สหรัฐ พร้อมนำทัพบุก ซีเรีย เศรษฐีน้ำมันรออานิสงส์ราคาพุ่ง
 


สหรัฐ พร้อมนำทัพบุก ซีเรีย เศรษฐีน้ำมันรออานิสงส์ราคาพุ่ง


สหรัฐ พร้อมนำทัพบุก ซีเรีย เศรษฐีน้ำมันรออานิสงส์ราคาพุ่ง

หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นในประเทศซีเรีย โดยเกิดเหตุสังหารหมู่โดยใช้อาวุธเคมี โจมตีย่านที่อยู่อาศัยของประชาชนในเมืองไอน์ ทาร์มา ซามัลก้า และโจบาร์ ชานกรุงดามัสกัสของซีเรีย ทำให้มีผู้เสียชีวิตราว 1,300 คน ทุกเพศทุกวัยเป็นผลให้สหรัฐที่ปักใจเชื่อทันทีว่าการใช้สารเคมีโจมตีพลเรือนเป็นฝีมือของรัฐบาลซีเรีย ประกาศกร้าวพร้อมที่จะโจมตีที่มั่นทางทหารของรัฐบาลซีเรีย ขณะที่นายออมราน โซบี รัฐมนตรีข่าวสารของซีเรีย ยืนกรานปฏิเสธว่า รัฐบาลไม่เคยใช้ก๊าซพิษทำร้ายประชาชน

เช่นเดียวกับอังกฤษ โดยบีบีซีรายงานว่า อังกฤษซึ่งเป็นสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคง (UNSC) พยายามโน้มน้าวให้สหประชาชาติหามาตรการในการเข้าไปพิทักษ์คุ้มครองพลเรือนซีเรีย ขณะที่พันธมิตรเหนียวแน่นของซีเรียอย่างรัสเซียก็โต้กลับว่า เหตุการณ์ในซีเรีย ยูเอ็นต้องใช้วิธีการทูตอย่างสันติ ซึ่งหากเกิดสงครามขึ้นจะส่งผลให้ภูมิภาคตะวันออกกลางไร้เสถียรภาพขึ้นมาทันที 

สอดคล้องกับนายลักดาร์ บราฮิมิ ทูตของสหประชาชาติในซีเรียที่ชี้ว่า การใช้กำลังทหารจากตะวันตกต่อรัฐบาลของนายบาชาร์ อัล-อัดซาด ประธานาธิบดีซีเรีย จะส่งผลให้ตะวันออกกลางสั่นคลอน ขณะเดียวกัน นายบัน คีมุน เลขาธิการสหประชาชาติชี้ว่า เจ้าหน้าที่สหประชาชาติต้องการเวลาไม่เกินสัปดาห์ในการตรวจหาหลักฐานที่เกิดขึ้นในซีเรีย แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีการโจมตีคณะเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปสืบสวน

แน่นอนว่าหากเกิดสงครามในซีเรียขึ้นมา ผนวกกับเหตุการณ์ความไม่สงบในอียิปต์ การเมือง เศรษฐกิจโลกจะต้องถึงคราวสั่นคลอนอย่างแน่นอน และมีความเป็นไปได้สูงที่สหรัฐและชาติพันธมิตรอย่างอังกฤษและฝรั่งเศสจะเปิดฉากโจมตีซีเรีย แม้ว่าสหประชาชาติหรือยูเอ็นจะไม่หนุนหลังก็ตาม 

มากกว่านั้น สำนักข่าวปราฟดา ของรัสเซียระบุว่า ตุรกี ประเทศซึ่งมีเขตติดต่อกับซีเรียทางตอนเหนือ มีท่าทีที่จะส่งทหารเข้าร่วมกับกองกำลังนานาชาติในการบุกซีเรีย แม้ว่าจะยังไม่มีมติที่แน่ชัดจากยูเอ็น ขณะที่ เอเอฟพี รายงานว่า ทางการอิสราเอลสั่งระดมกองกำลังสำรองบางส่วนเพื่อเตรียมพร้อมหากสงครามเกิดขึ้น 

ด้าน สำนักข่าวซินหัว รายงานถึงท่าทีจาก นายหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของจีน ที่ออกมาเตือนว่า การใช้กำลังทหารในซีเรียจากนานาชาติเป็นการขัดต่อกฎบัตรของสหประชาชาติ อีกทั้งจะทำให้ความโกลาหลลุกลามไปทั่วภูมิภาคตะวันออกกลางอีกด้วย พร้อมทั้งชี้ว่า การแก้ไขปัญหาทางการเมืองเป็นหนทางเดียวที่จะคลี่คลายวิกฤตในซีเรียได้ในขณะนี้

ท่าทีจากหลายฝ่ายต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในซีเรีย ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบที่นิวยอร์กพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 ปีที่ 112.24 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนต์สูงสุดในรอบ 3 ปี โดยมีราคามากกว่าที่ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล 

ทั้งนี้ ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า สถานการณ์ที่หมิ่นเหม่ต่อความรุนแรงในตะวันออกกลาง จะเป็นตัวจุดชนวนที่ดันให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นเกินกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์เอาไว้ที่ไม่มากไปกว่า 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และหากเกิดสงครามขึ้นจริง ชาติอาหรับรอบอ่าวเปอร์เซีย 6 ชาติ ที่ประกอบด้วย ซาอุดีอาระเบีย คูเวต โอมาน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ บาห์เรน และกาตาร์ จะได้รับอานิสงส์จากราคาน้ำมัน ในฐานะผู้ส่งออกหลักของโลก 

และมีท่าทีว่าราคาน้ำมันน่าจะแตะถึงระดับ 145 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เหมือนที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปี 2551 โดย นายฮามูด ซานกูร์ อัล ซาดจาลิ ผู้ว่าธนาคารกลางโอมาน กล่าวว่า เหตุการณ์ความรุนแรงในภูมิภาคที่กดดันให้ราคาน้ำมันพุ่งสูง จะส่งผลดีต่อกลุ่มชาติอาหรับรอบอ่าวเปอร์เซีย เนื่องจากรายได้เกือบทั้งหมดล้วนมาจากการขายน้ำมันทั้งสิ้น 

ขณะที่กลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันคาดหวังที่จะฟันกำไรจากราคาที่พุ่งสูงขึ้น ฉวยโอกาสจากความไม่สงบในเพื่อนบ้านร่วมภูมิภาค ราคาที่สูงขึ้นจะกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศที่ประสบกับการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดอยู่ในขณะนี้ และซ้ำเติมปัญหาเงินทุนไหลออกเหมือนที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม ยังเร็วไปที่จะฟันธงว่า สถานการณ์คลุมเครือในตะวันออกกลางจะส่งผลให้ตลาดเกิดใหม่ทั่วโลกหยุดการเจริญเติบโต ซึ่งนายอัล ซาดจาลิ เชื่อว่า ตลาดเกิดใหม่ยังคงขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปได้อย่างต่อเนื่อง 

ด้าน นายคริส สเคร์โบวสกี้ บรรณาธิการปิโตรเลียมรีวิว ซึ่งเป็นนิตยสารของสถาบันพลังงานของอังกฤษ ที่เปิดเผยผ่านเทเลกราฟว่า ปัญหาด้านราคาน้ำมันในโลกจะสั่นคลอนมากขึ้น เนื่องจากประเทศส่งออกหลักล้วนมีปัญหาภายใน อย่างไนจีเรียที่ต้องตกอยู่ในสภาพไร้ขื่อแป อิรักที่กำลังจะกลับไปสู่ยุคสงครามระหว่างมุลลิมชีอะห์กับซุนหนี่อีกครั้งเหมือนในปี 2549-2550 และลิเบียที่ยังมีความไม่สงบเกิดขึ้นอยู่

ทั้งนี้ ดูเหมือนว่าซีเรียอาจจะไม่รอดพ้นเงื้อมมือของกลุ่มชาติพันธมิตรตะวันตกที่มีแนวโน้มจะจู่โจม ท่ามกลางกระแสคัดค้านจากหลายประเทศที่สำนักข่าวซานา สื่อกระบอกเสียงของรัฐบาลซีเรียเผย ประกอบด้วยอิหร่าน เวเนซุเอลา เลบานอน และสองมหาอำนาจใหญ่อย่างจีนและรัสเซีย

ติดตามข่าวสาร ผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ค ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ www.facebook.com/prachachatทวิตเตอร์ @prachachat



// //

Copyright (c) 2010 munjeed.com All rights reserved.