"กล้า สมุทวณิช"เขียน"แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ของท่านรัฐมนตรีชัชชาติ"
 


"กล้า สมุทวณิช"เขียน"แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ของท่านรัฐมนตรีชัชชาติ"



คอลัมน์ คนตกสีที่อยู่อีกฝั่งหนึ่ง มติชนรายวัน


โดย กล้า สมุทวณิช

กระแส "ชัชชาติฟีเวอร์" กำลังมาแรงในโซเชียลมีเดียขณะนี้

ท่านรัฐมนตรีชัชชาติ หรือถ้าเรียกให้เต็มตามตำแหน่งทางวิชาการ คือ รศ.ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมคนปัจจุบัน จาก "รัฐมนตรีช่วยผู้โลกลืม" ในสมัยที่แล้ว มาเปล่งแสงเต็มที่ เมื่อเข้ารับตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการเต็มตัว

ข่าวแรกที่ทำให้ฮือฮา คือการ "สั่ง" ให้ข้าราชการในกระทรวงที่เทียบเท่าระดับเก้าขึ้นไป ให้ทดลองใช้บริการ "รถเมล์" หรือบริการขนส่งมวลชนสาธารณะ อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง ซึ่งคนสั่งก็ไม่ใช่สั่งอย่างเดียว ในวันรุ่งขึ้น มีคนไปพบรัฐมนตรีรอรถเมล์เกือบชั่วโมง พบประสบการณ์ตรง ปัญหาจริงเรื่องรถเมล์ขาดระยะ จนเกือบไปขึ้นเครื่องบินไม่ทัน 

ต่อจากนั้น ผู้คนก็ได้พบเห็นท่านรัฐมนตรีไปปรากฏตัวตามบริการขนส่งมวลชนสาธารณะต่างๆ เช่น เรือด่วน รถไฟ แอร์พอร์ตลิงก์ เรียกว่าขนส่งมวลชนอะไรที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงคมนาคม ท่านลองไปขึ้นมาหมด รวมทั้งการใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียในการสอบถามความต้องการของประชาชน เช่น รถเมล์สายไหนมีปัญหาที่สุด เมื่อได้คำตอบขาดลอยว่าเป็นสาย 8 วันรุ่งขึ้น คุณชัชชาติไปนั่งรถเมล์สายที่ว่าตอนเช้า ตอนบ่ายเรียกผู้ประกอบการมาคุย พร้อมมาตรการระยะสั้นระยะยาวเกี่ยวกับการปรับปรุงบริการเสร็จสรรพ ก่อนที่วันรุ่งขึ้นจะไปขึ้นรถไฟฟรี ร่วมชะตากรรมเดินทางสิบชั่วโมงไปจังหวัดสุรินทร์ กับรถไฟชั้นสามของจริง ... เลตจริง และกลิ่นจริง

ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในช่วงแรกๆ จากผู้ที่ไม่ชอบรัฐบาลหรือคนทั่วๆ ไปว่า เป็นการทำงานแบบสร้างภาพหรือเปล่า แต่เสียงวิจารณ์ต่างๆ นั้นก็เริ่มเงียบไป เมื่อได้เห็นว่า เรื่องที่ท่านรัฐมนตรีลงไปจับนั้น มีการวิเคราะห์ปัญหาพร้อมแนวทางแก้ไขในทันที และออกแผนปฏิบัติการกำหนดตัวผู้รับผิดชอบ ไขลานให้ดูแลแก้ไข 

แม้ตอนนี้อาจจะยังไม่เห็นผลงานที่เป็นรูปธรรมชัดเจนนัก หากก็ต้องให้ความยุติธรรมด้วยว่า นี่เป็นการเพิ่งเริ่มสำรวจปัญหา สั่งการหรือเริ่มดำเนินการเท่านั้น เพราะแต่ละเรื่องที่คุณชัชชาติลงมาจับแตะนั้น เป็นเหมือนกองขยะทั้งเปียกทั้งแห้งที่หมักหมมมานาน เกี่ยวเนื่องกันหมดจนไม่รู้จะขัดจะล้างตรงไหนก่อนหลัง

กระแสชัชชาติฟีเวอร์ ทำให้คนทั่วไปไม่ว่าจะหมายตัวเองเป็นสีอะไร ก็เชื่อและหวังว่าคุณชัชชาติจะมาช่วยแก้ปัญหาได้จริง หรือถ้าโพสต์อะไรลงไปแจ้งในเพจคุณชัชชาติ ก็จะมี "รัฐมนตรีตัวจริง" รู้เห็นและอาจจะช่วยจัดการได้ เช่น เรื่องรถไฟปล่อยสิ่งปฏิกูลลงมาตามทาง รถตู้เถื่อนประสบอุบัติเหตุ ท่านรัฐมนตรีก็จะเข้าไป "ดูแล" ให้แทบจะทันที กับส่งผลทางอ้อมต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐด้วย ที่จะต้องคอยกระตือรือร้น ปฏิบัติหน้าที่ให้เข้มแข็งเมื่อมีการไปร้องเรียนที่เพจของคุณ

ชัชชาติ เช่นเรื่องแท็กซี่อันธพาลที่ลอยนวลมานาน 

พอมีคนมาฟ้องในเพจเท่านั้น วันรุ่งขึ้นตำรวจจับได้เลย ซึ่งอันนี้เป็นเรื่องของผลโดยอ้อมที่ทำให้เจ้าหน้าที่ของรัฐที่อาจเกี่ยวข้องต้องตื่นตัว ก่อนที่ตัวเจ้าของเพจจะลงไป "จัด" เอง

หลายคนถึงกับยอมรับว่า เดิมไม่ชอบพวกเสื้อแดง ไม่ชอบรัฐบาลพรรคเพื่อไทย และตอนนี้ก็ยังไม่ชอบ แต่ก็ "เชียร์" ให้รัฐมนตรีคนนี้ทำงานไปนานๆ เป็นรัฐมนตรีตัวจริง ที่อาจจะมาแก้ปัญหาที่เป็นทุกข์ร่วมกันของคนส่วนใหญ่ได้

ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีว่า คนในสังคมส่วนใหญ่ไม่ได้ไร้สติเพราะ "สีเสื้อ" จนเกินไป จนไม่มองความตั้งใจจริงของอีกฝ่ายหนึ่ง ฝ่ายที่ไม่ใช่เสื้อแดงก็ไม่ได้เห็นว่ารัฐบาลหรือฝ่ายการเมืองทำอะไรเลวไปหมดเพราะเป็นพวก "สีแดง" ถ้ารัฐบาลทำงานดี เลือกคนดีมาทำงานจริง คนอีกสีอีกฝั่งก็ยินดีสนับสนุนได้แม้จะเป็นคนละขั้วการเมืองกัน 

ทั้งนี้ก็แอบหวังไกลออกไปถึงคนอีกฝั่งเหมือนกันว่า ฝ่ายเสื้อแดงก็น่าจะลอง "มอง" ฝ่ายที่เห็นว่าอยู่ตรงข้ามตามเนื้อผ้าบ้าง เช่น หากศาลหรือองค์กรตามรัฐธรรมนูญ ทำอะไรที่เป็นการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน หรือสั่งการให้รัฐต้องปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ก็น่าจะลองพิจารณาอย่างเป็นธรรมบ้าง อย่าคิดแต่ว่าเป็นพวก "อำมาตย์" ที่จะมากลั่นแกล้งให้รัฐบาลที่ตัวรักทำงานได้ช้า หรือขัดใจจะยุบจะเลิกท่าเดียว

ในวันที่นั่งรถไฟไปตรวจการถ้ำขุนตาน คุณชัชชาติได้ถ่ายภาพภายในอุโมงค์มาโพสต์ไว้บนเฟซบุ๊ก เป็นภาพของแสงสว่างรำไรที่แสดงว่ามีทางออกของอุโมงค์อยู่ข้างหน้า ปรากฏการณ์ชัชชาติฟีเวอร์นี้ ก็ทำให้เหมือนเห็นแสงบางอย่าง จากอุโมงค์มืดแห่งความขัดแย้ง ที่อาจจะยังไม่สิ้นหวังจนเกินไปที่สักวันผู้คนต่างสีจะกลับมาพูดดีๆ กันได้ แม้จะยังเห็นต่างกันบ้าง 

เพราะอย่างน้อย เราก็ยังเห็น "ความดี" ของคนอีกฝั่งหนึ่งอยู่


// //

Copyright (c) 2010 munjeed.com All rights reserved.