บรู๊ซ ลี ได้ชื่อว่าเป็นบุคคลแรกที่นำศิลปะการต่อสู้แบบกังฟูขึ้นสู่จอภาพยนตร์ และใช้ภาพยนตร์ทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมวัฒนธรรมตะวันออกและตะวันตกเข้าไว้ด้วยกัน และทำให้ฮ่องกงมีที่ยืนในแผนที่ภาพยนตร์โลก

ลีเคยแสดงภาพยนตร์เพียง 5 เรื่อง และมีเพียง 3 เรื่องที่ได้ฉายก่อนที่เขาจะเสียชีวิตที่ฮ่องกงเมื่ออายุได้เพียง 32 ปี

ตั้งแต่วันนี้ (20 ก.ค.)เป็นต้นไป ฮ่องกงได้ร่วมรำลึกครบรอบ 40 ปีการเสียชีวิตของ บรูซ ลี ตำนานกังฟูของวงการภาพยนตร์โลก ด้วยการเปิดนิทรรศการระยะเวลา 5 ปี ที่พิพิธภัณฑ์มรดกฮ่องกง เพื่อร่วมเฉลิมฉลองให้แก่ดาราผู้ยิ่งใหญ่ตลอดกาล

แชนนอน ลี ลูกสาวที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของลี กล่าวว่า เหตุผลเดียวที่เรายังคงพูดถึงบรู๊ซ ลี โดยมิใช่เพียงการหวนรำลึกถึงความหลัง ก็คือความเชี่ยวชาญในศิลปะป้องกันตัว ปรัชญา และความจริงแท้ในชีวิตของเขา เพราะหากเขาแค่แสดงดีในฉากแอ็คชัน โดยปราศจากสิ่งที่กล่าวมา เขาก็จะไม่มีทางเป็นแรงบันดาลใจให้แก่คนรุ่นต่อๆมาได้กระทั่งถึงปัจจุบันได้

แชนนอน ลี

พิพิธภัณฑ์มรดกฮ่องกงเริ่มเปิดให้ผู้สนใจเข้าชมนิทรรศการดังกล่าว ที่มีชื่อว่า "บรูซ ลี.กังฟู.ศิลปะ.ชีวิต" ในวันนี้เป็นวันแรก เนื่องจากเป็นวันครบรอบ 40 ปีการจากไปของลีพอดี โดยนิทรรศการจะจัดแสดงต่อเนื่องถึงวันที่ 20 ก.ค. 2561

ภายในงานมีการจัดแสดงผลงานกว่า 600 ชิ้นที่เกี่ยวข้องกับตัวลี ในจำนวนนี้ 400 ชิ้นได้รับความอนุเคราะห์จากมูลนิธิบรูซ ลี ที่มีลูกสาวของเขาเป็นประธาน ซึ่งให้ยืมสิ่งของส่วนตัวต่างๆมาจัดแสดง ถือเป็นนิทรรศการเกี่ยวกับตำนานกังฟูแห่งโลกภาพยนตร์ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา

จากสิ่งของกว่า 600 ชิ้น  สิ่งของที่เป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีก็คือชุดเสื้อและกางเกงวอร์มสีเหลืองและคาดแถบสีดำ ที่ลีใช้สวมใส่ในหนังเรื่อง"ไอ้หนุ่มซินตึ๊ง เกมมังกร" บทกลอนที่ลีเขียนเป็นภาษาอังกฤษ ภาพถ่ายครอบครัว และสมุดบันทึกที่เขียนถึงตารางการเต้นชะชะช่า ที่ลีเคยได้ตำแหน่งแชมเปี้ยนมาแล้ว

ด้านแชนนอน ซึ่งมีอายุเพียง 4 ขวบขณะที่พ่อของเธอเสียชีวิตเสียชีวิตจากการแพ้สารคลายกล้ามเนื้อที่อยู่ในยาแก้ปวด ที่ฮ่องกง เมื่อปี 1973 ขณะอายุเพียง 32 ปี เปิดเผยว่า ความทรงจำที่มีต่อพ่อของเธอยังคงไม่ชัดเจน และปรากฏขึ้นมาเป็นระยะๆ แต่สิ่งที่เธอจำได้มากที่สุดคือความรู้สึกว่าเธอรู้สึกปลอดภัย และสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งและความรักที่พ่อมอบให้

ลีเกิดที่นครซานฟรานซิสโกของสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 1940 ซึ่งเป็นปีมังกร ขณะที่พ่อแม่ของเขาเดินทางไปที่นั่น ก่อนที่จะเดินทางกลับฮ่องกงขณะที่เขามีอายุไม่กี่เดือน ต่อมาเขากลายเป็นดาราเด็กในหนังฮ่องกงเรื่อยมา กระทั่งได้เรียนกังฟูและคาราเต้ อีกทั้งยังมีความเชี่ยวชาญการเต้นแบบลาติน

ต่อมาเมื่อเห็นว่าเขาเอาดีกับการเรียนไม่ได้และมีเรื่องชกต่อยบ่อยครั้ง พ่อแม่จึงส่งตัวเขากลับไปยังอเมริกาหลังจากที่มีอายุได้ 18 ปี และอาศัยอยู่กับพี่สาวคนโต แอกเนส ลี ที่ซานฟรานซิสโก และศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยวอชิงตัน ในสาขาการแสดง ซึ่งเป็นที่ที่เขาพบกับภรรยา ลินดา เอเมอรี ซึ่งเป็นนักเรียนศิลปะการต่อสู้แบบจีนที่ลีรับจ้างสอน

ต่อมาเมื่อสมรสกันในปี 1964 ทั้งสองได้ย้ายกลับไปรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งลีได้ร่วมแสดงในซีรีส์ทางโทรทัศน์ "เพชรฆาตหน้ากากแตน" ซึ่งไม่ประสบความสำเร็จมากนัก ลีจึงตัดสินใจเดินทางกลับฮ่องกง

ภาพยนตร์เรื่องแรกของเขา "ไอ้หนุ่มซินตึ๊ง"กลายเป็นภาพยนตร์ที่ได้รับความนิยมไปทั่วเอเชีย  และเป็นจุดเริ่มต้นของกระแสคลั่งไคล้บรู๊ซ ลี

นอกจากนี้ ทีมงานจัดนิทรรศการยังได้จำลองฉากในภาพยนตร์ที่ลีนำแสดง และรวบรวมของสะสมของบรรดาผู้ที่ชื่นชอบลีมาจัดแสดงร่วมกันด้วย ขณะที่สมาพันธ์ผู้กำกับภาพยนตร์ฮ่องกงผลิตสารคดีพิเศษความยาว 75 นาทีชื่อ "เดอะ บริลเลียน ไลฟ์ ออฟ บรูซ ลี" สำหรับฉายเป็นการพิเศษในนิทรรศการแห่งนี้ที่เดียวเท่านั้น