นายประพัฒน์ เชยชม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโสการตลาดและการขาย บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า นิสสันได้เปิดตัวรถปิกอัพ นิสสัน นาวารา เอ็กซ์-ตร้า ซีเอ็นจี (X-TRA CNG) เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ให้กับลูกค้ารถกระบะของนิสสัน โดยมีจุดเด่นในเรื่องถังก๊าซซีเอ็นจีขนาดใหญ่ 140 ลิตร สามารถวิ่งได้ไกลกว่าค่ายอื่น ไม่ต้องแวะเติมก๊าซบ่อย จะติดตั้งในรุ่นเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2500 ซีซี ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังเป็นกระบะที่ให้กำลังถึง 154 แรงม้า นอกเหนือจากความเป็นกระบะพันธุ์แกร่งได้รับความนิยมอย่างสูงของลูกค้ารถกระบะ

นายประพัฒน์กล่าวว่า สำหรับราคาอาจจะปรับเพิ่มขึ้นคันละประมาณ 6-7 หมื่นบาท ถือว่าคุ้มค่ากับการใช้พลังงานทางเลือก เป็นไปตามนโยบายรัฐบาลต้องการให้มีรถยนต์พลังงานทางเลือก เพราะขณะนี้ราคาน้ำมันปรับราคาสูงขึ้นมาก โดยเฉพาะแก๊สโซฮอล์ลิตรละกว่า 41 บาท ในช่วงแรกอาจจะผลิตไม่มาก แต่ก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และสามารถส่งมอบรถให้ลูกค้าได้ภายในปลายเดือนกรกฎาคมนี้

"เราไม่เลือกติดตั้งก๊าซแอลพีจี เพราะเป็นก๊าซที่ใช้ในครัวเรือน เชื่อว่าก๊าซซีเอ็นจีจะได้รับความนิยมโดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ปริมณฑล รวมทั้งจังหวัดใหญ่ที่มีสถานีบริการซีเอ็นจี ปกตินาวารามียอดขายเดือนละ 1.5-2 พันคัน แม้ว่าจะเปิดตัวมา 6-7 ปีแล้ว แต่ก็ถือว่ายังได้รับความนิยมอยู่ และเชื่อว่าเมื่อเปิดตัวรุ่นซีเอ็นจีจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น" นายประพัฒน์กล่าว และว่า

สำหรับตลาดรถยนต์โดยรวมช่วง 1-2 เดือนนี้ ชะลอตัวลง เป็นไปตามปกติเมื่อย่างเข้าฤดูฝน ทำให้ค่ายรถยนต์ต่างแข่งขันกันออกแคมเปญเพื่อดึงดูดลูกค้ากันอย่างเต็มที่ ถือว่าเป็นโอกาสทองของผู้ที่จะซื้อรถ เพราะแคมเปญต่างๆ ค่ายรถยนต์จะทำเฉพาะช่วงตลาดชะลอตัว เพียงระยะเวลาสั้นๆ เนื่องจากงบประมาณการออกแคมเปญมีจำกัด เมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูการขายก็จะหยุดแคมเปญ สำหรับนิสสันก็ออกแคมเปญรถทุกรุ่นทั้งฟรีประกันภัยชั้น 1 ดอกเบี้ยต่ำ บางรุ่นมี 0% ผ่อนระยะยาว สามารถสอบถามได้ที่ผู้แทนจำหน่ายนิสสันได้ทั่วประเทศ

นายประพัฒน์กล่าวว่า แม้ตลาดรถยนต์จะชะลอตัวลง เดิมคาดว่าตลาดรวมปีนี้น่าจะอยู่ที่ 1.2 ล้านคัน นิสสันวางเป้าหมายยอดขาย 1.2 แสนคัน หรือ 10% ของตลาดรวม แต่ขณะนี้ค่ายรถยนต์ลุ้นว่าตลาดรวมจะถึง 1 ล้านคันหรือไม่ แต่ทางนิสสันยังคงเป้าหมายเดิมอยู่ เพราะเร็วเกินไปหากจะให้ปรับเป้าหมาย คงต้องรอดูสถานการณ์อีกซัก 1-2 เดือน จึงจะทราบได้ว่าจะต้องมีการปรับเป้าหมายปีนี้หรือไม่

(ที่มา:มติชนรายวัน 18 ก.ค.2556)