พราวพุธ ลิปตพัลลภ ลูกสาว"สุวัจน์" "ไม่สนการเมือง ขอเป็นดีเวลอปเปอร์ตามรอยคุณย่า"
 


พราวพุธ ลิปตพัลลภ ลูกสาว"สุวัจน์" "ไม่สนการเมือง ขอเป็นดีเวลอปเปอร์ตามรอยคุณย่า"


พราวพุธ ลิปตพัลลภ ลูกสาว

ภูมิ ชื่นบุญ : เรื่อง



ากมองจากสายตาของคนนอก คนส่วนใหญ่คงมีความเชื่อว่า "ดีเอ็นเอ" ในตัวของ "พราวพุธ ลิปตพัลลภ" วัย 26 ปี ทายาทสาวคนสุดท้องของ 2 นักการเมืองดังอย่าง "สุวัจน์ ลิปตพัลลภ" อดีตรองนายกรัฐมนตรี และ "พลโทหญิง พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ" อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน จะมีความเข้มข้นทางการเมืองสูงกว่าคนปกติทั่วไปหลายเท่า

ทว่าในความจริงกลับหาเป็นเช่นนั้นไม่ เนื่องจากพราวพุธยืนยันอย่างชัดเจนกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ถึงแม้จะโตมากับการลงพื้นที่ช่วยคุณพ่อแจกป้ายหาเสียงให้กับคนโคราชตั้งแต่ 5-6 ขวบ แต่กลับไม่รู้สึกชื่นชอบหรือผูกพันกับการทำงานในส่วนดังกล่าวสักเท่าไรนัก



"ส่วนตัวแล้วขอแค่มีความรู้สึกนับถือให้กับคนทำงานในอาชีพนักการเมืองที่ยอมทุ่มเทให้กับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนก็พอแล้วยังไม่ขอเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการทำงานการเมืองเพราะนอกจากจะเป็นอาชีพที่เหนื่อยกว่าที่คิดไว้มาก(เน้นเสียง) แล้ว บรรยากาศการเมืองในปัจจุบันก็ไม่ค่อยชักชวนให้เข้าไปอยู่ในวงการสักเท่าไร"

ประกอบกับการมีคุณย่า"จรัสพิมพ์ลิปตพัลลภ"ผู้สร้างอาณาจักรธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้กับตระกูลร่วมกับคุณปู่ "วิศว์ ลิปตพัลลภ" เป็นไอดอลในการดำเนินชีวิต

จึงเป็นธรรมดาที่พราวพุธจะตัดสินใจบอกลาบริษัทรับปรึกษาด้านการลงทุน "แมคเคนซี่" ซึ่งเป็นงานแรกในชีวิตที่ทำมานานถึง 2 ปี หลังเรียนจบปริญญาโทด้านการบริหารจากลอนดอน บิสซิเนสสกูล (จบปริญญาตรีด้านเศรษฐศาสตร์และการจัดการ มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด) เพื่อเข้ามารับช่วงต่อเป็นรุ่นที่ 3 ให้กับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของตระกูลลิปตพัลลภ แบบเต็มตัวเมื่อปีที่แล้ว (2555) ในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการของ "บริษัท พราว เรียลเอสเตท จำกัด" ด้วยวัยเพียง 25 ปีเท่านั้น



พราวพุธเล่าว่า คุณย่าเรียนจบแค่เพียง ป.4 เท่านั้น แต่ด้วยความที่เป็นผู้หญิงเก่งและแกร่ง จึงสามารถช่วยกันกับคุณปู่สร้าง "ประยูรวิศว์" จากจุดที่ไม่มีอะไรเลย ต้องอาศัยอยู่บนเรือขนส่งอุปกรณ์ก่อสร้างริมน้ำ จนสามารถก้าวขึ้นมาเป็นธุรกิจครอบครัวที่มั่นคงได้อย่างที่เห็นในทุกวันนี้ ซึ่งนับว่าเป็นโชคดีและสบายของตัวเองที่เข้ามารับช่วงต่อในรุ่นที่ 3 เพราะสิ่งที่เข้ามาทำคือการต่อยอดธุรกิจเท่านั้น

โดยงานชิ้นแรกที่ลูกสาวคนเดียวของสุวัจน์ใช้เปิดตัวในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์คือ"โปรเจ็กต์หัวหินบลูพอร์ต"ซึ่งเป็นการร่วมทุนกันระหว่าง"เดอะมอลล์ กรุ๊ป" เพื่อสร้างศูนย์การค้าขนาดใหญ่แห่งนี้ขึ้นมาในหัวหิน

"การได้เข้ามาทำงานร่วมกับคุณศุภลักษณ์ (ศุภลักษณ์ อัมพุช รองประธานกรรมการบริหารอาวุโส บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด) ด้วยอายุเพียงเท่านี้ ไม่คิดว่าเป็นการกดดันอะไรในการทำงาน แต่มองว่าเป็นโชคดีมากกว่าที่จะมีโอกาสได้เรียนรู้การทำงานจากผู้บริหารระดับซูเปอร์รีเทลของประเทศไทยแบบนี้ดังนั้นจึงจะต้องกอบโกยความรู้เอาไว้ให้มากที่สุด"

ก่อนที่จะรุกทำเลหัวหินขยายธุรกิจเพิ่มเติมในปีนี้กับโครงการอสังหาริมทรัพย์มิกซ์ยูสอย่าง"วานานาวาหัวหิน"ที่มีสวนน้ำ โรงแรม คอนโดฯ ผสมรวมอยู่ด้วยกัน



"สิ่งสำคัญที่ได้เรียนรู้จากคุณย่า คือ ความอดทนในการทำงาน เพราะเราไม่สามารถที่จะประสบความสำเร็จได้ทุกครั้งในชีวิต มีล้มบ้างพลาดบ้าง แต่ทุกครั้งจะต้องกัดฟันทนผ่านไปให้ได้ อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน คือ การใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เพราะต่อให้คุณมีวิสัยทัศน์ที่ดี แต่มันจะไม่สามารถออกมาได้อย่างที่คิดได้ ถ้าคุณไม่ได้ลงไปมองในกระบวนการต่าง ๆ ต้องมองทุกอย่างให้เป็นทีมว่า เราพร้อมที่จะลงไปทำทุกรายละเอียดกับทีมของเราด้วยกัน ส่วนตัวแล้วขอทำให้ได้สักครึ่งหนึ่งของคุณย่าก็มีความสุขแล้ว"

แต่ใช่ว่าจะมีเพียงคุณย่าคนเดียวเท่านั้นที่เป็น"หญิงเก่ง"ในดวงใจของพราวพุธเพราะยังมีคุณแม่พูนภิรมย์อีกหนึ่งคนที่เก่งไม่แพ้กัน

"จะว่าไปแล้วเมื่อมองไปรอบตัวพราวก็เจอแต่ผู้หญิงเก่งเต็มไปหมด ซึ่งคุณแม่ก็นับว่าเป็นหนึ่งในนั้น เพราะนอกจากท่านจะเป็นมาแล้วทั้ง ส.ว. และรัฐมนตรี ท่านยังเป็นผู้หญิงที่สามารถสร้างสมดุลชีวิตให้กับการทำงานและครอบครัวได้ดีมาก"

อีกหนึ่งบุคคลสำคัญในชีวิตของพราวพุธที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ"คุณพ่อสุวัจน์"ซึ่งเป็นทั้งผู้ให้คำแนะนำทุกเรื่องรวมทั้งสร้างโอกาสและความยากลำบากในชีวิตของลูกสาวเพียงคนเดียวอย่างที่ไม่ได้ตั้งใจ

"เป็นเรื่องปกติของพ่อลูกทั่วไปไม่ว่าเราจะทำงานอยู่บริษัทไหนก็ตามเวลาที่มีปัญหาเราก็จะหันมาปรึกษาคุณพ่อไม่ใช่แค่เรื่องงานเท่านั้นยังมีเรื่องส่วนตัวอื่น ๆ ด้วย เพียงแต่คุณพ่อของพราวอาจจะอยู่ในวงการเมืองมาก่อน ดังนั้น ในแง่นโยบายภาพใหญ่ของประเทศ พ่อจะรู้ว่าประเทศชาติจะไปทางไหน ตรงนี้จัดว่าเป็นโอกาสสำหรับเรา"

ส่วนในแง่มุมของ "ความยากลำบาก" พราวพุธชี้แจงว่า เมื่อต้องอยู่ในสถานะลูกสาวนักการเมืองดังของเมืองไทย มักจะถูกมองเป็นบุคคลผู้มีอภิสิทธิ์ในเรื่องต่าง ๆ เหนือกว่าผู้อื่น ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วสิ่งที่จะมีแต่ในมุมตรงข้ามกันมากกว่า

เพราะเวลาจะต้องทำอะไร ขยับตัวไปทางไหน ต้องเพิ่มความระมัดระวังมากเป็นพิเศษ และทุกอย่างจะต้องถูกต้อง 100 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

"ต้องยอมรับเลยว่ามันจะมีคนอยู่กลุ่มหนึ่งที่มีอคติประมาณหนึ่ง อย่างตอนที่เข้าแมคเคนซี่ได้ พูดเลยว่าพราวทำเองทุกอย่าง 100 เปอร์เซ็นต์ ต้องมาสอบข้อเขียนและสอบสัมภาษณ์อีก 2-3 รอบ ซึ่งเราก็เตรียมตัวอยู่หลายเดือน พอเข้าได้แล้วก็จะมีคนพูดอยู่ตลอดว่าคุณเข้ามาได้เพราะว่าคุณเป็นลูกใคร ซึ่งเรารู้สึกเสียใจในระดับหนึ่ง"

พราวพุธแอบตัดพ้อแบบติดตลก คือ การที่ตนเองไม่ได้รับยีนความสามารถทางด้านกีฬามาจากคุณพ่อซึ่งมีทักษะสูง (มาก) เลยแม้แต่น้อย ถึงต่อให้ชอบมากแค่ไหน สุดท้ายก็ทำได้เพียงแค่เป็นคนดูเท่านั้น

"ด้วยความที่ไม่ค่อยมีทักษะด้านนี้ กิจกรรมยามว่างที่ทำได้ก็มีเพียงแค่เข้ายิมไปออกกำลังกายรีแลกซ์ธรรมดา ๆ อย่างการปีนเขาจำลอง ต่อยมวย ขี่จักรยานเท่านั้น"



อย่างไรก็ตาม แม้พราวพุธจะออกปากว่าเวลาส่วนใหญ่จะหมดไปให้กับการทำงานของครอบครัว แต่เมื่อถึงเวลาต้องเล่นเธอก็จัดหนักไม่น้อยไปกว่าการทำงาน ตามหลักการ "เวิร์กฮาร์ด เพลย์ฮาร์ด" ที่ยึดถือขนบนี้มาตั้งแต่การทำงานอยู่ที่แมคเคนซี่มาก่อน ทำให้ระบบการบริหารงานของผู้บริหารสาวรายนี้ไม่เคร่งครัด หรือเต็มไปด้วยพิธีรีตองมากมายเหมือนองค์กรใหญ่ทั่ว ๆ ไป

"สไตล์การทำงานของพราวกับพนักงานจะมีความเป็นกันเองพอสมควร เรียกได้ว่าชิวมากในระดับหนึ่ง ยกตัวอย่างง่าย ๆ ว่า คุณจะแต่งตัวมาทำงานยังไงก็ได้ เราไม่สน แต่งานที่คุณทำจะต้องเปอร์เฟ็กต์ จะต้องออกมาดีพอสมควร นอกเวลาทำงานจะเล่น จะทำอะไรก็ตามสบายของทุกคน แต่อย่างเดียวคือ งานที่ออกมาต้องได้ดีอย่างที่เราคิดเอาไว้"

เมื่อโปรเจ็กต์ยักษ์ใหญ่ของครอบครัวประสบความสำเร็จแล้วเป้าหมายต่อไปของทายาทลิปตพัลลภรุ่น3คืออะไร ?



พราวพุธตอบในทันทีว่า คงเป็นการขยายแบรนด์ต่อยอดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ต่อไปให้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เพียงแต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในเรื่องเงินทุน เพราะเมื่อประสบความสำเร็จในจุดที่กำลังยืนอยู่ตรงนี้แล้ว ตนเองก็อยากที่จะใช้ทุนส่วนตัวสร้างธุรกิจหรือแบรนด์ที่เป็นของตนเองอย่างแท้จริง

"ในอนาคตหากธุรกิจของครอบครัวเสร็จแล้ว ก็อาจจะแตกแบรนด์ไปทำที่เป็นของเราจริง ๆ ซึ่งไม่ใช่การต่อยอดของครอบครัวที่เขาได้สร้างฐานเอาไว้ให้เราอยู่แล้ว เพราะวันหนึ่งเราอยากสร้างธุรกิจที่เกิดขึ้นจากมือของเราจริง ๆ แบบที่คุณย่าเคยทำได้มาก่อน"









// //

Copyright (c) 2010 munjeed.com All rights reserved.