เศรษฐีจอมประหยัด ทดสอบ LEXUS HYBRID DRIVE ใน IS300h (ตอนที่2)
 


เศรษฐีจอมประหยัด ทดสอบ LEXUS HYBRID DRIVE ใน IS300h (ตอนที่2)


เศรษฐีจอมประหยัด ทดสอบ LEXUS HYBRID DRIVE ใน IS300h (ตอนที่2)

ตอนที่สองกับการทดสอบ Lexus Hybrid Drive ใน IS300h 19 กิโลเมตรต่อลิตร บนเครื่องยนต์พลังงานผสมเบนซินบวกมอเตอร์ไฟฟ้าและนวัตกรรมของระบบขับเคลื่อนและระบบรองรับในระดับพรีเมี่ยม...

ห้องโดยสารที่ปิดกั้นเสียงจากภายนอกสร้างบรรยากาศที่เงียบงันในการอาศัยอยู่บน Lexus IS300h ตำแหน่งท่านั่งที่ดีแม้พื้นที่วางเท้าจะน้อยเกินไปช่วยทำให้การควบคุมมันบนย่านความเร็วต่ำเมื่อทดลองขับในเมืองมีความสบายใช้ได้เลยทีเดียว ดูเหมือนกับว่ามันจะมีห้องโดยสารที่กว้างพอ ๆ กันกับรุ่น GS แต่โดยเนื้อแท้แล้วมันมีพื้นที่น้อยกว่ารุ่นพี่ของมันพอสมควร ท่านั่งที่ค่อนข้างจมลงไปกับพื้นรถทำให้ผมรู้สึกชื่นชอบไม่ต่างจากการนั่งขับ Series-3 แต่สำหรับคนตัวเตี้ย การปรับเบาะโดยสารให้สูงขึ้นมากกว่าปกติผ่านกลไกมอเตอร์จะช่วยให้มุมมองที่กว้างไกลมากยิ่งขึ้น ท่านั่งที่มีความเหมาะสมกับสรีระของคุณจะทำให้การขับขี่มีความปลอดภัย แขนที่ไม่ตึงหรือหย่อนจนเกินไป ขาที่ไม่งอหรือเหยียดออกไปจนเกือบสุดเป็นท่านั่งที่ถูกต้องเหมาะสมกับการควบคุมยานพาหนะที่มีความเร็วแบบเจ้าสปอร์ตไฮบริดคันนี้


ที่ความเร็วต่ำเมื่อต้องไหลไปตามสภาพการจราจรที่เข้าขั้นจราจรของกรุงเทพฯ มอเตอร์ไฟฟ้าของระบบ Lexus Hybrid Drive จะเข้ามารับหน้าที่ขับเคลื่ือนเจ้า IS300h ด้วยความเร็วไม่เกิน 45-55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มันสามารถแล่นอย่างเงียบเชียบราวกับรถปิศาจไปได้ไกลถึง 6 กิโลเมตร ก่อนที่เครื่องยนต์จะติดตัวเองขึ้นมาเพื่อรับหน้าที่ต่อเมื่อระบบตรวจพบว่าแบตฯ กำลังจะหมดประจุไฟฟ้า ความเงียบของห้องโดยสารเมื่อไม่ได้เปิดเครื่องเสียงราคาแพงอาจทำให้คุณรู้สึกเหงาขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ มันเป็นซีดานระดับพรีเมี่ยมที่ใช้วัสดุซับเสียงกับยางขอบประตูอยู่ในขั้นแนวหน้าของวงการด้านความเงียบ ผลึกกั้นจากเสียงรบกวนจากภายนอกโดยสิ้นเชิง แม้แต่มอเตอร์ไซค์แต่งท่อของพวกวัยรุ่นที่แผดเสียงสนั่นก็ลอดเข้ามาให้ได้ยินเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เบาะที่มีพัดลมยังช่วยให้ก้นของคุณเย็นสบายตลอดการเดินทางในเมืองร้อนอย่างประเทศไทย และมันมีความเหมาะมากเมื่อคุณต้องจอดรถกลางแดดนาน ๆ แล้วกลับขึ้นไปนั่งอีกครั้งท่ามกลางแสงแดดจัด ซึ่งเบาะหนังสีดำทั่วไปเมื่อจอดตากแดดนาน ๆ อาจทำให้ก้นคุณสุกได้โดยใช้เวลาไม่นานนัก


ทุกครั้งที่รถจอดนิ่งสนิท เครื่องยนต์ของ IS300h จะดับตัวเองลงทันที และเมื่อผู้ขับยกเท้าออกจากแป้นเบรก มอเตอร์ไฟฟ้าจะเข้ามารับหน้าที่ขับเคลื่อนบนย่านความเร็วต่ำ การไหลไปตามสภาพจราจรที่ติดขัดมันแทบจะไม่ใช้เชื้อเพลิงกับไม่มีการปล่อย CO2 หากคุณเพียงแค่ยกเท้าออกจากแป้นเบรก มันจะวิ่งด้วยมอเตอร์เพียว ๆ ไปได้ไกลพอที่จะช่วยทำให้คุณไม่ต้องเข้า-ออกปั๊มน้ำมันกันบ่อยเหมือนเมื่ิอก่อน ระบบปรับอากาศของ Lexus Hybrid Drive ทุกรุ่นทุกคันใช้คอมเพรสเซอร์ไฟฟ้า ทำให้การดับเครื่องยนต์ไม่มีความเกี่ยวข้องกับวงจรการทำงานของคอมฯ แอร์ มันจะส่งความเย็นอย่างต่อเนื่องด้วยพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ของระบบ Hybrid ระบบ Auto Start/Stop ของ IS300h เหนือกว่ายนตรกรรมยุโรปบางยี่ห้อที่คอมเพรสเซอร์แอร์จะหยุดทำงานเมื่อเครื่องยนต์ดับ โดยเหลือเพียงแค่พัดลมแอร์เท่านั้นที่ยังคงทำงาน ทำให้อุณหภูมิของห้องโดยสารเพิ่มสูงขึ้นหากขับขี่กลางแดดจ้าแบบประเทศไทย จนบางครั้งผมถึงกับต้องกดยกเลิกระบบ Auto- Start/Stop ความดีของคอมเพรสเซอร์ไฟฟ้าใน IS300h เหมาะเจาะและเข้ากันกับสภาพการใช้งานในเมืองร้อนที่มีอุณหภูมิสูงกว่าปกติ ช่วยเพิ่มความสบายตัวด้วยไอเย็นฉ่ำของระบบปรับอากาศขณะที่เครื่องยนต์หยุดการทำงาน


โหมด ECO ใน IS300h คันเร่งจะหยุ่น ๆ ย้วย ๆ ไหลไปตามแรงเท้า การตอบสนองของคันเร่งไฟฟ้าจะลดความฉับไวลงบ้างแต่ยังคงสมรรถนะของการเร่งที่ดีหากต้องขับแซงกันอย่างฉับพลันทันที ช่วงล่างคือจุดเด่นของรถคันนี้ มันหนึบและซับแรงสั่นสะเทือนได้หลากหลายระดับ เมื่อวิ่งผ่านผิวทางที่ไม่เรียบ อาการกระเด้งกระดอนแทบไม่ปรากฏ โช๊คอัพและสปริงของ Lexus สอดรับกับทุกสภาพทางได้อย่างเหลือเชื่อ บนถนนที่มีพื้นผิวเรียบ มันจะนิ่งและพริ้วจนคุณแปลกใจ กันสะเทือนและแชสซีส์ไดนามิกส์ของ IS300h จะแสดงตัวตนทีี่มาดมั่นออกมาทันทีที่คุณเริ่มต้นใช้ความเร็ว แม้คาแรกเตอร์แบบสปอร์ตซีดานของมันจะโดนขวางกันด้วยประสิทธิภาพของระบบส่งกำลัง แต่วิศวกรของค่ายหัวลูกศรได้ทำการปรับอารมณ์ของเกียร E-CVT ด้วยโหมดแมนนวล การชิฟเกียร์เองผ่านตำแหน่ง +/- บนคันเกียร์หรือการกดเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ด้วยแป้นหลังพวงมาลัย Lexus ปรับเกียร์ E-CVT ลูกนี้ให้มีถึง 6 สปีดแบบล็อกอัพทอร์คคอนเวอร์เตอร์ เป็นการเลียนแบบเกียร์อัตโนมัติของรถสปอร์ตได้เหมือนทั้งความรู้สึกและรสชาติของการผ่องถ่ายสปีดความเร็ว เกียร์ในโหมดแมนนวลนี้ คุณสามารถขับลากรอบโดยที่เกียร์ยังคงทดอยู่ตำแหน่งเดิมตราบใดที่ยังไม่กดเปลี่ยนเกียร์หรือโยกคันเกียร์ มันจะคาเกียร์ให้สามารถลากรอบได้ด้วยความสะใจ


กำลังจากเครื่องยนต์เบนซินแถวเรียงสี่สูบ 16 วาล์ว ปริมาตรความจุ 2.5 ลิตร 2,494 ซีซี รีดเค้นแรงม้าโดยไม่รวมกับมอเตอร์ได้ที่ตัวเลข 181.1 แรงม้า หรือ 133.5 กิโลวัตต์ ที่รอบเครื่อง 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดจากเครื่องยนต์เพียว ๆ อยู่ที่ 221 นิวตันเมตร ที่ 4,200 -5,400 รอบต่อนาที ส่วนย่านกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้านั้นมีให้ถึง 143.0 แรงม้ากับแรงบิด 300 นิวตันเมตร หรือ 31.3 กิโลกรัมเมตร เมื่อทั้งสองระบบทำงานพร้อมกันบนโหมดสปอร์ต แรงดึงอย่างต่อเนื่องหากลงคันเร่งกันเร็ว ๆ จะทำให้สภาพการขับขี่ของ IS300h แปรเปลี่ยนไปจากรถบ้าน ๆ มาเป็นสปอร์ตซีดานที่มีความมาดมั่น แม้กำลังจะสู้ ActiveHybrid 3 ไม่ได้แต่ความสนุกและความเฉียบคมนั้นมีให้พอ ๆ กัน ใน BMW รุ่นเครื่องยนต์ Hybrid นอกจากจะประหยัดแล้ว มันยังแรงจนทำให้ขนหัวลุกได้ง่าย ๆ หากอัดเค้นกันอย่างต่อเนื่อง แต่บน Lexus ซึ่งหมายถึงความเป็นผู้ลากมากดีเงินถุงเงินถัง มันจะให้แรงดึงแบบต่อเนื่อง ไม่กระโชกโฮกฮาก สุภาพและแนบเนียนแต่แอบซ่อนความโหดไว้ที่อัตราเร่ง


บนทางไฮเวย์ข้ามจังหวัด ผมใส่คันเร่งแม้ในโหมด ECO ก็ยังรู้สึกสนุก พวงมาลัยหนักแต่ไว การจะทำพวงมาลัยซึ่งหมายรวมถึงระบบบังคับเลี้ยวทั้งแกนให้เจ๋งถูกใจนักขับนั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก เนื่องจากต้นทุนของระบบที่แพงหูดับ ทำให้ IS300h มีพวงมาลัยเหนือกว่า ActiveHybrid 3 มันล้ำหน้าเจ้า BM เล็ก ๆ จากสัมผัสที่มาดมั่นและส่งถ่ายความมั่นใจแบบสุด ๆ ให้กับคนที่ีอยู่หลังพวงมาลัย ความนิ่งและสัมผัสที่แม่นยำชัดเจนไม่มีลังเลหรือขืนตัว จังหวะหมุนเข้าโค้งมุมแคบ จังหวะของการหักเลี้ยวเร็ว ๆ ทางที่วกไปวนมา อัตราทดที่ผกผันไปกับความเร็วและองศาของตัวรถตามการตรวจตราของ ECU มันจะปรับน้ำหนักให้น้อยหรือมากทันทีที่รับรู้ได้ว่าผู้ขับขี่กำลังทำอะไรอยู่กับคันเร่ง บนย่านความเร็วเดินทาง มันช่วยทำให้คุณไม่ต้องเหนื่อยกับการประคองพวงมาลัยไปตลอดทาง น้ำหนักที่สุดยอดทำให้มันเป็นหนึ่งในพวงมาลัยรถยนต์ประเภทซีดานที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยขับทดสอบ ไม่เว้นแม้แต่พวงมาลัยเทพ ๆ ของ Porsche 911/991 รุ่นล่าสุดที่มีพวงมาลัยไฟฟ้าอัตราทดแปรผันเหมือนกันกับเจ้า IS300h คันนี้


ช่วงล่างของ IS300h ผ่านการทดสอบในสนามแข่งที่ Nurburging ในขั้นตอนของการปรับแต่งรถต้นแบบจนมีความลงตัว การขับมันไปบนถนนที่สวยงามของภาคตะวันออกเป็นเรื่องที่น่าจดจำ มันเป็นรถที่วิ่งได้ไม่เร็วมากเหมือนรูปทรง ความเร็วสูงสุดที่มันสามารถทำได้คือ 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงซึ่งผมคิดว่ามากเกินพอสำหรับรถยนต์ Hybrid และไม่อาจนำไปเปรียบเทียบกับ ActiveHybrid 3 ที่มีราคาสูงกว่า IS300h รุ่น luxury package ถึง 1.4 ล้านบาท ลึกลงไปในภาพรวมด้วยการขับขี่ที่นิ่มนวลนั่งสบายจากระบบรองรับที่สมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะกลไกของชุดบังคับเลี้ยวที่โดดเด่นแม้จะเป็นระบบไฟฟ้า การขับมันให้เร็วขึ้นบนโหมดสปอร์ตมีอัตราสิ้นเปลืองที่ไม่แตกต่างจากโหมดประหยัดเท่าไรนัก นับเป็นเรื่องที่ดีที่เจ้าของรถสามารถสนุกไปกับการขับ IS300h บนความประหยัดในโหมดที่กระฉับกระเฉงมากที่สุด เมื่อกดปุ่มควบคุมกลับไปใช้งานใน Sport Mode คันเร่งจะปรับตัวเองให้เร็วและไวขึ้น ความยืดหยุ่นของสัมผัสที่เปลี่ยนไปเกิดขึ้นทุกหน่วยการควบคุม พวงมาลัยจะตอบสนองต่อการหักเลี้ยวด้วยน้ำหนักที่แน่นมากกว่าเดิม ในย่านความเร็ว 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมงมันมอบความมั่นใจได้คล้ายกับกำลังควบ Series-3 รุ่นล่าสุด เกียร์ E-CVT พยายามอย่างหนักในการเติมเต็มสมรรถนะแต่ก็ทำได้ไม่ถนัดเท่าที่ควร แต่สิ่งที่เข้ามาทดแทนคือรอบเครื่องยนต์ที่ต่ำเมื่อใช้สปีดในย่านความเร็วเดินทาง รอบเครื่องยนต์หล่นลงมาอยู่ที่ 1500-1800 รอบต่อนาทีที่ความเร็ว 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง การใช้รอบเครื่องที่ไม่สูงมากเกินไปส่งผลไปถึงความประหยัดบนตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยสำหรับการวิ่งทดสอบทางไกลคือ 19.7 กิโลเมตรต่อลิตร


ผมชอบนำรถทดสอบมาขับในจังหวัดชลบุรีอยู่เป็นประจำ เนื่องจากความที่มีที่ตั้งอยู่ใกล้กับกรุงเทพฯ แถมภูมิประเทศของหัวเมืองในแถบภาคตะวันออกแห่งนี้ยังเต็มไปด้วยวิวทิวทัศน์ที่งดงาม เส้นทางที่มุ่งหน้าไปยังน้ำตกชันตาเถร ลัดออกไปทางที่เชื่อมต่อกับเขาเขียว ต่อเนื่องไปยังอ่างเก็บน้ำบางพระที่มีถนนรอบ ๆ ทะเลสาบเงียบสงบในวันธรรมดา แม้แต่หาดวอนนภาที่มีถนนเล็ก ๆ เลียบไปกับหาดก็ยังสวยงามในวันที่ปราศจากผู้คนและรถรามากมาย ชายหาดบางแสน สถานที่เก่าแก่สำหรับการพักใจดูทะเลของคนเมืองและเขาสามมุขที่เงียบจนเหงาในบ่ายวันจันทร์ซึ่งเป็นวันทำงาน รวมถึงหนองมนและอ่างศิลาที่ผู้คนชอบแวะไปไหว้ศาลเจ้ากับหาซื้อของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้าน เมื่ออยู่ใน IS300h มา 5 วัน ความคุ้นเคยเริ่มแปลเปลี่ยนมาเป็นความชอบ อย่างที่บอกว่ามันเป็นรถที่เน้นความนุ่มนวลแต่ยังคงแอบแฝงคาแรกเตอร์สปอร์ตซีดานเอาไว้ลึก ๆ ภายในท่ามกลางความประหยัดของระบบขับเคลื่อน Hybrid รูปทรงหน้าตาที่ไม่เหมือนรถญี่ปุ่นทั่ว ๆ ไปเรียกร้องและดึงดูดสายตาของผู้คน จากจำนวนของรถยี่ห้อนี้ ซึ่งมีวิ่งอยู่ในเมืองไทยไม่มากนัก รถ Lexus นั้น รุ่นที่ขายดีที่สุดคงไม่พ้น Crossover หรูหราในตระกูล RX นอกเหนือไปจากนั้นในรุ่นอื่น ๆ มียอดขายแค่ไปได้เรื่อย ๆ ผู้คนส่วนใหญ่ที่ซื้อ Lexus มีทั้ง BMW และ Mercedes Benz อยู่ในโรงจอดรถที่บ้าน ความที่อยากจะสัมผัสกับความแตกต่างบนความหรูที่เทียบเคียงกับรถยุโรป ทำให้ลูกค้าไฮโซกลุ่มเล็ก ๆ ยังคงจงรักภักดีต่อแบรนด์หัวลูกศรแบบไม่เสื่อมคลาย แม้จะไม่สามารถสร้างตัวเลขยอดขายได้ดีเท่ากับสองแบรนด์ใหญ่จากเยอรมนีก็ตาม


ราคา 2.9 ล้านบาท คุณจะได้รถ Hybrid สองรูปแบบที่เป็นได้ทั้งประหยัดและขับได้สนุกเหมือนรถจ่ายกับข้าวผสมสปอร์ตซีดาน แม้เครื่องเสียง mark levinson จะไม่ได้ถูกติดตั้งมาให้ในรุ่น Luxury Package ซึ่งเป็นรุ่นที่ผมขับทดสอบ แต่เครื่องเสียงไฮเอนพร้อมลำโพง 8 ทิศทางช่วยขับกล่อมให้คุณได้เพลิดเพลินใจได้ตลอดเส้นทาง วัสดุภายในแม้จะมีพลาสติกมากไปหน่อยก็ยังถือว่าหรูหรามีระดับ พลาสติกสีแชมเปญที่ประดับประดาอยู่ทั่วห้องโดยสารหากเปลี่ยนเป็นงานอัลลอยสีเงินแบบ BMW จะเจ๋งมากกว่านี้ เครื่องยนต์ 2.5 ลิตรกับระบบ Hybrid ทำงานได้โดยไร้ข้อครหา ระบบส่งกำลงแบบ E-CVT ที่พยายามทำตัวเลียนแบบเกียร์ทอร์คคอนเวอร์เตอร์ถือว่าสอบผ่านจากการช่วยลดรอบเครื่องยนต์เมื่อวิ่งในย่านความเร็วเดินทาง พวงมาลัยและช่วงล่างอยู่ในระดับเทพของวงการ ให้ทั้งความแม่นยำและความมั่นใจ ส่งผลไปถึงการควบคุมที่ง่ายดายสมราคาค่าตัว รูปลักษณ์ภายนอกที่แปลกตาแตกต่างจากรถยนต์ญี่ปุ่นทั่ว ๆ ไปกับศักดิ์ศรีของชาติตระกูลที่เหนือกว่า สภาพการขับขี่ที่ใกล้เคียงกับคู่แข่งจากยุโรป หากไม่แคร์ค่าเชื้อเพลิงและอยากให้พวกที่ขับ BMW หันกลับมามองคงต้องเลือก IS250 F-Sport ที่ทั้งหล่อและมีประสิทธิภาพ มันเป็นยนตรกรรมที่ก้าวไกลคันหนึ่งของวงการ สะอาดและประหยัดเชื้อเพลิงได้เป็นอย่างดี ข้อสำคัญมันเป็นรถที่ช่วยเสริมภาพลักษณ์ให้กับเจ้าของอย่างแท้จริง.

อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail [email protected]
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom

 



// //

Copyright (c) 2010 munjeed.com All rights reserved.