ธปท.ชี้ ศก.ก.ค.โงหัวไม่ขึ้น บริโภคเอกชน-ลงทุนหด ความเชื่อมั่นธุรกิจวูบเหลือ 48.3%
 


ธปท.ชี้ ศก.ก.ค.โงหัวไม่ขึ้น บริโภคเอกชน-ลงทุนหด ความเชื่อมั่นธุรกิจวูบเหลือ 48.3%


ธปท.ชี้ ศก.ก.ค.โงหัวไม่ขึ้น บริโภคเอกชน-ลงทุนหด ความเชื่อมั่นธุรกิจวูบเหลือ 48.3%

ธปท.ประกาศเศรษฐกิจ ก.ค.ชะลอตัวต่อเนื่อง การบริโภคเอกชน ลงทุน ส่งออกหดตัว ตามตลาดโลกที่ยังเปราะบางทางเศรษฐกิจ ขณะที่ความเชื่อมั่นผู้ประกอบการรูดต่ำเหลือ 48.3% ธปท.ขอประเมินอีก 1 เดือนก่อนพูดว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวชัดเจนหรือผ่านจุดต่ำสุด

นายเมธี สุภาพงษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจเดือนก.ค.56 ชะลอลงต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้า ตามการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนที่หดตัว 0.7% จากเดือนก่อนขยายตัว 0.4% จากการซื้อรถยนต์และสินค้าคงทนอื่น ประกอบกับการส่งออกสินค้าที่หดตัว 1.3% มูลค่าอยู่ที่ 18,804 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากอุปสงค์ต่างประเทศที่ยังเปราะบาง ส่งผลให้การผลิตภาคอุตสากรรมโดยรวมหดตัว 4.5% โดยเป็นการลดลงทั้งหมวดอุตสาหกรรมที่ผลิตเพื่อการส่งออกหดตัว 8.1% หมวดอุตสาหกรรมที่ผลิตเพื่อจำหน่ายทั้งในประเทศ และส่งออกหดตัว 4.9% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน

นอกจากนี้ ยังสอดคล้องกับการลงทุนภาคเอกชนที่หดตัว 5.4% ตามการลงทุนในหมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์ เห็นได้จากยอดจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ภายใต้มาตรการคืนเงินภาษีรถยนต์คักแรกสิ้นสุดลง ประกอบกับคำสั่งซื้อใหม่น้อยลง โดยเฉพาะยอดการส่งออกรถกระบะไปยังประเทศในกลุ่มตะวันออกกลางที่ลดลง เพราะผลกระทบจากความไม่สงบในกลุ่มประเทศดังกล่าว ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยให้การนำเข้าหดตัวตามไปด้วย 0.2% มูลค่าอยู่ที่ 18,546 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการก็ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 48.3 ขณะที่ 3 เดือนข้างหน้า ความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังอยู่เหนือ 50 เนื่องจากผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นที่ดีต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ

ส่วนดุลการค้าเกินดุลที่258 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อรวมกับดุลบริการ รายได้ เงินโอนที่ขาดดุล 967 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการส่งกลับกำไรและเงินปันผลไปต่างประเทศ โดยเฉพาะจากธุรกิจยานยนต์ที่ผลประกอบการค่อนข้างสูง ประกอบกับค่าเงินเยนอ่อนลงมามาก เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่งผลให้ดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุล 709 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ขาดดุล 664 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดดังกล่าวไม่น่ากังวลมากนัก เนื่องจากการขาดดุลดังกล่าว เป็นผลจากมีการนำเข้าทองคำค่อนข้างสูงในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งหากหักทองคำออกดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 255 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ ธปท.ยังคงติดตามการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดที่เป็นข้อสังเกตอย่างต่อเนื่อง โดยเบื้องต้นยืนยันประเด็นดังกล่าวยังไม่เป็นสาเหตุสำคัญที่ต้องออกมาตรการอะไรเข้าไปดูแลเป็นพิเศษ

“ขณะนี้คงเร็วเกินไปที่จะพูดได้ว่าเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวอย่างชัดเจนและไม่อยากพูดว่าเศรษฐกิจไทยได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้วหรือไม่เพราะภาพรวมเศรษฐกิจเดือน ก.ค.ชะลอตัวลงบางตัวแต่ไม่รุนแรงเหมือนช่วงในช่วงที่ผ่านมาก โดยขอเวลาติดตามข้อมูลเศรษฐกิจไทยในเดือน ส.ค.อีก 1 เดือนว่าจะออกมาเป็นอย่างไร รวมทั้งต้องติดตามความเสี่ยงด้านต่าง ๆ ที่จะเข้ามากระทบเศรษฐกิจไทยด้วย ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น จึงต้องนำทุกปัจจัยรอบด้านมาประกอบการพิจารณาแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป” นายเมธีกล่าว

อย่างไรก็ตาม สำหรับภาพรวมการขยายตัวของสินเชื่อในเดือน ก.ค.ที่ชะลอลงนั้นโดยสินเชื่อรวมชะลอลงอยู่ที่12.3% เทียบกับเดือนก่อนที่ขยายตัว 12.8% ขณะที่สินเชื่อธุรกิจอยู่ที่ 10.5% จากเดือนก่อนที่ขยายตัว 10.3% ขณะสินเชื่อครัวเรือนชะลอลงมาอยู่ที่ 13.6% จากเดือนก่อนที่ 13.9% โดยมองว่าการขยายตัวชะลอลงของสินเชื่อภาคเอกชนนั้น ส่งผลดีในแง่ที่ทำให้หนี้สินของประชาชนปรับลดลง ซึ่งมีส่วนช่วยให้เศรษฐกิจไทยมีเสถียรภาพมากขึ้น ถึงแม้ว่าอาจส่งผลกระทบให้แนวโน้มการใช้จ่ายของประชาชนปรับลดลงก็ตาม แต่ประเมินว่าจะเป็นการชะลอลงแค่เพียงระยะสั้นไม่ต่อเนื่อง



ร่วมเป็นแฟนเพจเฟซบุ๊กกับประชาชาติธุรกิจออนไลน์
www.facebook.com/prachachat
หรือติดตามผ่าน ทวิตเตอร์ @prachachat




// //

Copyright (c) 2010 munjeed.com All rights reserved.