ทำไมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ภูมิภาค จึงร้อนแรง?
 


ทำไมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ภูมิภาค จึงร้อนแรง?


ทำไมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ภูมิภาค จึงร้อนแรง?

คอลัมน์ มองบ้านมองเมือง : ปริญญา ตรีน้อยใส มติชนสุดสัปดาห์

ผลที่เห็นได้ชัดจากการดำเนินนโยบายแปรเปลี่ยนสนามรบให้เป็นตลาดการค้าของ พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตนายกรัฐมนตรี ทำให้ธุรกิจการค้าชายแดนของไทยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

จังหวัดชายแดนรอบประเทศ ไม่ว่าจะเป็น เชียงราย ตาก กาญจนบุรี อุดรธานี หนองคาย มุกดาหาร บุรีรัมย์ ฯลฯ จึงคึกคักเหลือกำลัง อันเสริมให้เศรษฐกิจของประเทศโดยรวม ประคองตัวฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจได้ แม้ว่าในหลายปีที่ผ่านมา คนในเมืองกรุงเล่นกีฬาสีอย่างเมามัน ส่วนคนในภาคกลางก่อกำแพงกั้นน้ำอย่างวุ่นวาย

กิจการค้าชายแดนยังส่งผลต่อเนื่องถึงหัวเมืองใหญ่ ที่อยู่ใกล้เคียง อย่างเช่น เชียงใหม่ ขอนแก่น นครราชสีมา ชลบุรี

ดังจะเห็นได้จากยอดรายได้ของห้างสรรพสินค้า วัสดุก่อสร้าง และการแต่งบ้าน ที่อุดรธานี นครราชสีมา และขอนแก่น นำสาขาอื่นๆ ทั่วประเทศ

หรือแผนการลงทุนศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า พร้อมกัน 7 แห่ง ในภูมิภาค ได้แก่ ที่เชียงใหม่ อุดรธานี อุบลราชธานี หาดใหญ่ ลำปาง และสุราษฎร์ธานี 

ผลพวงจากแผนพัฒนาพื้นที่ทางด้านตะวันออก เป็นท่าเรือน้ำลึกและนิคมอุตสาหกรรม ยังทำให้ชลบุรีและระยองกลายเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค

เช่นเดียวกับผลจากแผนพัฒนาการท่องเที่ยว ทำให้เชียงใหม่ พัทยา หาดใหญ่ ภูเก็ต และสมุย เป็นจุดหมายของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก

หรือแม้แต่ ผลจากน้ำท่วมใหญ่บริเวณอยุธยาทำให้โรงงานต่างๆ เริ่มย้ายกิจการไปยังโคราช ปราจีนบุรี หรือระยอง

ด้วยเหตุที่กล่าวมาทั้งหมด ย่อมทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากและรวดเร็วในภูมิภาคอย่างที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า

แต่ก็ขอเสนอตัวเลขการก่อสร้างที่พักอาศัย ทั้งบ้านแนวราบและอาคารพักอาศัยรวม ประเภทคอนโดมิเนียมหรือแฟลต มาช่วยยืนยันการเปลี่ยนแปลง ซึ่งจะชี้ให้เห็นว่า ช่องว่างระหว่างกรุงเทพฯเมืองหลวงกับหัวเมืองในต่างจังหวัดในภูมิภาคนั้น เริ่มแคบเข้ามา

ยิ่งถ้ารวมตัวเลขของแต่ละจังหวัดเข้าด้วยกัน ตัวเลขในภูมิภาคเริ่มใกล้เคียงหรือเริ่มมากกว่าตัวเลขในกรุงเทพฯ

จากคลังข้อมูลของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ สำนักงานใหญ่ พบว่าจำนวนบ้านแนวราบที่ขออนุญาตปลูกสร้าง ในปี พ.ศ.2552 นั้น เฉพาะในกรุงเทพฯ ตัวเลขอยู่ที่สองหมื่นหน่วย (21,358) ในขณะที่ ตัวเลขของนครราชสีมาและชลบุรี สูงถึงหมื่นห้าพันหน่วย (14,560 และ 13,936) เชียงใหม่และขอนแก่น ต่ำกว่าหมื่นเพียงเล็กน้อย (9,037, 8,804)

ดังนั้น เพียงแค่สี่จังหวัดในภูมิภาค จำนวนบ้านแนวราบที่ขออนุญาตปลูกสร้าง ในปี พ.ศ.2552 ก็มากกว่าในกรุงเทพฯ แล้ว

สำหรับการขออนุญาตปลูกสร้างอาคารพักอาศัยรวมภาษาราชการ คอนโดมิเนียมหรือแฟลต ภาษาชาวบ้าน ในปี พ.ศ.2552 นั้น ตัวเลขจำนวนอาคารของกรุงเทพฯ จะอยู่ที่ร้อยละยี่สิบของจำนวนรวมทั่วประเทศ แต่ตัวเลขพื้นที่อาจมากขึ้นเป็น ร้อยละห้าสิบ เพราะส่วนใหญ่เป็นอาคารสูง 

ในขณะที่ตัวเลขอาคารในชลบุรีนั้น อยู่ที่ร้อยละสิบ และตัวเลขพื้นที่ก็อยู่ที่ร้อยละสิบเช่นกัน

ยังมีข้อมูลเพิ่มเติมดังนี้ สิบลำดับจังหวัดที่ขออนุญาตปลูกสร้างบ้านแนวราบมากที่สุด เริ่มจาก กรุงเทพฯ เป็นลำดับหนึ่ง ตามด้วย นครราชสีมา ชลบุรี นนทบุรี เชียงใหม่ ขอนแก่น ปทุมธานี สงขลา สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต และสมุทรปราการ

ส่วนการขออนุญาตอาคารพักอาศัยรวม เริ่มจาก กรุงเทพฯ เป็นอันดับหนึ่งเช่นกัน ตามติดด้วยชลบุรี ขอนแก่น ประจวบคีรีขันธ์ ปทุมธานี ภูเก็ต เชียงใหม่ สมุทรปราการ นครปฐม และนนทบุรี

เพียงแค่ตัวเลขการขออนุญาตปลูกสร้างบ้านแนวราบและอาคารพักอาศัยรวม ที่นำเสนอ ก็สะท้อนถึงความคึกคักของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในภูมิภาคได้อย่างชัดเจน 

จึงไม่แปลกที่บรรดาบริษัทอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ จะแยกย้ายออกไปหากินในต่างจังหวัดกันเป็นที่เรียบร้อย



// //

Copyright (c) 2010 munjeed.com All rights reserved.