ฮอกไกโดหน้าร้อน โอว มันโดนมาก (ตอนที่ 4)
 


ฮอกไกโดหน้าร้อน โอว มันโดนมาก (ตอนที่ 4)


ฮอกไกโดหน้าร้อน โอว มันโดนมาก (ตอนที่ 4)

แล้วก็ถึงเวลา Sayonara บ๊ายบาย ฮอกไกโด หน้าร้อนโอวมันยอดมากกันแล้วนะครับ แฟนๆ ไทยรัฐออนไลน์ทุกท่าน หลังจากตอนที่แล้วเราตะลุยเที่ยวทางเลียบกัน วันนี้ได้เวลาทยอยขึ้นฟ้า ไปดูทะเลหมอกอันแสนเลื่องชื่อ ของ Tomamu กัน โดยทางโรงแรมเค้าได้จัดจุดชมทะเลหมอก เรียกว่า Unkai terrace โดยจะมี เคเบิ้ลคาร์ เอาไว้คอยบริการสำหรับคนทุกเพศทุกวัย เพราะหากจะเดินกันขึ้นไป มีหวังหอบลิ้นแฮกเป็นแน่แท้

 

แต่ก็เป็นธรรมดา หากเราจะไปดูทะเลหมอกก็ต้องตื่นแต่เช้าหน่อย โดยชาวทริปเราสลัดความงัวเงีย ตื่นมาอาบน้ำแต่งตัวตั้งแต่ตอนตี 3 เพื่อที่จะมาให้ทันรถที่ทางโรงแรมจัดไว้ให้บริการเที่ยวแรกในเวลาตี 4 แต่แม่เจ้า ตี 3 ที่นี่พระอาทิตย์ขึ้นแดงแจ๋แล้ว มองออกไปจากกระจกห้องนอนที่ฮกหลงพัก นี่มันแสงอาทิตย์ตอนสัก 9-10 โมงชัดๆ แต่ที่ตรึงสายตาฮกหลงคือ ตึกแฝดและบริเวณรอบนอกเกือบทั้งหมด ถูกปกคลุมด้วยหมอกอย่างสวยงาม เหมือนที่ MR.Satoshi หรือพ่อหนุ่มแสนดี ขวัญใจสาวๆ ชาวทริป บอกเอาไว้แล้วว่า วันนี้จะมีหมอกให้เราดูความงามประมาณ 60%

 

 


เมื่อเราเข้าคิวขึ้นเคเบิ้ลคาร์ ฝ่าสายหมอก ทะยานสู่ Unkai terrace ก็ไม่ผิดหวังจริงๆ เพราะมันสวยมาก แม้จะมีทะเลหมอกเพียง 60% ตัดกับฉากหลังคือภูเขาฮิดากะ และภูเขาโทคาชิ แต่บรรยากาศโดยรอบมันสวย และอากาศบริสุทธิ์ดีมาก อ่อเกือบลืมบอกไปสำหรับท่านใดที่จะไปจุดชมวิวนี้ ควรเอาเสื้อกันหนาวติดไม้ติดมือไปด้วย เพราะอากาศหนาวได้ใจและลมแรงมาก แม้แต่ชาวญี่ปุ่นเองที่ว่าชินอากาศหนาวแล้ว ฮกหลงยังเห็นสูดปาก เอามือถูกัน บ่นหนาวๆ กันเป็นทิวแถว และอีกนิดที่ต้องบอกคือ ทะเลหมอกในแต่ละวันนั้น จะเกิดขึ้นมากน้อยไม่เท่ากัน เพราะฉะนั้น ท่านใดดวงดี ก็อาจจะมีโอกาสได้เห็นทะเลหมอกที่สวยยิ่งกว่าที่ฮกหลงได้สัมผัสผ่านจักษุก็เป็นได้ โดยช่วงเวลาที่เหมะสมสำหรับชมทะเลหมอกที่นี่ก็คือ เฉพาะปลายเดือน พ.ค. ถึงปลายเดือน ต.ค. เท่านั้น

 

 


ร่ำลาพ่อหนุ่ม Satoshisan แห่ง Tomamu พวกเราก็เดินทางต่อไปที่เมืองบิเอะ เพื่อไปชม Shikisai no oka หรือเนินสี่ฤดู อันโด่งดัง ที่นักท่องเที่ยวชาวไทยและทั่วโลกรู้จักกันดี แต่ก็ให้น่าเสียดายอีกเช่นกัน ที่ช่วงที่ฮกหลงไปคือช่วงต้นเดือน มิ.ย. นั้น เนินสี่ฤดูแห่งนี้ ดอกไม้ยังไม่ผลิดอกออกใบเต็มที่ จึงไม่สามารถเก็บภาพยามสวยสะพรั่งมาให้ได้ชมกันได้ แต่ในช่วงเดือน ก.ค. เนินแห่งนี้จะสวยงามพร้อมให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสความงามกันได้เต็มที่แล้ว เพราะฉะนั้น หากใครไป Hokkaido ช่วงนี้ จึงไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง ดังนั้น ฮกหลงจะขอนำภาพที่ฮกหลงถ่ายไว้ มาเปรียบเทียบกับช่วงที่งามสะพรั่งเต็มที่ให้แฟนๆ ไทยรัฐออนไลน์ ได้ชื่นชมก็แล้วกัน

 

 

 

อ่อ เกือบลืมบอกไป หากใครไปที่นี่ ไม่ควรพลาดไปจ่าย 500 เยน และอีก 100 เยน สำหรับสัมผัสความน่ารักและให้อาหารเจ้า อัลปาก้า สัตว์น่ารักขวัญใจสาวสวยน้องแป้งโกะ ซึ่งมันจะดูเป็นอูฐก็ไม่ใช่จะเป็นแกะก็ไม่เชิง แต่ไปลองเล่นกับมันแล้วก็ดูน่ารักดีไม่หยอกสมกับที่น้องแป้งโกะบอกไว้

 



จ่ายเงินให้อาหารเจ้าอัลปาก้าแล้ว เราก็เดินทางไปชมความงามของ Blue pond หรือสระมรกต เอ้ยไม่ใช่ ทะเลสาปสีฟ้า ซึ่งว่ากันว่าเป็นปรากฏการณ์และจุดท่องเที่ยว ที่เกิดขึ้นได้เนื่องจากความไม่ตั้งใจ เพราะตั้งแต่แรกเริ่มเดิมทีนั้น ในจุดนี้เค้าต้องการจะสร้างเขื่อนกั้นแม่น้ำ เพื่อแก้ปัญหาดินโคลนไหลจากภูเขาไฟโทคาชิ ส่วนหนึ่งของแม่น้ำจึงกลายเป็นทะเลสาบ แต่ในช่วงที่กำลังสร้างเขื่อนอยู่ดีๆ นั้น กลับดันมีสารอะลูมิเนียม หล่นลงสู่ทะเลสาบจำนวนมาก จนทำให้น้ำเปลี่ยนสีกลายเป็นสีฟ้า แต่จุดที่ทำให้ที่นี่โด่งดังเป็นพลุแตกจริงๆ ก็เมื่อบริษัท Apple ได้นำภาพของทะเลสาบแห่งนี้ ไปเป็นวอลเปเปอร์ของ OSX Mountain Lion จากนั้นมา Blue pond ก็มีชื่อเสียงโด่งดัง เช่น คุณชายจุฑาเทพ ในที่สุด

 

 



โลมเลียความงามของ Blue pond แล้ว ก่อนจะเข้าที่โรงแรม Century royal hotel sapporo ซึ่งเป็นสถานพักพิงวันสุดท้ายก่อนกลับประเทศไทย ทีมงานชาวญี่ปุ่่น ได้พาเราแวะพักจุดชมวิวและซื้อของฝากที่ไร่องุ่นแห่งหนึ่ง ขอประทานโทษจริงๆ ดันลืมถามชื่อมา ซึ่งมีวิวที่สวยงามและขนมนมเนย รวมถึงไอศกรีมฮอกไกโดรสองุ่นที่แสนอร่อย ลองชมรูปเอาแล้วกันนะครับ แต่สอบถามทีมงานชาวญี่ปุ่นมา ทราบว่าเป็นไร่องุ่นที่นำไปผลิตไวน์ชั้นเยี่ยม และมีคุณภาพของเมือง Furano

 

 



หลังจากนั้นเราก็เดินทางไปเช็กอินที่โรงแรม Century royal hotel sapporo เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับไปช็อปปิ้งครั้งมโหฬาร ที่ Jr sapporo station ซึ่งมีห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ของญี่ปุ่น 3 ห้างคือ ห้าง Daimaru Tokyu และ Bic camera อยู่ภายใน และอยู่ห่างจากโรงแรมที่พักไปเพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้น และขอบอกเลยว่าในช่วงที่ค่าเงินเยนอ่อนเช่นนี้ คนไทยไม่ควรพลาดเพราะของถูกมาก โดยเฉพาะนาฬิกา น้ำหอม เสื้อผ้า อุปกรณ์ไฮเทค ทั้งหลายแหล่ โดยสาวๆ ในคณะเรานั้น แม้เวลาจะให้ช็อปน้อยก็บ่ยั่น เพราะแม่ถลกแขนเสื้อกึ่งเดินกึ่งวิ่ง เข้าร้านโน้นออกร้านนี้ หอบซื้อกันมาได้หลายถุง จนฮกหลงต้องแปลกใจว่า ทำกันได้อย่างไร 55555

 

 


ช็อปเสร็จยังไม่ทันหายเหนื่อย คณะทีมงานชาวญี่ปุ่น นำโดย MR.Sasano yasuyuki Chif official of international tourism division ก็ได้พาคณะมาเลี้ยงอำลาชุดใหญ่ ให้กับพวกเรากันที่ร้าน Kani Honke อันมีชื่อเสียงเรื่องปูยักษ์ ของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งก็อร่อยล้ำเลิศสมดังคำร่ำลือจริงๆ และฮกหลงยังเหลือบมองไปพบ ที่บริเวณประตูทางเข้า ยังได้เห็นรูปดาราชื่อดังชาวไทยของเรา ที่แวะมารับประทานปูที่นี่ แปะอยู้ข้างฝารับประกันความอร่อยอีกแรงด้วย

 

 

 

แต่ระหว่างการรับประทานอาหารค่ำนี้ ทีมงานชาวญี่ปุ่นทำให้พวกเราเซอร์ไพรส์ เรียกเสียงฮากันอึงคะนึง เพราะ MR.Sasano ที่แรกเห็นดูเคร่งขรึม น่าเกรงขามเหมือนซามูไรญี่ปุ่นโบราณนั้น จู่ๆ พี่แก ก็มาเล่นสนุกกับพวกเราโดยการเป่าลูกโป่งทำเป็นชุดนักรบญี่ปุ่นให้กับฮกหลง และทำชุดเจ้าหญิงให้กับน้องแป้งโกะ จนทำให้ฮกหลงได้โอกาสควงกับน้องแป้งโกะอย่างที่เห็นในภาพ คริคริๆ ส่วนตัวพี่แกทำลูกโป่งเป็นชุดตัวตลก เรียกเสียงลั่นชัตเตอร์และความสุขมาสู่มวลคณะในช่วงการกล่าวอำลาได้เป็นอย่างดี

 



และแล้วในช่วงอรุณรุ่งวัดถัดมา ก็ได้เวลาแห่งการลาจากอย่างแท้จริง ซึ่งในช่วงของการเตรียมออกจากโรงแรม Century royal hotel sapporo นั้น คำเฉลยเรื่องความกงก๊ง ขี้ลืม จนนำๆ ไปสู่การล้อเลียนถากถางฮกหลง ไม่รู้จบจากทีมร่วมทริป ทั้งญี่ปุ่นและไทย จากการที่ดันไปทำบัตรขึ้นเคเบิ้ลคาร์ ที่ Kurodake ตั้งแต่วันที่ 2 หายไปแบบไร้ร่องรอย ก็ได้รับการเฉลย เมื่อขณะที่พวกเรา กำลังจัดแจงคืนอุปกรณ์เลาท์เตอร์แบบพกพาที่ทีมงานญี่ปุ่น จัดไว้ให้สำหรับท่องอินเทอร์เน็ตได้ตลอด 24 ชั่วโมงนั้น เจ้าบัตรเจ้ากรรมที่ว่า มันไม่ได้หายไปไหนสักหน่อย แต่มันอยู่ในซองเก็บเลาท์เตอร์ที่ติดตัวมากับฮกหลง ตลอดเวลาของการท่องเที่ยว โดยพี่บู แห่ง marumura.com ซึ่งเป็นผู้ที่เห็นเป็นคนแรก ได้ชี้นิ้วมาที่บัตรเจ้ากรรมนี้ พร้อมกับทำเสียงดังหยอกล้อกึ่งถากถางฮกหลงว่า นี่ไงบัตรที่ฮกหลงว่าทำหายไป เล่นเอาทั้งคนไทยและญี่ปุ่นหันมามองกันควับ พร้อมระเบิดเสียงหัวเราะถากถาง ทั้งในซาวด์ญี่ปุ่นและไทยกันลั่นล็อบบี้ โอยแม่เจ้า อายโคตรๆ โตะ ก่อนกลับเมืองไทย

ท้ายที่สุดนี้ ฮกหลง ต้องขอขอบพระคุณฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์อิเล็กทรอนิกส์ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) Hokkaido Tourism Organization และองค์กรส่งเสริมการท่องเที่ยวญี่ปุ่น ที่ได้อำนวยความสะดวกตลอดการท่องเที่ยวที่แสนสนุก สวยงาม และอบอุ่นนี้ รวมทั้งเพื่อนร่วมทริปผู้น่ารัก พี่ปราย และพี่จักรแห่งรายการ "แจ๋ว" ของสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 พี่เอี๊ยะ จากหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ พี่เอ๋ จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ พี่นก จากนิตยสารไฮโซปาร์ตี้ พี่บู กูรูญี่ปุ่นตัวจริงจากเว็ปไซต์ marumura.com น้องแป้งโกะ นักร้องแสนสวย และน้องหุย ผู้จัดการส่วนตัว พี่ลุย พี่เอ๋ หรือแม่ประนอม จอมรีวิวท่องเที่ยวแห่ง pantip.com และคุณโอ๋ จากการบินไทย ขอขอบคุณจากใจอีกครั้ง ขอบคุณมากครับ Arigato kosaimashita มีโอกาสคงได้เจอกันอีกในทริปหน้า.

ขอบคุณรูปบางส่วนจากความอนุเคราะห์ของ พี่นก นิตยสารไฮโซปาร์ตี้ พี่บู จากเว็บไซต์ marumura.com พี่ลุย พี่เอ๋ หรือแม่ประนอม จาก pantip.com ด้วยนะครับ

 



// //

Copyright (c) 2010 munjeed.com All rights reserved.