความเร็วสำหรับการขับเข้าโค้งได้เฉียบคมขึ้น ระบบ Full Hybrid ของ Lexus ทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบตลอดระยะเวลา 7 วันกับระยะทางทดสอบอีก 600 กิโลเมตรที่ได้อยู่ร่วมกัน ไม่อยากจะบอกเลยว่ารถรุ่นนี้ได้รับการลดหย่อนภาษีในประเทศอังกฤษจากค่ามลพิษที่ดีของมันและการทำตัวเป็นรถ Hybrid ที่เมืองผู้ดี CT200h รุ่นนี้มีราคาเพียง 1.18 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ 2.3 ล้านบาทในบ้านเราแล้วก็แค่อยากจะบ้าตายเท่านั้นเอง.


VDO


อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail [email protected]
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom

 



// //

Copyright (c) 2010 munjeed.com All rights reserved.